กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 98 เซี่ยชิงหยวนทุบตีคน
บทที่ 98 เซี่ยชิงหยวนทุบตีคน
บทที่ 98 เซี่ยชิงหยวนทุบตีคน
เซี่ยชิงหยวนจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองเรียบร้อยแล้วและพันผ้าขนหนูผืนบางไว้อีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ถือว่าอนาจาร
เสิ่นอี้โจวหันกลับไปมองเธอ “ทําไมคุณถึงออกมาล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเธอ ฉันก็ควรจะช่วยเหลือสักหน่อย”
เธอหยุดพูดชั่วครู่ “เรื่องราวมันเริ่มจะบานปลายแล้ว และยังเป็นการกดดันพวกเราเพื่อรับเธอเข้าอยู่ในบ้านด้วยค่ะ”
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น เราจะไม่ไปตามที่เธอต้องการเหรอ?”
หากเป็นไปตามความคิดของเขา แค่ปล่อยอีกฝ่ายไป และเดี๋ยวเธอก็จะรามือไปเอง
สายตาของเซี่ยชิงหยวนเริ่มมืดมน “มันก็ใช่ค่ะ แต่ถ้าไม่ไปในตอนนี้ ด้วยนิสัยของผู้หญิงคนนั้น อาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นมันอาจจะดีกว่าหากให้เธอได้รับบทเรียนสักครั้ง และอยู่เงียบ ๆ ไปสักพัก”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายวางแผนไว้อยู่แล้ว เสิ่นอี้โจวจึงพูดว่า “ก็ได้ งั้นเราไปดูด้วยกันเถอะ”
…
เซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนชุดนอนและออกไปพร้อมกับเสิ่นอี้โจว
ศาลากลางได้จัดเตรียมหอพักไว้สําหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่โรงอาหาร
ส่วนหอพักของจางอวี้เอ๋อก็อยู่ในตึกหอพักของเจ้าหน้าที่โรงอาหาร
แต่สภาพความเป็นอยู่ในหอพักย่อมดีไม่เท่าย่านที่พักของเจ้าหน้าที่ระดับสูงแน่นอน
จางอวี้เอ๋ออาศัยอยู่ในห้องที่มีผู้พักอาศัยถึงสี่คน
เมื่อกลุ่มของเสิ่นอี้โจวเดินมาถึงหน้าตึกหอพัก ก็มีคนรออยู่ข้างนอกแล้ว
เป็นผู้อํานวยการกิจการภายในกําลังรออยู่
ทันทีที่เห็นเสิ่นอี้โจว เขาก็เอ่ยทักทายชายหนุ่ม
แต่เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน เขาก็ตกตะลึง
เสิ่นอี้โจวเอ่ยแนะนํา “นี่คือภรรยาของผมครับ”
หลังจากผู้อํานวยการกิจการภายในประหลาดใจ หัวใจของเขาเหมือนจะเต้นผิดจังหวะ
โอ้ แม่ทูนหัว ดูท่าเรื่องราวคราวนี้จะยุ่งยากซะแล้ว กระทั่งภรรยาของเลขาธิการยังเข้ามามีเอี่ยวด้วย
เขาอธิษฐานในใจว่าจางอวี้เอ๋อจะไม่สร้างปัญหามากเกินไป ไม่อย่างนั้น เขาจะต้องเป็นคนตามล้างตามเช็ดเองทั้งหมด
ผู้อํานวยการคนนั้นพยักหน้าให้กับเซี่ยชิงหยวนเล็กน้อย “คุณนาย”
เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวรู้ดีว่าทุกคนที่อยู่ในตอนนี้กำลังเฝ้าดูเธอ
นอกจากคนที่อาศัยอยู่ในเขตที่พักครอบครัวแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยเห็นเธอมาก่อน
พวกเขาคงกำลังคาดเดาว่าภรรยาของเสิ่นอี้โจวเป็นคนแบบไหน
บางคนอาจรู้สึกว่าผู้หญิงจากชนบทต้องเป็นคนโง่เขลาและไม่เจียมตัว
เช่นเดียวกับตอนที่เธอติดตามเสิ่นอี้โจวไปยังสถาบันวิจัยทางธรณีวิทยาครั้งแรก เธอได้ยินคําเหล่านั้นมามากพอแล้วว่า ตัวเองไม่เหมาะสมกับเสิ่นอี้โจว
ยิ่งผู้คนเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องยืดอกเชิดเพื่อที่พวกเขาจะไม่เห็นเป็นเรื่องตลก
ผู้อํานวยการกิจการภายในอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขารู้ว่า “ช่วงบ่ายวันนี้ จางอวี้เอ๋อเก็บกระเป๋าและบอกว่าจะไปพักอยู่ที่บ้านของเลขาฯ เสิ่นครับ”
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “ตอนที่จากไป เพื่อนร่วมห้องที่เหลือในห้องก็เข้าใจว่าเตียงจะว่างแล้ว จึงได้วางของไว้บนเตียงของเธอ แต่ทันทีที่จางอวี้เอ๋อกลับมาช่วงหัวค่ำ ก็ได้ตำหนิพวกเขาที่วางของบนเตียงของเธอ พูดกันอยู่ราวสองสามประโยค จากนั้นพวกเขาก็ทะเลาะกัน เธอกับผู้หญิงที่ชื่อฟางฉินก็เลยได้รับบาดเจ็บจนเลือดออกครับ อีกทั้งยังบอกว่าจะเรียกเลขาฯ เสิ่นมาสั่งสอนพวกเขาด้วย”
ขณะผู้อำนวยการกล่าว เขาก็ลอบสังเกตใบหน้าของคนทั้งสองไปด้วย
เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งเสมอ ทําให้มองไม่ออกเลยว่าในใจของพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในหอพัก ก็มีการทะเลาะกันอีกครั้งดังขึ้น
ผู้อำนวยการรี่ตรงเข้าไปทันที และเอ่ยเสียงดังว่า “จะตะโกนอะไรกันอีก? พวกคุณได้รับบาดเจ็บกันไปแล้วไม่ใช่รึไง ยังจะมีเรื่องกันอีกเรอะ? เลขาธิการเสิ่นอยู่ที่นี่แล้ว รีบแยกย้ายเดี๋ยวนี้!”
ด้วยเสียงคํารามของผู้อำนวยการ ภายในหอพักพลันเงียบลง
ทันใดนั้น เสียงร้องของจางอวี้เอ๋อก็ดังขึ้น “ฮือออออ!”
ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงและมีเลือดไหลออกจากหน้าผาก
ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามกับจางอวี้เอ๋อก็มีสภาพไม่ต่างกัน และเธอกำลังถูกคนอื่นรั้งไว้อยู่
หญิงสาวเดาว่าผู้หญิงอีกคนน่าจะเป็นฟางฉินที่ผู้อํานวยการพูดถึงก่อนหน้านี้
จางอวี้เอ๋อดีใจมากเมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวมาจริง ๆ
เธอแสร้งทําตัวน่าสงสารทันที หญิงสาวกุมหน้าผากของเธอและโน้มตัวไปทางร่างของเสิ่นอี้โจวอย่างล่อแหลม
เธอตะโกน “พี่เขย ฉันถูกรังแกจนกำลังจะตายแล้ว!”
เสิ่นอี้โจวมีสายตาและมือที่ว่องไวมาก เขาคว้าตัวเซี่ยชิงหยวนมาทางด้านข้างและหลบเลี่ยงอีกฝ่าย
ทว่าจางอวี้เอ๋อทันตั้งตัว ร่างกายที่ไร้แหล่งพักพิงนั้นพลันล้มลงกับพื้นอีกหน
ผู้อำนวยการมองไม่ออกและฉุดเธอให้ยืนอย่างมั่นคง “เป็นสาวเป็นแซ่อายุยังไม่เท่าไหร่ทำไมถึงยืนโซเซเหมือนไม่มีกระดูกอย่างนี้ หรือเพิ่งมาวิงเวียนตอนนี้? เมื่อกี้ยังกระฉับกระเฉงพร้อมต่อสู้เลยไม่ใช่รึไง?”
จางอวี้เอ๋อคนนี้มาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วัน แต่กลับจะทําให้เขาเดือดร้อนซะแล้ว
ก่อนหน้านี้หนิงเซี่ยวเฉิงบอกเขาแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างจางอวี้เอ๋อกับเสิ่นอี้โจวนั้นห่างเหินมาก
อีกทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่หาดูได้ยากยิ่ง
ตอนนี้เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนแล้ว คําพูดของหนิงเซี่ยวเฉิงก็ได้รับการยืนยัน
กับญาติแบบนี้ใครจะไปชอบกัน?
จางอวี้เอ๋อไม่ได้ใส่ใจกับคําพูดของผู้อำนวยการ และคิดเพียงว่าจะแสร้งทำตัวน่าสังเวชต่อหน้าเสิ่นอี้โจวยังไง
แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนอยู่ที่นี่ เธอก็แทบขำไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทำให้สีหน้าของเธอตอนนี้ดูน่าขันมาก
เซี่ยชิงหยวนยืนมองอย่างเย็นชาอยู่ทางด้านข้าง
จากนั้นฟางฉินและคนอื่นก็กล่าวว่า “พวกเราเพิ่งเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ครั้งแรก อย่าห่วงเลย เลขาฯ เสิ่นของเราจะไม่ลำเอียง และให้คำตอบที่น่าพึงพอใจแก่ทุกคนอย่างแน่นอน”
จากนั้นหญิงสาวก็หันไปหาและกล่าวกับผู้อำนวยการว่า “ขอโทษนะคะ ฉันขอรบกวนเวลาสักสองสามนาทีได้ไหมคะ”
ขณะที่หญิงสาวพูด สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่งเสมอ
แต่ผู้คนจะสัมผัสได้ถึงความทรงพลังที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น
ผู้อำนวยการเหลือบมองเสิ่นอี้โจวก่อน
เมื่อเห็นชายหนุ่มพยักหน้า เขาก็กล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับ”
ด้วยเหตุนี้ ผู้อำนวยการจึงพาผู้คนออกไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ จางอวี้เอ๋อตะโกนใส่เซี่ยชิงหยวน “ทําไมคุณถึงปล่อยพวกเขาไป คุณต้องให้คนพวกนั้น…”
ขณะกําลังจะเอ่ย หญิงสาวก็ได้รับสายตาอันเฉียบคมของเซี่ยชิงหยวน และคําพูดมากมายก็จุกอยู่ในลําคอ จนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยได้อีก
สายตาของเซี่ยชิงหยวนในตอนนี้น่ากลัวมาก
เมื่อประตูปิดลง เซี่ยชิงหยวนก็หมุนตัวกลับมาและตบหน้าจางอวี้เอ๋ออย่างแรง!
จางอวี้เอ๋อไม่ทันตั้งตัวและถูกตบจนหน้าหัน
จางอวี้เอ๋อรู้สึกเพียงความชาหนึบและความปวดร้าวบนใบหน้าจากการถูกอีกฝ่ายตบ
ใบหน้าของเธอขึ้นสีด้วยความอับอาย “แกกล้าตีฉันเรอะ!?”
เซี่ยชิงหยวนมองเธออย่างเหยียดหยาม “แล้วยังไง? เธอกล้าทำตัวยโสและทำให้ชื่อคนรักของฉันแปดเปื้อน ฉันตบเธอแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!”
แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของเซี่ยชิงหยวนนั้นทรงพลังมากเสียจนจางอวี้เอ๋อหวาดกลัวขึ้นมา
หญิงสาวจึงไม่มีทางอื่น นอกจากนี้หันไปขอความช่วยเหลือจากเสิ่นอี้โจว
แต่โดยไม่คาดคิด เสิ่นอี้โจวกลับทำเป็นมองไม่เห็น
จากนั้นเขาก็หยิบผ้าออกมาเช็ดมือให้เซี่ยชิงหยวนและกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “อย่าโกรธเลย”
ว่าแล้ว เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ประตู และมองไปทางด้านข้างอย่างไม่ทุกข์ร้อน
จางอวี้เอ๋อถึงกับตะลึงไป
นี่หมายความว่ายังไง?
พวกเขาร่วมมือกันแกล้งเธอเหรอ?
จางอวี้เอ๋อตะโกนออกมาเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง “เซี่ยชิงหยวน ฉันบอกเธอแล้วว่า ฉันจะฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้น…อ๊า!”
ลูกตบฟาดลงบนใบหน้าอีกด้านของจางอวี้เอ๋ออีกฉาดหนึ่ง
ใบหน้าของเธอทั้งสองข้างในตอนนี้กลายเป็นสีแดง
จางอวี้เอ๋อเป็นลูกคนสุดท้อง ฉะนั้นเธอจะเคยทรมานจากการความโกรธเกรี้ยวนี้ได้อย่างไร?
ด้วยเสียงกรีดร้องอันดังลั่น เธอกวัดแกว่งมือไปมาขณะกำลังจะกระโจนเข้าหาเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับราวกับเธอกำลังดูถูกอีกฝ่าย “ถ้าเธอกล้าจะลองดูก็ได้”
จางอวี้เอ๋อไม่กล้าขยับตัวอีกแล้ว
สีหน้าและแววตาของเซี่ยชิงหยวนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
เธอกล่าวเย้ยหยัน “เดิมที ฉันก็คร้านจะสนใจเธอหรอกนะ แต่ในเมื่อกล้าสร้างปัญหาขนาดนี้ เธอคิดว่าถ้าอ้างชื่อแฟนฉันเพื่อทำกร่างไปทั่วได้ละก็ รู้รึเปล่าว่าตัวเองได้สร้างศัตรูไว้กี่คนแล้ว? เธอทำตัวเองทั้งนั้น อย่าได้คิดลากเราเข้าไปเกี่ยวด้วย”
จางอวี้เอ๋อโกรธและต้องการหักล้างข้อกล่าวหา “เธอ…”
ทว่าเซี่ยชิงหยวนกลับตัดบทเธออย่างไม่แยแส “เธออะไร? อยากจะหาผัวด้วยนิสัยต่ำ ๆ แบบนี้น่ะเหรอ ฉันจะบอกอะไรอย่างนะ ถ้าฉันเล่าเรื่องแย่ ๆ ของเธอตอนสมัยเรียน คิดว่าจะมีใครต้องการเธออีกฮึ?”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ จางอวี้เอ๋อก็ตื่นตระหนก
เซี่ยชิงหยวนรู้อะไรบางอย่างงั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ มันจะรู้ได้ยังไง!