[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า - ตอนที่ 34 องค์ที่ 2 ผู้กล้า - เจ้าหญิงแวมไพร์และการวางแผนต่อสู้กับผู้กล้า
- Home
- [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า
- ตอนที่ 34 องค์ที่ 2 ผู้กล้า - เจ้าหญิงแวมไพร์และการวางแผนต่อสู้กับผู้กล้า
ในที่สุด ‘ผู้กล้า’ ก็ถูกส่งออกมาในแนวหน้าเสียที”
พอได้ยินแบบนั้น ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็หน้าตึงกันขึ้นมาเลย
“ครั้งสุดท้ายที่พวกนั้นถูกพบอยู่ที่ที่ราบใกล้ชายฝั่งของเมืองอาคเนย์ กองกำลังผสมระหว่างเผ่าเงือกที่นำโดยนัตสึเมะและเผ่ามนุษย์มังกรนำโดยรูสถูกโจมตี ความเสียหายมีไม่มากนักเพราะพวกเขาถอยร่นกันมาในทันที…”
“ด- เดี๋ยวนะคะ… นัตสึเมะกับรูสไม่ตอบกลับมาค่ะ!?”
“ดูเหมือนนัตสึเมะพยายามสู้กลับดูแล้ว แต่นางก็ล้มเลิกความคิดนั้นทันทีที่เห็นแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ เหตุผลคือ มี [12 อัครสาวก] อีก 2 คนอยู่กับผู้กล้าด้วย”
“ชิ… มันหนักเกินกว่าจะให้นัตสึเมะรับมือคนเดียวจริงๆ… แล้วรูสล่ะคะ เจ้าบ้าต่อสู้ที่ไม่คิดแบบเผ่ามารนั่น คงไม่ได้พุ่งเข้าไปลุยแล้วหรอกนะคะ?”
“เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดที่คิดว่าจะรับมือทั้งผู้กล้าทั้ง 12 อัครสาวก 2 คนพร้อมกันได้หรอก ทันทีที่ได้ยินรายงานจากนัตสึเมะ เขาก็ทำการถอยทัพเป็นที่เรียบร้อย”
“อา…ก็- ก็ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะนะคะ”
ฉันฟังการสนทนาระหว่างคุณเรนกับท่านจอมมาร ซึ่งดูท่าตอนนี้กำลังลำบากสุดๆ เลย
ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า 12 อัครสาวก 2 คนนั่นจะอยู่ติดกับผู้กล้าที่มีพลังระดับผู้บริหารด้วย
“…อืม ท่านจอมมารคะ แล้ว 12 อัครสาวกที่มาด้วยนั่นเป็นใครเหรอคะ?”
“อัซบาร์ ลำดับที่ 10 กับทรัซท์ ลำดับที่ 9 เป็นพวกลำดับล่าง แต่ก็เป็นพี่น้องกัน การร่วมมือกันของเจ้าพวกนี้ก็เข้ากันอย่างน่ารังเกียจเลยทีเดียว”
“ว้าว ‘กำแพงคู่’ กับ ‘ขวานคู่’ งั้นเหรอ… น่ารำคาญจริงๆ เลย ให้ตายสิ”
…ไม่ใช่นอยน์กับอีดิธสินะ
เอาเถอะ อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ถ้าเจ้าสองตัวนั่นอยู่ในระยะสายตาของฉันละก็ ฉันคงเมินผู้กล้าแล้วกระโจนเข้าไปซัดกับพวกมันแน่
“พวกที่เหลือไม่ใช่พวก 12 อัครสาวก แต่ก็เป็นพวกระดับสูงทีเดียว… 5 คนนั้นมีนักเวทคนหนึ่งที่ยืนยันแล้วว่าสามารถใช้เวทเคลื่อนย้ายได้แข็งแกร่งพอจะฝ่าเวทคุ้มครองป้องกันการเคลื่อนย้ายได้ ที่เหลือก็มีนักรบ นักบุญ จอมยุทธ์ และผู้วิเศษ รวมกันเป็น 8 คน นี่แหละคือกำลังรบทั้งหมดในคณะผู้กล้า”
“แต่ท่านจอมมารครับ ถึงจะมีการอวยพรจากดวงจันทร์ก็เถอะ ให้คุณหนูลีนรับมือคนเดียวจะไม่หนักเกินไปหน่อยเหรอครับ?”
“เรารู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว และเราไม่คิดจะส่งลีนไปในภารกิจฆ่าตัวตายไปคนเดียวแบบนั้นเช่นกัน เราวางแผนว่าจะส่งเฟเรียกับเทียน่าไปพร้อมกับเจ้าด้วย”
“แต่พวกนั้นจะไม่เคลื่อนย้ายหนีไปเหรอคะ? พวกนั้นคงไม่เสี่ยงอันตรายอยู่แล้วนี่นา?”
“เราคิดเอาไว้แล้วเช่นกัน… เพราะเช่นนั้น เราจึงจะให้ลีนจัดการเจ้านักเวทคนนั้นทีเผลอเสียก่อนด้วยตัวคนเดียว”
อ่า เข้าใจแล้วค่ะ
เราจะตัดเส้นทางการหนีของพวกมันก่อน แล้วคุณเทียน่ากับคุณเฟเรียก็จะจัดการพวกมันทีเผลอต่ออีกทีสินะคะ
“เจ้าทำได้มั้ย? ลีน”
“ทำได้ค่ะ”
“แต่… ถ้าพวกมันมีเมจิกไอเท็มของเวทเคลื่อนย้ายระดับสูงล่ะครับ? แบบนั้นพวกมันก็ยังหนีได้อยู่ดี”
โอ๊ะ ถ้าจะมองแบบนั้น มันก็จริงล่ะนะ
“เป็นเรื่องที่ง่ายมาก หลังจากที่ลีนฆ่านักเวทคนนั้นแล้ว เราจะเคลื่อนย้ายเจ้าสมาชิก 2 คนที่แสนน่ารำคาญอย่าง 12 อัครสาวกพวกนั้นให้แยกไปเสีย ถ้าหากจะมีใครคนใดคนหนึ่งในคณะที่มีเมจิกไอเท็มประเภทเคลื่อนย้ายแล้วล่ะก็ ไม่ว่าอย่างไรคนที่ถือมันเอาไว้ก็ต้องเป็น 1 ใน 2 คนนี้แล เพราะนอกจากตัวผู้กล้าแล้ว ก็มีเจ้า 2 คนนั้นแลที่แข็งแกร่งที่สุดในคณะผู้กล้าแล้ว”
“แต่ หลังจากที่ใช้งานเวทเคลื่อนย้ายไปแล้ว 1 ครั้ง จำเป็นต้องมีเวลาคูลดาวน์ขึ้นกับระยะทางที่เคลื่อนย้ายไปใช่มั้ยคะ? ถ้าต้องเคลื่อนย้ายมาจากนอกระยะการรับรู้แล้วล่ะก็ เรื่องก็จะยากขึ้นมากเลยนะคะ”
“ขั้นแรก ให้เทียน่าหรือเฟเรียใช้เวทเคลื่อนย้ายไปก่อน แล้วทันทีหลังจากนั้น ให้อีกคนนึงใช้เวทเคลื่อนย้ายพาทั้งสองกับพวก 12 อัครสาวกเคลื่อนย้ายมาด้วย ด้วยการใช้วิธีนี้ เราก็จะสามารถมองข้ามเวลาคูลดาวน์ของเวทมนตร์ได้แล้ว”
“…อ่า เข้าใจแล้วค่ะ”
พูดอีกอย่างก็คือ สิ่งสำคัญที่สุดในแผนนี้คือจะต้องฆ่านักเวทนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้สินะ
ได้ภารกิจสำคัญสุดๆ มาซะแล้วสิ…
“ภารกิจนี้จะดำเนินการในคืนเดือนหงายที่กำลังจะถึง กล่าวคือ อีก 8 วันนับจากบัดนี้ ทันทีที่อาทิตย์ตกดิน พวกนั้นจะเคลื่อนย้ายกลับไปยังเมืองหลวง กล่าวคือ ณ ยามที่อาทิตย์ลับฟ้า ยามที่เจ้าพวกนั้นกำลังเตรียมเวทเคลื่อนย้ายระดับสูง ยามนั้นแลที่จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการจัดการพวกมัน”
“ถ้าเราทำพลาด ครั้งต่อไปที่เราจะดำเนินแผนนี้ได้คือเดือนหน้าเลยนะคะ กุญแจสำคัญก็คือลีนจังจะฆ่านักเวทคนนั้นด้วยความเร็วสูงได้หรือเปล่า เพราะงั้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ”
“คุณลีน ฉันจะช่วยเหลือคุณแน่นอน เพราะงั้นไม่ต้องเครียดไปนะคะ”
“นี่คือช่วงเวลาสำคัญจากตลอด 3 ปีที่ฝึกหนักมาแล้วนะครับ กระผมคาดหวังในท่านนะครับ คุณหนูลีน”
“…จงพยายาม…”
“ทุกอย่างฝากไว้ที่เธอแล้วนะ ช่วยทีนะ”
…ฉันก็ดีใจสำหรับกำลังใจดีๆ ที่มีให้นะคะ แต่รู้อะไรมั้ยคะ? ช่วยหยุดโยนภาระใส่ฉันได้แล้วค่ะ
จงใจสินะ? นี่จงใจใช่มั้ยค่ะเนี่ย?
การประชุมด่วนก็จบลง และฉันกำลังจะกลับไปฝึกต่อ
“ประเดี๋ยวก่อน ลีน”
ท่านจอมมารเรียกให้ฉันหยุดก่อน
“…? มีอะไรเหรอคะ?”
“อืม ก็ไม่มีอะไรมากหรอก…”
ฉันสงสัยจังว่าท่านมีอะไรจะพูดหรือเปล่า ท่านดูอ้ำอึ้ง ไม่เหมือนท่านจอมมารตามปกติเลย
“คือ… เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่ได้ฝืนตัวเองเกินไปใช่ไหม? หากเจ้าไม่ชอบสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้กล้าแล้วล่ะก็ เจ้าจะปฏิเสธก็ได้”
“…ฮะ?”
“ไม่ คือ… จุดสำคัญของปฏิบัติการนี้คือให้เจ้าที่ไม่เคยมีข้อมูลมาก่อน… เป็นคนจัดการ เพราะเหล่าผู้บริหารนั้นถูกรู้หน้าตากันไปหมดแล้ว… พวกนั้นจะระวังตัวเป็นอย่างมากก่อนที่เราจะทันได้จัดการพวกมันทีเผลอ… แต่เจ้าน่ะยังเด็กนัก… แล้ว… แล้วก็…”
…อ้อ เข้าใจละ
ท่านจอมมารเป็นห่วงฉันสินะคะ
ไม่ว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนแล้ว ท่านก็ยังมีความรู้สึกต่อต้านบางอย่างที่จะให้ฉันที่ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุแค่ 8 ขวบเข้าร่วมในปฏิบัติการแบบนี้ด้วย
ท่านเป็นคนใจดีแบบนี้ตลอดนั่นแหละ
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ท่านจอมมาร ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะทำได้มากแค่ไหน แต่ฉันจะทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จให้ได้เลยค่ะ อีกอย่าง… ฉันเก่งขึ้นแล้วนะคะ…”
“…จริงสินะ เข้าใจแล้ว เราต้องขอโทษด้วย เจ้าไปได้แล้วล่ะ”
“โอเคค่ะ ฝากที่เหลือด้วยนะคะ”
เอาล่ะ อีก 8 วันสินะ มาทำสิ่งที่เราทำได้ดูดีกว่า
ก่อนอื่นก็ ไปคุยกับคุณเทียน่า คุณเฟเรีย… แล้วก็ขอให้คุณเซดช่วยเรียกอันเดดเก่งๆ ออกมา…
“(…การคุยกับหลานของตัวเองนี่มันยากขนาดนี้เลยหรือนี่)”
“…หือ? เมื่อกี้ท่านพูดอะไรหรือเปล่าคะ? ท่านจอมมาร”
“โอ๊ะ ไม่มีอะไร เราเพียงแค่พึมพำกับตัวเองก็เท่านั้น ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
“ค่ะ”
อีกไม่นาน ปฏิบัติการปกป้องผู้กล้าจะเริ่มแล้ว
3 ปีเหรอ ผ่านมาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย
“…อือ เพราะเหตุใดกันนะ…”
“ลีนจังนี่น้า… ก็ถ้าเกิดเป็นห่วงหลานตัวเองขนาดนั้น แล้วทำไมไม่บอกเธอไปซะทีล่ะคะ?”
“ตัวเราควรจะตายไปในหมู่บ้านนั่นแล้วนะ! เราไม่ต้องการจะทำให้ลีนต้องมาสับสนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้… นี่คือยามก่อนภารกิจสำคัญ… แต่เราก็ไม่ต้องการให้ลีนต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน…”
“ก็แค่ถอดเธอออกจากภารกิจนี้เท่านั้นเอง ทำไมไม่ทำล่ะคะ?”
“…มีเพียงครานี้เท่านั้น ลีนคือตัวแปรที่สำคัญที่สุด และยังเป็นกุญแจสำคัญของปฏิบัติการอีกด้วย… ในฐานะจอมมาร มันไม่ดีเสียเลยหากเราจะนำเอาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมมาปนเปกัน… และที่สำคัญ เราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรถ้าหากเจ้าถูกพูดใส่ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นว่าตัวเองจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวนั้นได้สำเร็จอย่างแน่นอนเช่นนั้นน่ะ!?”
“โอ้ ให้ตายเถอะ! น่ารำคาญจริงๆ เล้ย! นังคุณยายงี่เง่านี่!”
“หนวกหู! แม้นเราจะเป็นจอมมารก็ตาม เราก็ต้องมีเรื่องที่อ่อนไหวเสียสองเรื่องสิ! วีเนล ในฐานะหัวหน้าผู้บริหารของกองทัพเราแล้ว เจ้าไม่มีความคิดใดดีๆ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนี้อย่างละมุนละม่อมเลยฤๅ?”
“ฉันคิดว่ามันจะง่ายกว่านะคะถ้าให้ท่านจอมมารพูดไปเลยว่า ‘ฉันคือยายของเธอเองนะ’”
“เป็นไปไม่ได้หรอก… หากว่านางกล่าวโทษที่เราไม่กลับไปช่วยบ้านเกิดของนางล่ะ…”
“…จะอ่อนไหวเกินไปแล้ว… ลีนจังน่ะเป็นเด็กฉลาดนะคะ เธอจะต้องเข้าใจได้แน่นอน…”
“…เราจะบอกเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมเอง ห้ามเจ้าบอกนางโดยเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“เฮ้อออออ… เข้าใจแล้วค่ะ เข้าใจแล้ว…”