The Return of The Disaster-Class Hero การกลับมาของฮีโร่ระดับหายนะ - ตอนที่ 7 ไอ้พวกบ้าเอ๊ย (3)
- Home
- The Return of The Disaster-Class Hero การกลับมาของฮีโร่ระดับหายนะ
- ตอนที่ 7 ไอ้พวกบ้าเอ๊ย (3)
ตอนที่ 7 ไอ้พวกบ้าเอ๊ย (3)
“อะไรวะเนี่ย”
สถานการณ์เริ่มจริงจังขึ้น ลีกอนจ้องไปที่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยสีหน้าที่ดูคุกคามไม่เหมือนกับตัวตนปกติของเขา ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “พูดอีกทีซิ แกพูดว่ายังไงนะ”
ฝ่ายตรงข้ามของเขาตอบกลับมาอย่างสงบ
– ระดับของคุณต่ำเกินไป คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะใช้ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติเครื่องนี้
– กรุณาใช้ในครั้งถัดไป ขอบคุณมากค่ะ
ในท้ายที่สุดลีกอนก็ระเบิดออกมาด้วยความโกรธ “เฮ้ย! อยากตายรึไงวะ นี่แกพึ่งกินเงินฉันเข้าไปนะเว้ย! เร็วสิวะเอาเครื่องดื่มที่ฉันเลือกมาให้ฉันได้แล้ว!’
“ฮ-ฮยอง! ใจเย็นก่อนครับ!”
“ใช่ครับๆ! คุณไม่สามารถไปทำลายทรัพย์สินของคนอื่นได้นะครับ!
ใช่, ลีกอนกำลีงมีปัญหากับตู้กดน้ำหยอดเหรียญ
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นประมาณสิบห้านาทีหลังจากเหตุการณ์การที่ลีกอนกำลังสืบสวนเกี่ยวกับชายที่สูบบุหรี่ที่เข้ามาหาเรื่องเขาตอนนั้น
* * *
“จริงเหรอเนี่ย เซนต์ที่อยู่ใกล้ที่สุดตอนนี้อยู่ที่อินชอนงั้นหรอ จีนกับญี่ปุ่นงั้นหรอ”
“ใช่เลยล่ะ”
ชายหนุ่มหอบหายใจและส่ายหน้าขณะที่กำลังบอกข้อมูลกับลีกอน
“อะไรเนี่ย นี่นายหอบงั้นหรอ” ลีกอนถาม
“อะไรกันครับ มันก็แค่….”
“ฉันเดาว่าอากาศคงร้อนพอที่จะใส่เสื้อแขนสั้นได้อยู่นะ” ลีกันพึมพำ
“เอ๋?!”
คุณหวางและชายหนุ่มตกตะลึงอีกครั้ง ตอนนี้อุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส แต่ชายคนนี้พูดเหมือนกับว่ามันวันฤดูร้อนธรรมดาๆ แน่นอนนั่นเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ ผู้ที่อยู่ระดับสูงคงจะไม่รู้สึกร้อน พวกเขามีความทนทานต่อความร้อนและไฟเพราะพวกเขาค่าความต้านทานไฟอยู่
จะยังไงก็เถอะ จะมีผู้ใช้ระดับสูงคนอื่นๆในโลกนี้ที่จะเหงื่อไม่ไหลเหมือนชายคนนี้มั้ยนะ
“ข้อตกลงเขาคืออะไร”
“เขามีความต้านทานไฟโดยธรรมชาติมากแค่ไหนกันครับเนี่ย”
พวกเขากำลังมองที่ลีกอนราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด ลีกอนเข้ามาขัดจังหวะพวกเขา
“เอาล่ะ ฉันจะซื้ออะไรให้พวกนายดื่มหน่อยแล้วกัน” เขากล่าว ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลีกอนทำตัวเท่ๆและมุ่งหน้าไปยังตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
เมื่อสหายทั้งสองของเขาเห็นลีกอนดึงเงินของตัวเองออกมา พวกเขาก็ตกใจ
“เฮ้! นี่เขาทำอะไรน่ะ เขาพยายามจะวางยาพิษเราในเครื่องดื่มงั้นหรอ”
“เขากำลังหากระเป๋าตังของเราอยู่รึป่าวนะ”
พวกเขานึกถึงสิ่งที่ลีกอนทำกับคู่รักที่หมดสติไป ชายคนนี้อาจจะกำลังพยายามวางยาพิษใส่เครื่องดื่มอยู่ก็ได้
ลีกอนไม่รอคำตอบ เขาใส่แบงค์หนึ่งหมื่นวอนลงในตู้ขายของอัตโนมัติแล้วกดปุ่ม แต่ถึงกระนั้น…
– ระดับของผู้ใช้ต่ำเกินไป
– โปรดใช้เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเมื่อคุณได้เพิ่มเครดิตทางสังคมของคุณแล้ว
ตู้ขายของอัตโนมัติก็ยังพูดอะไรไร้สาระออกมา ยิ่งกว่านั้น มันไม่ได้ให้เงินคืนเขามาอีกด้วย ลีกอนจึงโกรธมาก
* * *
สถานการณ์ปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น
“เฮ้ย รีบๆเอาเงินคืนฉันมา” ลีกอนตะโกน
– คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สกุลเงินนี้ โปรดใช้ใบเรียกเก็บเงินอื่น
“ค่อยคุยกันหลังจากที่แกให้เงินฉันก่อนโว้ย”
– ได้โปรดอย่าตีฉัน คุณกำลังทำผิด
“หุบปากแล้วเอาเงินฉันคืนมา!” ลีกอนยืนกราน
– โปรดกลับมาหลังจากเพิ่มระดับของคุณแล้ว
เมื่อ ลีกอน ขยับเข้าใกล้เครื่องมากขึ้น คุณหวางก็เริ่มสติแตก “เฮ้! อย่าไปทำลายมันเส้! เดี๋ยวเราจะซื้อให้เอง! ฉันจะติดต่อหน่วยงานที่ดูแลเครื่องนี้แล้วจะพยายามขอเงินคืนให้!”
ลีกอน จ้องไปที่ตู้ขายของอัตโนมัติ ดูเหมือนว่าจะมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา
“คุณต้องจ่ายเงินเยอะมากๆหรือไม่ก็ทำงานให้กับจักรราศี”
ดูเหมือนว่าฮีโร่ทั้ง 12 คนได้เริ่มต้นกิจการที่ทำกำไรได้หลายอย่างในนามของจักรราศีของพวกเขา ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
<ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัตินี้เป็นของเซนต์โดยตรง ของที่ซื้อในร้านสะดวกซื้อให้พรเพียง 1%! แต่นี่มันคนละระดับกัน! เครื่องดื่มนี้ไม่มีผลข้างเคียง! กรุณาซื้อเครื่องดื่มของคุณจากเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัตินี้เถอะ!]
แม้ว่าเครื่องกดสินค้าหยอดเหรียญนี่จะดูไม่ธรรมดาสำหรับลีกอน แต่สำหรับเวลาปัจจุบันตอนนี้ มันก็เป็นแค่เครื่องกดสินค้าหยอดเหรียญอัตโนมัติธรรมดาๆ นั่นไม่ใช่ทั้งหมด สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยส่วนใหญ่สำหรับการป้องกัน เกษตรกรรม การขนส่งสาธารณะ การศึกษา การพักผ่อน ทรัพยากร และอื่นๆ อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเซนต์สิบสองคนทั้งนั้น
“ฉันจะบดขยี้ปรสิตพวกนี้ให้หมดเลย”
ขณะที่เขาไม่อยู่ พวกเซนต์ทั้งสิบสองคนได้ขยายอำนาจของตนอยู่เหนือรัฐบาล อันที่จริงการที่ลีกอนรู้สึกดูถูกพวกเซนต์สิบสองราศีนั้นมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อชายหนุ่มแสดงให้เขาเห็นข้อมูลว่าทุกอย่างมันเป็นยังไง
[วิหาร: มีทั้งหมด 12 แห่ง วิหารคือพลังที่สร้างขึ้นจาก !]
[จักรราศี: พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้พลังงานและพลังเวทย์มนตร์แก่มนุษย์ พวกเขาคือเหล่าจักรราศี อีกทั้งพวกเขายังปกป้องดินแดนของมนุษย์ด้วย]
[เซนต์: ผู้ตื่นของพลังผู้ทำสัญญาโดยตรงกับเหล่าจักรราศี พวกเขาเป็นดั่งตัวแทนสื่อสารระหว่างจักรราศีและสาวก พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกับเหล่าจักรราศี]
[สาวก: ผู้ตื่นของพลังที่ถูกปลุกพลังให้ตื่นขึ้นโดยพวกเซนต์ พวกเขาสังกัดอยู่กับวิหารต่างๆ พวกเขามีหน้าที่ดูแลวิหาร และทำงานให้กับจักรราศีด้วย]
“พวกเขาสร้างกิลด์ใหญ่แล้วสินะ”
วิหารเหล่านี้เป็นกิลด์ที่ติดตามเหล่าจักรราศี แน่นอนว่าพวกเขามีอิทธิพลกับประเทศต่างๆและประชากรภายในประเทศนั้นๆ เซนต์ได้สร้างสัญญาระหว่างเหล่าจักรราศีและมนุษย์เพื่อจัดตั้งองค์กรขนาดใหญ่ขึ้นมา โดยมีผู้ตื่นของพลังที่ได้ยืมพลังจากเหล่าจักรราศี
“แต่ยังไงก็ดูเหมือนว่าคนธรรมดาก็ต้องหาเงินให้กับวิหารพวกนั้น”
รูปแบบของ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนการกระทำที่มักจะทำโดยพวกอันธพาล
พวกเขาอาจทำตัวเหมือนนักบุญผู้สูงศักดิ์แต่เงินส่วนใหญ่ก็อาจจะใช้เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนก็เท่านั้น
“ตู้ขายของอัตโนมัตินี่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ว่า”
ลีกอนจ้องไปที่ตู้จำหน่ายสินค้าราวกับว่าเขากำลังต้องการอยากจะทำลายมัน ท้ายที่สุดมันก็พูดแต่อะไรไร้สาระ เขาจ้องไปที่เครื่องนั้นเพราะเขาได้เห็นว่าสิ่งที่พวกเซนต์จักรราศีทำนั่นมันแย่แค่ไหน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่นั้นก็อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขายังคงกดปุ่มเพื่อขอเงินคืนจากตู้นั้น หลังจากที่เขาโทรไปที่หมายเลขที่เขียนไว้บนเครื่องขายของอัตโนมัตินั้น คุณหวางก็พูดว่า “อ่า ฉันว่ามันไม่น่าช่วยอะไรได้หรอก วิหารที่ดูแลเจ้าเครื่องนี้ไม่รับสายน่ะ แต่ว่ามันก็ตั้งหมื่นวอนเลยนะ งั้นเรามารอกันก่อนเถอะ”
‘รอบ้าอะไรอยู่เล่า’
กว๊าง!
ชายสองคนตะโกนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังของเครื่องที่กำลังถูกตี ลีกอนยังคงทำลายเครื่องนั้นโดยไม่ได้ละอายใจ
– บี๊บ บี๊บ บี๊บ
ตู้ม! กี๊-กี๊-กิ๊ก-
ครืด ครื้น!
สีหน้าของคุณหวางและชายหนุ่มก็ซีดลงด้วยความตกใจ กระป๋องน้ำดื่มเริ่มเทออกจากมาเครื่อง “โอ้! มันให้ฉันมาตั้งสิบสามแก้วเลยล่ะ”
เช่นเคย วิธีที่ดีที่สุดในการซ่อมเครื่องนี่คือการทุบมัน ลีกอนยิ้ม อย่างไรก็ตาม อีกสองคนไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเขา
“เฮ้ย! คุณไม่ควรรีบไปทุบมันแบบนั้นนะ!
“ใช่เลยล่ะ! มันมีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ๆที่นี่นะ ! พวกเขาจะจับคุณเอานะเนี่ย!”
หลังจากที่เขาดูเครื่องดื่มทั้งสิบสามกระป๋องที่ออกมาแล้ว ลีกอนก็จ้องไปที่ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอีกครั้ง “มันไม่ได้คายโคล่าที่ฉันอยากกินออกมาด้วยหนิ”
เมื่อลีกอนเริ่มขยับตัวอีกครั้ง คุณหวางก็ตะโกนขึ้นมาว่า “แค่ครั้งเดียวก็พอแล้วน่า!” จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆและพูดต่อว่า “นี่นายรู้ไหมว่านายกำลังทำอะไรอยู่ นี่คือเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของหนึ่งในเซนต์สิบสองคนเลยนะ!”
ลีกอนที่ดื่มเครื่องดื่มนั้นและเอียงหัวด้วยความงุนงง ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหาอะไร
“นี่มันเป็นของเซนต์ราศีธนูเลยนะ” คุณหวางอธิบาย
“ฮ้ะ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรเลยล่ะ” ลีกอนตอบ
“อะไรนะ”
‘ทำไมมันถึงจะไม่เป็นอะไรล่ะ’ นักล่าทั้งสองจ้องไปที่ลีกอนด้วยสีหน้าที่กระสับกระส่าย พวกเขายังแปลกใจที่ว่าทำไมตู้ขายของอัตโนมัติของเซนต์ถึงถูกขโมยได้ง่ายขนาดนี้ “นี่พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบคุณภาพรึไง นี่มันเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเลยนะ”
ชายสองคนมองไปรอบๆเพื่อดูว่าจะมีใครมาจับพวกเขาหรือไม่
“เอ่อ! ขอโทษนะครับ!” ชายหนุ่มคว้าแขนของลีกันด้วยท่าทางกังวล เหตุผลที่เขาทำแบบนั้นนั้นเรียบง่าย เขาบอกว่า “มีคนโทรมาจากหมายเลขนี้เรื่อยๆเลยน่ะครับ”
ชายหนุ่มแสดงหน้าจอโทรศัพท์ของเขาให้ลีกอนดู มันคือเบอร์ที่ลีกอนโทรออกในร้านอาหาร “มันบอกว่าโทรมาจากโอแทคซูน่ะครับ นี่ใช่เบอร์จากคนที่คุณรู้จักมั้ยครับ”
โอ แทคซู คนนี้ก็ยังเป็นเจ้าของตู้ขายของที่ลีกอนได้ทำลายมะนไปด้วย
“คุณบอกว่าเขาไม่รับสาย ผมก็เลยไม่ได้สนใจน่ะครับ แต่ว่า….” ชายหนุ่มพูด
“ใช่ นายทำได้ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”
ชายหนุ่มกลอกตากับคำตอบของลีกอน “แต่นี่เขาโทรมายี่สิบสายแล้วนะครับ เขาส่งข้อความมาบอกว่าอยากจะคุยกับคุณ”
ลีกอนตอบว่า “ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก บอกเขาว่าคนที่โทรหาเขาตายแล้ว ด่าเขาแล้วก็ตัดสายทิ้งไปเลย”
“อะไรนะครับ” ชายหนุ่มสงสัยว่าเขาควรจะพูดแบบนั้นจริงๆหรอ ลีกอนถอนหายใจ ชายหนุ่มคิดว่าลีกอนจะซื้อเครื่องดื่มให้เขา แต่ว่าตอนนี้ เขากำลังด่าเซนต์คนนั้นอยู่
ลีกอนคิดว่ามันค่อนข้างจะผิดปกติที่เพื่อนของเขาอยากจะติดต่อเขา เพราะว่าเวลาผ่านไปยี่สิบปี ลีกอนเลยคิดว่าเพื่อนของเขาจะลืมเขาไปแล้ว ดูเหมือนว่ามิตรภาพของพวกเขาจะยังไม่หายไป แน่นอนเพื่อนของเขาก็อาจมีแรงจูงใจบางอย่างในการโทรหาเขาเช่นกัน
ลีกอนคิดแบบนั้น เขาเลยโยนกระป๋องเปล่าทั้งสิบสามกระป๋องที่เขาพึ่งเททิ้งไปลงในถังขยะ “ไม่เป็นไรหรอก แค่ไม่ต้องสนใจก็พอแล้ว”
“อ่าโอเค เข้าใจแล้วครับ เอ่อ แล้วเครื่องดื่มของเราล่ะครับ” ชายหนุ่มถาม
อย่างไรก็ตาม ลีกอนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น “ไปกันเถอะ”
“?!”
ลีกอนส่งเสียงร้องขณะที่เขาเริ่มเดิน สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจ เขาจึงถามว่า “เอ่อ ฮยอง! ทำไมคุณถึงจะไปที่ป้าบรถเมล์ล่ะ”
“ฉันจะกลับแล้ว” ลีกอนบอกเขา
“งั้นเหรอครับ แล้วคุณจะไปไหน”
‘ไปไหนงั้นหรอ’ คิ้วของลีกันขมวดคิ้วอย่างชั่วร้ายขณะที่เขามองไปรอบๆ ป้ายรถเมล์ เขาอยากให้เจ้าของเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติที่ไร้ความสามารถนี่ ได้รับบทเรียนเล็กน้อย
* * *
หลังจากเสียงบี๊บดังขึ้น เสียงนั้นบอกผู้โทรว่าให้ฝากข้อความไว้ในวอยซ์เมล เป็นเสียงที่เย็นชาเช่นเคย เจ้าของธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัตินั่นกำลังอยากคุยกับเขา เมื่อเขาคร่ำครวญ ชายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็ทำเสียงจิ๊กในปากของเขา
– นี่คุณยังติดต่อเขาไม่ได้อีกหรอ
นักธนูถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชา เขายังต้องใช้เวลาถึงสิบเอ็ดชั่วโมงกว่าจะถึงเกาหลี ขณะที่ ฮิวโก้ ออสทิส กำลังรอขึ้นเครื่องบิน เขาได้ขอให้ลูกน้องทำการสืบสวนในระหว่างนี้
เนื่องจากฮิวโก้ต้องออกจากอังกฤษโดยไม่ให้ใครรู้ เขาเลยไม่สามารถใช้เครื่องบินส่วนตัวที่รัฐบาลมอบให้เขาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บชุดสูท Brioni ราคาแพงและสะดุดตาไว้ในกระเป๋าเดินทางของเขา
“เวรเอ้ย! ฉันต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้ที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสนี้มาตลอดทางเลยนะ” เขากำลังจะเปิดเผยความคับข้องใจของเขา ฮิวโก้ถามลูกน้องของเขาว่า “เจ้าของเบอร์โทรศัพท์นี่เป็นนักเรียนม.ปลายหรอ”
– ใช่ครับ เขาเป็นแค่สาวกระดับล่างจากวิหารเล็กๆถ้าคุณต้องการ ผมยื่นเรื่องร้องเรียนให้ได้นะครับ ด้วยสิทธิพิเศษของคุณในฐานะที่คุณเป็นเซนต์ เราสามารถขอให้อินเตอร์โพลเริ่มการสอบสวนเรื่องนี้ได้ครับ
ดวงตาของฮิวโก้เบิกกว้างทันที “ไม่ต้อง มันไม่ได้มีอะไรมากมายขนาดนั้น! อย่าให้เรื่องมันยุ่งยากเลย” เสียงของเขาดังไปหน่อย และนั่นทำให้ชายที่อยู่ปลายสายแปลกใจ
– อา! ผมว่างั้นเราไม่จำเป็นต้องเรียกพวกตำรวจ ขอโทษด้วยครับ!
ฮิวโก้เอามือก่ายหน้าผากของเขา “ฉันพาตำรวจมาไม่ได้ พวกตำรวจมัน…”
ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในประเทศไหน เซนต์สิบสองราศีก็มีการติดต่อจากหน่วยงานตำรวจทุกแห่ง เหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับลีกอน ฮิวโก้ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตั้งใจผลักดันเหตุการณ์นี้ไปหาเป้าหมายของผู้อื่น ถ้าคนที่โทรหาเขาคือลีกอนจริงๆ ฮิวโก้ไม่กล้ายื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการเด็ดขาด
“ถ้าฉันทำพลาด เขาจะฆ่าฉัน” ฮิวโก้สั่นสะเทือนโดยไม่รู้ตัว เขาจำเสียงที่ทิ้งไว้ในวอยซ์เมลได้อย่างชัดเจน มันรุนแรงมากจนเขารู้สึกหนาวสั่นทุกครั้งที่ได้ฟัง เขารู้สึกไม่สายใจทุกครั้งที่อ่านข้อความนั้นซ้ำ
“บ้าเอ้ย! มีแค่คนเดียวในโลกเท่านั้นแหละที่จะทิ้งข้อความนี้ไว้ได้” ถึงเวลาจะผ่านไปยี่สิบปีแต่ดูเหมือนว่าเพื่อนของเขาก็ยังคงเจ้าอารมณ์เหมือนเดิม “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันลืมไปว่าเขาเคยทำตัวยังไง”
ครั้งหนึ่ง ลีกอนเคยเตะประธานาธิบดีจากสหรัฐอเมริกาในขณะที่กล้องกำลังถ่ายอยู่ เขาเป็นคนประหลาด ฮิวโก้ดูเหมือนอยากจะร้องไห้ในขณะที่เขากำลังเอามือก่ายหน้าผาก
ดูเหมือนว่ารัฐบาลเกาหลีจะไม่สนใจการจากลีกอนเพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นแค่การเล่นตลกทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ตามแหล่งที่มาของฮิวโก้พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้ทำผิดพลาด รัฐบาลเกาหลีไม่เข้มงวดเรื่องการจัดการกับสายตรงของลีกอน
“ไม่มีทางที่เขาจะให้อภัยเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นได้หรอก” ฮิวโก้คิด
ลูกน้องของฮิวโก้ตอบรับด้วยความเงียบและพูดขึ้น
– เข้าใจแล้วครับ เราจะตามล่าอาชญากรนั่นอย่างลับที่สุดครับ!
ฮิวโก้ตัดบทเขาทันที “ไม่! นี่มันเป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดของปี นายไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น”
– นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เซนต์ไม่ต้องทำก็ได้นะครับ”
“ไม่! ฉันต้องดูแลพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเพื่อให้เขาเข้าใจ นั่นคือวิธีที่จะทำให้เขารู้ว่าโลกนี้เป็นที่ที่น่ากลัว”
ลูกน้องของเขาพูดออกมา
– เขาเป็นแค่เด็กม.ปลายเองนะครับ ไม่ ได้โปรดละครับอย่าไปสนใจมันเลย!
ลูกน้องของเขากระแอมในลำคอขณะพูด
“วิหารเคยมีปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองเกี่ยวกับผู้เยาว์เมื่อนานมาแล้วนะ” ฮิวโก้เสนอข้อแก้ตัวที่ครึ่งๆกลางๆเพื่อที่ลูกน้องของเขาจะไม่เข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ดูทีวีในห้องนั่งเล่น
ดวงตาของฮิวโก้กระสับกระส่ายเมื่อเขาเห็นมัน เหตุผลก็ง่ายๆ
[นี่มันก็ผ่านมาซักพักแล้วนะ ทำไมยังไม่รับสายอีก]
ฮิวโก้รู้สึกกังวลเพราะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งส่งข้อความหาเขา “เซนต์สิบสองคนงั้นนั่นหรอ” พวกเขาเป็นอดีตสหายของเขา และพวกเขาอาจจะขังลีกอนไว้ในหอคอย พวกเขามีเหตุผลเพียงข้อเดียวที่จะติดต่อเขาอย่างไร้ยางอายหลังจากไม่ได้ติดต่อกันมานานสิบปี
“ลีกอน” พวกเขาคงไม่เคยคิดว่าลีกอนจะยังมีชีวิตอยู่ จริงๆแล้วฮิวโก้ก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่จะเชื่อเช่นกัน ถ้าคนที่ติดต่อกับเขาคือลีกอนจริงๆ ถ้าเขามีชีวิตอยู่ในหอคอยนั่นมาตลอดยี่สิบปี มันหมายความว่า…
“กอนตกอยู่ในอันตราย” ฮิวโก้กลืนน้ำลาย ก็จริงอยู่ที่ลีกอนแข็งแกร่งที่สุดในสิบสามคน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังของชีวิต เขาต้องทำงานให้กับทั้ง 12 คนเพื่อให้พวกเขารักษาร่างกายของเขาให้
ใบหน้าและร่างกายของลีกอนดูไม่ได้และร่างกายของเขาก็เสื่อมโทรมไปตามวัย
‘เขาจะมีชีวิตอยู่ในนั้นถึงยี่สิบปีด้วยร่างกายที่แตกสลายแบบนั้นได้ยังไง’ ฮิวโก้หลับตาลง ภาพที่ถูกกระตุ้นในใจของเขาช่างน่ากลัวจริงๆ
“เขาอาจจะสามารถดึงความสามารถของเขาออกมาได้ในช่วงแรก แต่ก็…” ตอนนี้ลีกอนอาจเป็นชายชราที่แทบจะไม่สามารถหยิบช้อนด้วยมือของเขาด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะปีศาจทั้งหมดและออกจากหอคอยได้โดยไม่เสียสติ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เขาจะถูกไล่ล่าโดยพวกปีศาจอีก
“สิ่งที่แปลกก็คือสัมผัสการมองเห็นที่สองของฉันและทักษะประเภทการติดตามไม่ทำงาน” ฮิวโก้รู้สึกประหม่าเพราะเขาไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับลีกอนเลย
“ยังไงฉันก็ต้องหาเขาให้ได้ก่อน” ฉันต้องปกป้องเขาจากคนอื่นๆ “ทำไมนายไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสักทีวะ ไอ้เวรเอ้ย”
ฮิวโก้กระทืบเท้าด้วยความกระวนกระวายใจ
* * *
ไอ้เจ้าฮิวโก้เจ้าปัญหาและหยาบคายนั่นกำลังคิดว่าเขากำลังเคี้ยวไอศกรีมอยู่แน่ๆ “สนุกจริงๆ”
เวลาแปดโมงเย็น ลีกอนก็ยังคงไม่สนใจว่าคนอื่นจะกังวลเพราะเขาเนื่องจากเขาเพิ่งออกไปเล่นมา เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไรในอนาคต แต่เขาเพิ่งกลับมาสู่สังคมปกติ ตอนนี้เขาเลยต้องการพักฟื้นสักหน่อย
“จะยังไงก็เถอะ มันอาจจะอันตรายเพราะพลังงานเวทย์ของฉันมันไม่เต็มอย่างที่ฉันต้องการน่ะสินะ”
ลีกอนได้ค้นคว้าอะไรบางอย่างในห้องคอมพิวเตอร์ ดวงตาของเขาเป็นประกาย ชายหนุ่มเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
“รูมเมทของผมเป็นสาวกระดับสูงที่ใกล้ชิดกับเซนต์จักรราศีมากน่ะครับ”
เขาแค่โอ้อวดเกี่ยวกับเพื่อนของเขา แต่ลีกอนหัวเราะราวกับว่าเขากำลังจะจับเหยื่อได้ แน่นอนเมินเฉยต่อทุกสายที่เรียกหาเขา ตอนนี้เขาและอีกสองคนมาถึงหน้าวิลล่าห้าชั้นที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว
“ขอบคุณที่มาที่บ้านเรานะครับ ผมอยู่ที่ชั้น 1 ตรงที่ไฟยังคงดับอยู่น่ะครับ” คุณหวางผายมือ “ใช่ นายควรเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย มีพวกภัยพิบัติมามายปรากฏตัวขึ้นในใจกลางกรุงโซลเมื่อไม่นานนี้ แต่พวกเซนต์ก็ได้ให้พรกับสถานที่นี้ไว้แล้ว ฉันจึงไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
เหมือนกับว่ากำลังจะแนะนำอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มก้มหัวของเขาไปทางลีกอนอย่างรวดเร็ว “ฮยอง! วันนี้คุณช่วยชีวิตผมแล้วคุณก็ยังพาผมกลับบ้านอีก ขอบคุณมากนะครับ! ผมอยากจะขอบคุณเป็นสองเท่าเลยเพราะว่าที่นี่อันตรายมาก ผมไม่รู้ว่าคุณพักอยู่ที่ไหนแต่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมจะตอบแทนบุญคุณคุณแน่นอนเลยครับ เอ่อ”
เมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น สายตานั่นก็ทำให้เขาประหลาดใจ
“เอ๊ะ เขาไปไหนน่ะ”
ลีกอนหายไปแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็แค่แปปเดียวเท่านั้น
“!” ชายหนุ่มตกใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง
ลีกอนกำลังยืนจับหูอยู่ที่หน้าบ้านของเขา “นี่นายไม่เข้าไปรึไง ฉันง่วงนอนแล้วนะ”
“อะไรนะครับ”
ลีกอรนปล่อยเสียงหัวเราะไร้ยางอายออกมาเล็กน้อย “ฉันช่วยชีวิตนายไว้นะตอนนี้ฉันอยู่ในความดูแลของนายแล้วล่ะ ฉันจะไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้านายอยากตอบแทนฉันโดยให้ฉันได้นอนบนเตียงของนายน่ะ”
“เอ๋?”
“อ่า! จะดีมากถ้านายมีหมอนเมมโมรี่โฟมให้ฉันด้วยน่ะ”
‘อะไรกันครับเนี่ยยย’