The Return of The Disaster-Class Hero การกลับมาของฮีโร่ระดับหายนะ - ตอนที่ 5 ไอ้พวกบ้าเอ๊ย (1)
- Home
- The Return of The Disaster-Class Hero การกลับมาของฮีโร่ระดับหายนะ
- ตอนที่ 5 ไอ้พวกบ้าเอ๊ย (1)
ตอนที่ 5 – ไอ้พวกบ้าเอ๊ย (1)
ณ สนามบินแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
—-ตื้ดดดดด!
ฮิวโก้ ขมวดคิ้วเมื่อเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง โทรศัพท์ของเขายังคงแจ้งเตือนออกมาเหมือนกับสายนั้นกำลังจู้จี้ให้เขารับสาย แต่เขาก็ยังไม่รับสายนั้น เขาเริ่มหงุดหงิดจนเส้นเลือดของเขาโผล่ออกมาบนหน้าผาก รวมถึงโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาก็ดังขึ้นด้วยเช่นกัน
“พอได้แล้วน่า นี่แกโทรมาหกสายแล้วนะ!”
เพื่อนสนิทที่สุดของเขา คนที่เขาเคยว่าว่าเขาเป็นหมอดูเจ้าเล่ห์เมื่อยี่สิบปีก่อน
เขาเป็นหนึ่งในสิบสองจักรราศี เขาคือเซนต์ลำดับที่เก้า เซนต์ซาจิทอเรียสแห่งราศีธนู
ความดันเลือกของ ฮิวโก้ ออสทิส พุ่งสูงมากจนทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเอง
ต้องไปโรงพยาบาล สาเหตุก็คือการที่มีสายโทรเข้าโทรศัพท์ของเขาในวันนี้แบบไม่หยุดหย่อน ทีแรกที่โทรศัพท์ของเขาเสียงดังขึ้ร เขาคิดว่ามันมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น แต่ว่า…
“พวกนักข่าวอีกแล้วสินะ”
พวกนักข่าวก็ถามเขาทันทีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับ ลีกอน เขาสงสัยว่าพวกนักข่าวนี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง
นี่เป็นราคาที่แพงมากในการเป็นเพื่อนสนิทของ ลีกอน หลังจากที่เขาบอกพวกเขาว่าเขาจะยื่นเรื่องร้องเรียนและฟ้องร้องให้กับลีกอน แต่ในที่สุดพวกเขาก็ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบลง แต่อย่างไรก็ตาม ความเงียบนี้ก็เกิดขึ้นได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น
“นี่มันแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ ไอ้เวรเอ๊ย”
พวกนักข่าวโทรเข้าหาหมายเลขที่มีแต่คนรู้จักของเขาเท่านั้นที่รู้ แน่นอนว่าต่อให้เขาจะเก็บเบอร์นี้เป็นความลับแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าไอ้พวกนี้จะหามันไม่เจอ อันที่จริงแล้วเมื่อไม่นานมานี้ นักข่าวได้โทรมารบกวนเขาผ่านทางเบอร์ส่วนตัวของเขา มันก็ไม่น่าแปลกใจที่โทรศัพท์ของเขาจะดังขึ้นอีกครั้ง
—-ตื้ดดดดดด!
มีหมายเลขที่ไม่รู้จักโทรหาเขาไม่หยุดในช่วงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ฮิวโก้ ตัดสินใจไม่ได้ว่าเขาควรจะรับโทรศัพท์นั่นหรือไม่ แต่เขารู้ว่าหมายเลขนั้นขึ้นต้นด้วยเลข 1541 ซึ่งมันหมายความว่ามันเป็นเบอร์ทั่วไปที่โทรมาจากเกาหลี
“ไอ้พวกนี้จะให้ฉันรับโทรศัพท์ตอนนี้ให้ได้เลยรึไงวะเนี่ย”
ดูเหมือนนักข่าวจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ ฮิวโก้ รับโทรศัพท์ของพวกเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นยุงที่คอยตอมเขาอยู่ตลอดเวลา เสียงโทรศัพท์นี้เริ่มหยุดสั่น แต่ก็ยังมีสายเรียกเข้าใหม่หลังจากนั้น
แม่งเอ้ย!
โอทิส บล็อกหมายเลขนั้นและเขาก็ปิดเครื่อง ในตอนแรก เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องรับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะบนโทรศัพท์ส่วนตัวของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ว่าสิ่งที่พวกนั้นโทรมาเกี่ยวกับอะไร และนั่นเลยทำให้เขาไม่อยากจะรับสายพวกนั้น
“ฉันไม่เคยคาดหวังอะไรกับทฤษฎีที่บอกว่า ลีกอน ยังมีชีวิตอยู่หรอก ไร้สาระน่า!” เขาไม่สามารถซ่อนความไม่พอใจของเขาได้ที่ได้ยินชื่อนั้น หลังจากนั้นไม่นาน
ในตอนนี้ มีโทรศัพท์จากรัฐบาลของเขาโทรเข้ามา
– นี่คุณกำลังฟังที่ผมพูดอยู่รึเปล่าฮิวโก้?
“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าคุณมาขอให้ผมตามหากอน ผมขอปฏิเสธครับ”
– ฮิวโก้!
คนที่กำลังคุยโทรศัพท์กับเขาอยู่คือนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ตามที่คาดไว้ สิ่งที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ลีกอน สิ่งนี้ทำให้ฮิวโก้รู้สึกโมโหมาก
“อย่าพูดชื่อของคนตายไปแล้วสิครับ เขาถูกประกาศว่าเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้วแล้วนนครับ” ฮิวโก้กล่าว
– เขาอาจจะแค่หลับไปก็ได้…
“ทำไมตอนนี้ถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ”
ฮิวโก้อยากบอกว่านายกฯช่างหน้าด้านยิ่งนักที่ในที่สุดก็มาขอให้เขาตามหากอนจนได้ แต่เขาก็ไม่พูดมันออกไป
ในอดีต ฮิวโก้ เคยยืนยันว่า ลีกอน อาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยแม้แต่จะสนใจฟังเขาซะด้วยซ้ำ “ตอนนั้นที่ฉันห้ามไม่ให้ค้นหอคอยนั่นก็เพราะฉันคิดว่ามันอาจจะอันตรายเกินไปก็เท่านั้นแหละ”
– มันไม่ใช่แบบนั้นนะ
ทันใดนั้น…
อ้าาาา!
โอทิสหันไปสนใจที่เสียงตะโกนที่มาจากฝูงชนอย่างรวดเร็ว เสียงโห่ร้องดังมากจนทำให้ทุกคนตกใจ ทั้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ขายตั๋ว และ คนรอรับสัมภาระของเขา
เสียงดังออกมาจากห้องรับรอง มันเป็นเสียงโห่ร้องที่ดังราวกับทีมหนึ่งทำประตูได้ในรอบชิงของฟุตบอลโลก
– พ่ายแพ้แล้ว! สุดท้ายแล้วอังกฤษก็ยอมจำนนให้กับพวกปีศาจ!
– ความเชื่อมั่นของพวกเขาที่มีต่อ เซอร์ โอลิเวอร์ สาวกระดับ S จากยุโรปนั้นหมดลง! เขาล้มเหลวในการพยายามบุกโจมตีพวกปีศาจ!
– นี่มันบ้าไปแล้ว! ตามที่คาดไว้ มีเพียงแค่ ลีกอน เท่านั้นที่สามารถทำมันได้!
จอแสดงผลอิเล็กทรอนิกส์ในห้องกำลังรอสตรีมข่าวที่มาจากลอนดอน
– ตามที่คาดไว้โซนสีแดงมันยากเกินไปที่จะกู้มันคืนมา เซอร์โอลิเวอร์ ใช้เวลาเป็นปีเพื่อพยายามฟื้นฟูลอนดอน แต่ว่าทุกอย่างมันก็สูญเปล่า
– จะยังไงก็เถอะ ฉันคิดว่าพวกปีศาจที่ออกมาจากลอนดอนตอนนี้ต้องเป็นปีศาจที่ ลีกอน เคยเคลียร์เมื่อ 25 ปีก่อนแน่ๆ ใช่มั้ยล่ะ?
– ใช่คุณพูดถูก ปีศาจพวกนี้ปรากฏตัวในเกาหลีช่วงฟุตบอลโลกปี 2002 ตอนคู่ระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่น ตอนนั้น ลีกอน เคลียร์พวกปีศาจด้วยตัวเอง นั่นคือสาเหตุที่เซนต์ชาวยุโรปคนนั้นพยายามจะทำภารกิจนี้ด้วยความมั่นใจแต่ว่า…
– ลืมการกอบกู้นั่นไปได้เลย เขาหนีก่อนจะผ่านประตูทางเข้านั่นไปได้ซะอีก
เส้นเลือดที่คอนักข่าวโปนขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังส่งข่าว แน่นอนว่ามันเป็นข่าวของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน
หน้าจอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
– ทำไมคุณถึงคิดว่าการจู่โจมครั้งนี้ล้มเหลวล่ะ?
– มันไม่ใช่ความล้มเหลวซะหน่อย มันก็แค่โชคร้ายเท่านั้นแหละ
– เมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ววีรบุรุษจากเอเชียยังทำมันได้ด้วยตัวคนเดียวเลย มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฉันจะทำไม่ได้
– คุณก็รู้ดีหนิว่า ลีกอน เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้ตื่นของพลังรุ่นแรก
เซนต์จากยุโรปกำลังลำบากแย่เพราะเขากำลังพยายามซ่อนอารมณ์ของเขาขณะที่การสัมภาษณ์กำลังดำเนินต่อไป
– ความจริงก็คือ ลีกอน ทำอะไรไม่ได้เลยตอนที่เซนต์ทั้งสิบสองคนฆ่าเรดอาย
ฮิวโก้ถูกเรียกตัวไปสะสางเรื่องต่างๆในอังกฤษ คิ้วของเขากระตุก ทุกคนต่างยกย่องให้ ลีกอนเป็นวีรบุรุษเนื่องจากการตายของเขา แต่ทว่าฮิวโก้รู้ความจริง
“เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสิบสามคนนี้เลยนะ”
ฮิวโก้ไม่ได้คิดแบบนี้เพียงเพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของลีกอน แต่เพราะเขาต่อสู้เคียงข้างกับเขา เพราะแบบนั้นเขาจึงรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ หากปราศจากลีกอน การเคลียร์หอคอยปีศาจนั่นก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม…
“ไม่มีทางที่เขาจะอยู่รอดในนั้นได้ด้วยตัวเขาเองหรอก” แน่นอนว่าฮิวโก้ไม่เชื่อเรื่องตอแหลที่บอกว่าลีกอนตายไปแล้ว และเขาไม่เห็นเรดอายตายด้วย ตอนนั้นเขาอยู่นอกหอคอย ปีศาจมารวมตัวกันบนหอคอยราวกับฝูงสุนัข และเขาได้รับมอบหมายให้ขัดขวางพวกมันไว้
สมาชิกคนอื่นๆ ของอัครสาวกทั้งสิบสองคนให้การเป็นพยานว่าลีกอนเสียสละตัวเองเพื่อพวกเขา อย่างไรก็ตาม ฮิวโกเล้ รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องตอแหล “เขาเกลียดพวกอัครสาวกสิบสองคนนั่น” เขาจะคายอาหารออกมาทุกครั้งที่มีคนยกย่องพวกเขาระหว่างมื้ออาหาร”
ไอ้พวกตะกละที่โยนขาไก่นั่น บอกว่าพวกมันไม่หิวแล้ว
ถ้าจะให้พูดถึงไอ้พวกสิบสองคนนั่นงั้นหรอ เขาเป็นไอ้พวกไร้ยางอายที่ชอบขโมยขาไก่ของฮิวโก้ไงล่ะ
ไม่มีทางที่ ลี กอน จะตายแบบนั้น เพราะแบบนั้นฮิวโก้เลยใช้เวลากว่าสิบปีในการสืบสวนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ ลี กอน เขาได้ต่อต้านพวกที่ห้ามเขาทั้งหมดและเข้าไปในหอคอย อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในสถานที่นั้น เขาก็ตระหนักได้ถึงความจริงว่าไม่มีทางที่ใครจะออกมาจากขุมนรกนั้นได้ด้วยตัวเองแน่ๆ ในโลกนี้ไม่มีใครบ้าพอที่จะทำแบบนั้นได้หรอก
“มากไปกว่านั้นเขายังตกหลุมกำดักที่โหดสุดอีก”
ฮิวโก้ ออสทิส ถอดใจให้กับความหวังทั้งหมด ผ่านไปสิบปี น้ำตาของเขาก็เหือดแห้งลง
ในขณะนั้นเอง
– ฮิวโก้! นี่คุณรู้มั้ยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
“ครับ ผมรู้แล้วว่ารัฐบาลเกาหลีกำลังพยายามตามหาเขา”
– !
เขาออกจากสนามบินและขึ้นแท็กซี่เนื่องจากมลภาวะในอากาศเลยทำให้ท้องฟ้าของอังกฤษเริ่มมืดลง ฮิวโก้พูดต่อ “ยังไงก็เถอะ อย่าพยายามหาคนที่ตายไปแล้วเลย ถ้าคุณพยายามหาเสียงเพื่อทำกำไรจากชื่อเพื่อนผมละก็ ผมจะ…
– เข้าใจผิดแล้ว!
นายกฯดูสิ้นหวัง
– มันบอกว่า
เมื่อสักครู่นี้สายโทรศัพท์นั่นดังขึ้นหลังจากผ่านไปยี่สิบปี!
สีหน้าของ ฮิวโก้ ออสทิส เปลี่ยนไปในทันที
– ฉันหมายถึงสายตรงที่สร้างขึ้นสำหรับ ลี กอน น่ะ เป็นสายของเขาที่รับประกันว่าจะติดต่อรัฐบาลได้ถึงแม้ว่าการบริหารมันจะเปลี่ยนไป!
ฮิวโก้ตะโกนทันทีว่า “หยุด!”
คนขับแท็กซี่ตกใจเสียงตะโกนของฮิวโก้ เขาเลยเหยียบเบรกอย่างแรง เขาดูตกตะลึงมากแต่ฮิวโก้ก็ไม่ได้สนใจ เขาถามนายกรัฐมนตรีว่า “คุณได้ติดต่อผมมาทางโทรศัพท์ส่วนตัวเมื่อประมาณ 5 นาทีที่แล้วไหม”
– คุณบล็อคเบอร์ผมตอนที่ผมโทรหาคุณที่หมายเลขนั้นครั้งล่าสุด คุณจำไม่ได้เหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่เคยโทรหาคุณที่เบอร์นั้นเลย
‘นี่มันบ้าไปแล้ว!’ ฮิวโก้มั่นใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับสาย งั้นก็มีแค่ ลี กอน เท่านั้นที่รู้หมายเลขโทรศัพท์นั้น ‘นี่หมายความว่า… สายที่โทรเข้ามานี่…!
ฮิวโก้ตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ “กลับรถแล้วไปที่สนามบินเดี๋ยวนี้! ฉันต้องขึ้นเครื่องบินไปเกาหลีแล้วตอนนี้เลย!’
คนขับแท็กซี่งงกับคำพูดของเขา ขณะที่คนที่เขาคุยบด้วยในโทรศัพท์ก็ตกใจ
– เดี๋ยวก่อนนะครับ! นี่คุณหมายความว่ายังไงเกาหลีงั้นหรอ แล้วงานของคุณที่อังกฤษล่ะครับ คุณจะทิ้งมันไปหรอ
ใครจะไปสนใจกันเล่า ไอเกาะประเทศนี่นี้ใครจะไปสน! พวกเขาสร้างความวุ่นวายนี้เอง! พวกเขาคิดว่าเซนต์เป็นพวกขี้แพ้รึไง หืม? ฮิวโก้รีบร้อนมาก เมื่อแท็กซี่จอด เขาก็รีบวิ่งไปที่สนามบินทันที่ ในขณะที่เขากำลังวิ่ง เขาก็เปิดโทรศัพท์ส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
“นั่นนายรึป่าว กอน” มือที่ถือโทรศัพท์ของเขาเหงื่อออกเมื่อเขาเปิดเครื่อง
ฮิวโก้ไม่อยากเชื่อสายตาของเขา เขาได้รับข้อความใหม่
[มีข้อความเสียงถึงคุณ กดปุ่มโทรเพื่อฟังข้อความ]
ฮิวโก้มือสั่นขณะที่เขาได้ฟังข้อความเสียงนั้น คำแรกที่ได้ยิน…
– เห้ย โอ แทคซู!
คำนั้นทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม มันกินเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
– ฉันจะตามหาแกและฉันจะฆ่าแกซะ
ใบหน้าของเขาซีดเป็นน้ำแข็ง
– โชคดีนะ
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
* * *
“โอ แทคซู นายต้องโตขึ้นมากแล้วแน่ๆ นี่นายกล้าตัดสายฉันงั้นหรอ” ลี กอนซึ่งทิ้งวอยซ์เมลไว้มีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเขา เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าสั่นด้วยความกลัว มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณสามสิบนาทีที่แล้วเมื่อ ลี กอนโทรไปที่หมายเลข ลีกอน เริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นดุขึ้น เพราะเพื่อนไม่รับสายแม้ว่ามันจะผ่านไปแล้ว 30 นาทีก็ตาม ไม่ใช่แค่เพราะเพื่อนของเขาไม่รับโทรศัพท์
“ทำไมฉันต้องเขียนพินัยกรรมที่บอกว่าฉันจะให้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดกับพวกนั้นตอนฉันตายด้วยวะ”
เขาไม่สนใจเรื่องของคนอื่นเลย แต่เพื่อนของเขาน่าจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่ค่อนข้างจะทำให้เขาสงสัยว่าเพื่อนของเขาทรยศเขาด้วยรึไม่
แน่นอน, นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาโกรธมาก
ทำไมน่ะหรอ?
– มีเพียงคนเดียวในหมู่เซนต์สิบสองราศีที่ปฏิเสธโชคชะตาของ ลี กอน ฉันพูดถูกไหม
– ใช่ ถูกต้องเลย คนนั้นคือ ฮิวโก้ ออสทิส เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากโชคชะตาของลีกัน
– เขาเคยบอกว่าเขาไม่คู่ควรที่จะได้รับโชคของเพื่อนเพราะเขาไม่สามารถช่วยเขาได้ มันเป็นเรื่องที่เคลื่อนไหว แต่มันทำให้โกรธแค่ลีกัน เรื่องของเรื่อง
“ไอ้บ้านั่นน่าจะเอาไปแล้วแน่ๆ! นี่แกมองข้ามที่ดินที่ฉันเป็นเจ้าของในโซลงั้นหรอ บ้านของฉันน่าจะขึ้นราคาได้สองร้อยล้านวอนแล้วสิ นี่ยี่สิบปีแล้วนะ!”
เขาแค่ต้องฆ่าพวกนั้นเพื่อทวงสมบัติของเขากลับคืนมาซึ่งมันตกทอดเป็นมรดกให้กับพวกนั้นไปแล้ว! ลี กอน ตั้งมั่นความตั้งใจของเขาในขณะที่เขากำลังโกรธจัด
“ฉันจะฆ่าเซนต์ทุกคนที่ฉันเจอเลย” เขาเคยยากจนเพราะเขาต้องจ่ายเงินให้พวกอัครสาวกสิบสองคนเพื่อให้ช่วยรักษาร่างกายของเขา ตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องขอร้องพวกนั้นอีกต่อไป ทันทีที่เงินกลับเข้าบัญชีธนาคาร เขาก็จะมีวิถีชีวิตที่ต่างไปจากเดิม
“จะยังไงก็ช่าง นี่ไม่น่าเป็นปัญหาฉันหรอก” อันที่จริง เขาสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลของเขาไปแล้ว เขาเลยไม่ได้สนใจเรื่องการสูญเสียทรัพย์สมบัติของเขาสักเท่าไหร่ ปัญหาในตอนนี้คือเขาไม่มีที่ที่เรียกว่าบ้าน และไม่มีเงินสำหรับจ่ายค่าครองชีพ ถึงประเทศของเขาได้จัดเตรียมบ้านพักตากอากาศไว้ให้เขาแล้วก็จริง แต่ว่า…
บ้านของเขากลายเป็นศาลเจ้าที่ให้ผู้คนเข้าเคารพบูชาเขา! ลี กอน ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาได้อ่านในบทความนั่น เขารู้สึกขอบคุณที่ผู้คนยกย่องเขาด้วยความตาย แต่…
“พวกเขาทำพิธีรำลึกถึงฉันทุกปีงั้นหรอ กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนเข้าเยี่ยมเยือนกันแล้วสินะ”
เขาพึ่งเคยรู้สึกว่าความรู้สึกเขินอายอย่างเหลือทนมันเป็นยังไง
ลีกอน น่าจะชอบชะตากรรมแบบของฮีโร่ชาวอเมริกันที่ถูกแช่แข็งในน้ำแข็งซะมากกว่า ที่ตอนนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์
“ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาวะ” ทันทีที่เขาเห็นมัน เขาตกใจมากจนคิดว่าเขากำลังจะตาย นี่คือเหตุผลที่เขาเกลียดความคิดที่มาจากพวกข้าราช
“นอกจากนี้ พวกเขาจะคิดว่าฉันบ้าถ้าฉันบอกว่าฉันคือ ลีกอน” เขาชอบความจริงที่ว่าเขาได้กลับมาสู่วัยหนุ่มอีกครั้ง แต่ความแตกต่างของเขาระหว่างตัวเขาตอนนี้กับตัวเขาเมื่อก่อนมันก็ช่างต่างกันนัก ตัวเขาในตอนนี้ก็ตัวใหญ่ขึ้นมาก แต่แน่นอนว่าเขามีวิธีอื่นในการพิสูจน์ตัวตนของเขา แต่ว่า…
“ว้าว! สื่อทั่วโลกกำลังบ้าไปแล้ว หนังสือก็กำลังบ้าไปแล้วเช่นกัน!”
“มันเป็นอย่างที่พวกคุณคิดนั่นแหละ รากำลังพูดถึง ลีกอน”
“มันไม่มีอะไรหรอกน่า มันจะกลายเป็นละครสัตว์ที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะถ้าพวกเขาสามารถหาชิ้นส่วนชุดเกราะของเขาได้น่ะ”
ถ้า ลี กอน ไปหาพวกเขาโดยไม่ได้คิดดีๆก่อน มันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกนักข่าวที่ชั่วร้ายเท่านั้น
“เฮ้ ทำต้องทำให้ฉันลำบากขนาดนี้ด้วย”
เขาเป็นคนที่เคยโยนราเม็งเดือดๆใส่นักข่าว น่าเสียดายกุ้งล็อบสเตอร์ที่อยู่ในนั้นจริงๆ
ตอนนี้ มันจะดีกว่าที่จะให้พวกสื่อมวลชนได้พูดสิ่งที่ต้องการอยากจะพูด มันน่าจะง่ายกว่าที่ต้องไปนั่งหาทิศทางลมว่าจะพัดไปทางไหน
“อืม ในสถานการณ์แบบนี้ แม้แต่นักข่าวก็คงไม่น่าเชื่อเรื่องของฉันเหมือนกัน”
บันทึกเก่าของเขาหายไประหว่างการรุกรานของอารยธรรมไม่ทราบชื่อ ดังนั้นเขาจึงโทรหาโรงพยาบาลเพื่อขอเวชระเบียน แต่อย่างไรก็ตาม
-มีโจรจำนวนมากที่ค้นหาข้อมูลของ ลี กอน นิม ดังนั้นพวกเอกสารจึงถูกทำลายเมื่อห้าปีก่อน
ราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจ ลี กอนหัวเราะ ถึงเขาจะมีปัญหาค่อนข้างมาก แต่มันก็ไม่สำคัญ
“พวกเขาจะเชื่อฉันถ้าฉันบังคับให้พวกนั้นเชื่อ”
ดวงตาของ ลี กอน เฉียบแหลม
นี่แหละที่เป็นปัญหา เขาต้องหาพวกเขาใหเจอ แต่เขาไม่สามารถติดต่อกับคนที่รู้จักเขาได้เลย
ลืมเรื่องค่ารถไปเลย แค่ตอนนี้เขาก็กำลังจะได้นอนบนถนนแล้ว
“ฉันควรทำยังไงดี ฉันควรปล้นธนาคารในประเทศแถวนี้ดีมั้ย หรือฉันควรจะไปเอาเงินของใครซักคนดีมั้ยนะ มันเป็นเรื่องตลกที่ไม่ตลกจริงๆ
ขณะที่เขากำลังออกจากร้านไปพร้อมกับคนอื่นๆ ก็เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของลีกอน
[คำเตือน! มีคนกำลังติดตามคุณอยู่!]
ลีกอนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าเขาเห็นคนคุ้นเคย แม้จะเลือนลางแต่เขาก็ยังมั่นใจ “หนึ่งในพวกจักรราศีงั้นหรอ…” จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“นี่จริงหรอเนี่ย ลีกอน ลีกอน พวกเขาทั้งหมดเสียงดังมาก”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังจะพูด ทุกองค์กรข่าวชั้นนำทั่วโลกต่างพูดถึงแต่เขา เขาเป็นเพียงแค่ผู้ที่เคยเป็นเทวดาที่ทำงานล่วงเวลา”
หนุ่มสาวคู่หนึ่งแต่งตัวดีเดินไปที่ร้านอาหาร เมื่อพิจารณาจากพลังเวทย์มนตร์ที่ปล่อยออกมา ใครๆ ก็บอกได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนปกติ
“ข่าวที่ว่ามีเซนต์ระดับสูงออกมาจากศาลเจ้านั่นดูไร้สาระเป็นบ้า”
“ลี กอน ได้รับการยกระดับก็แค่เพราะเขาทำงานร่วมกับเซนต์สิบสองราศี เท่านั้นแหละ ไอ้โง่พวกนี้ไม่รู้อะไรเลย”
“อย่างที่ฉันบอก ถึงแม้ว่ามันจะปรากฏตัวออกมา มันก็ยังอ่อนกว่าเราอยู่ดีนั่นแหละ”
ในขณะนั้น ทั้งคู่สบตากับลีกอน “อะไรวะ นี่นายพยายามเลียนแบบลีกอนรึไง ใบหน้าของพวกเขายู่ยี่ อย่างไรก็ตาม นั่นก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาเริ่มหัวเราะเยาะออกมา พวกเขาพูดออกมาดัง ๆ ราวกับว่าพวกเขาต้องการให้ทุกคนได้ยินเสียงของพวกเขา
“ไอ้โง่เอ้ย! พวกเขาคิดว่าลีกอนเจ๋งมาก ฉันได้ยินข่าวลือมาว่ามันก็เป็นแค่ผู้ใช้ระดับต่ำ”
“นั่นสิเนอะะ” ฉันได้ยินมาว่าเขาตายในขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่หลังอัครสาวกสิบสองคนนั้นในหอคอยปีศาจน่ะ”
“ก็อย่างที่ว่าแหละน้า แฟนบอยของลีกอนช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
ขณะที่ชายคนนั้นเดินผ่านไป เขาก็ตั้งใจปล่อยควันบุหรี่ใส่ใบหน้าของลีกัน และควันก็ลามไปทั่วใบหน้าของลีกัน ลีกอนหัวเราะเยาะให้กับความโง่เขลาของพวกเขา ‘นี่พักแกกล้าทำแบบนี้กับฉันเหรอ’