[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า - ตอนที่ 66 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เจ้าหญิงแวมไพร์และการล้างแค้น (1)
- Home
- [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า
- ตอนที่ 66 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เจ้าหญิงแวมไพร์และการล้างแค้น (1)
“เดี๋ยว… เดี๋ยวก่อน! รอเดี๋ยวก่อนสิ! นะ!?”
หือ? อะไรอีก?
“ธ- เธอน่ะคือผู้บริหารในกองทัพจอมมารใช่มั้ยล่ะ!? ถ้างั้น ฉันก็เข้าใจได้ว่าเธอเลยต้องการจะฆ่าฉัน แล้วเอาความดีความชอบไปใช่มั้ยล่ะ! ถ้างั้น มาแลกเปลี่ยนกัน! เธอบอกว่าฆ่าฉันไปแล้ว แล้วช่วยปล่อยฉันไปที! ความดีความชอบก็เป็นของเธอ ส่วนฉันก็ไม่ต้องตายด้วย! วิน-วินกันทั้ง 2 ฝ่ายเลยใช่มั้ย!?”
…หา?
ฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าแกมันโง่ แต่ใครจะไปคิดว่าจะโง่ได้ถึงขนาดนี้กันล่ะเนี่ย
“…แล้ว ฉันได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้นไม่ทราบ? ต่อให้ฉันฆ่าแกที่นี่ ความดีความชอบที่แกว่ามานั่นก็เป็นของฉันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แถมถ้าฉันปล่อยแกไปจากที่นี่แบบเป็นๆ มันจะเป็นปัญหากับฉันทีหลังมากกว่าอีก”
“คือมัน- มันก็…! ช- ใช่แล้ว! ถ้างั้น ให้พวกเรา 6 คนย้ายไปเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารด้วยสิ!? ฝั่งนั้นจะได้พลังของผู้กล้าไปครอบครองเลยนะ เป็นข้อเสนอไม่เลวเลยใช่มั้ย!?”
“สมกับที่เป็นอาวิซเลย! ไอเดียแจ๋วนี่! จ- จริงสิ! แบบนั้นก็ไม่มีปัญหาสินะ!?”
“นี่ เป็นไงล่ะ? แบบนี้โอเคมั้ย!?”
…จนป่านนี้ ไอ้พวกนี้จะเน่าเฟะไปถึงไหนกันนะ
ไม่สิ ไม่ใช่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ เจ้าพวกนี้เนี่ยมันเน่าเฟะขนาดนี้มาตั้งแต่แรกแล้วสินะ?
ฉันน่ะเกลียดพวกมนุษย์ เกลียด เกลียดที่สุด แค่เหลือบเห็นพวกมัน ปฏิกิริยาร่างกายฉันคงตอบสนองด้วยการฆ่าพวกมันทิ้งทันทีไปโดยอัตโนมัติเลยด้วยซ้ำ
ฉันแทบจะมั่นใจได้ด้วยซ้ำเลยว่าไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกอีกแล้วที่คิดจะไขว่คว้าหาผลประโยชน์หรือพยายามรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ด้วยการเข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร ยกเว้นแค่คนเดียวน่ะนะ
…แต่กับเจ้าพวกนี้ล่ะ
ยังเชื่ออยู่อีกว่าคนรอบตัวจะหาทางช่วยพวกมัน ยินดีจะทรยศเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อความช่วยเหลือไม่มีอีกแล้วก็อ้อนวอนร้องขอชีวิต แถมยังมีการเสนอขอย้ายข้างด้วย
โดยเฉพาะไอ้พวกลิ่วล้อเนี่ย พวกแกนี่หัวสูงกันซะจริงนะ ร้องขอชีวิตกันอยู่แท้ๆ ยังจะดูถูกฝั่งที่ตัวเองกำลังขอความเมตตาอยู่อีก
ไอ้พวกเศษเดนขยะพวกนี้นี่ ขนาดขยะรีไซเคิลยังเอาไปทำประโยชน์ได้ ซากกากอุตสาหกรรมก็ยังมีประโยชน์กว่าพวกแกเลย
“………อะฮะฮะ”
“เอ๋……?”
แต่ว่า นี่มันอะไรกันนะ? เจ้าความรู้สึกดีนี่
อ้อ ใช่ เจ้าพวกนี้…ไอ้พวกชั่วที่รังแกฉันสินะ
รู้สึกสดชื่นแบบทนไม่ไหวเลยแฮะ ที่ได้เห็นพวกมันพยายามร้องขอชีวิตจากฉันด้วยวิธีที่ดูไม่ได้แบบนั้นน่ะ
“อาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อา น่าขำมาก น่าหัวเราะสุดๆ นี่ พวกแกอยากเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารงั้นเหรอ?”
“ช- ใช่แล้ว! คือ พวกเราเองก็คิดว่าพวกมนุษย์น่ะก็แปลกๆ เหมือนกัน! ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็พูดกันอยู่แค่ท่านมิซารี่ ท่านมิซารี่! ฉันไม่ได้บ้าแบบพวกนั้นหรอก! เนอะ ทุกคนเองก็คิดแบบนี้เหมือนกันเนอะ!?”
พออาวิซพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนรอบตัวเจ้าหมอนั่นก็พลอยพยักกันหมด
เห~ ไหวพริบไม่เลวเลยนี่นา ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนเลยนอกจากโยมิที่รับรู้ถึงความบ้าคลั่งของมนุษย์น่ะ
ก็สมกับที่เป็นพวกคนที่มาเกิดใหม่ที่ต่างโลกที่เคยสัมผัสประสบการณ์จากโลกอื่นมาก่อนล่ะนะ คงเป็นประโยชน์กับกองทัพจอมมารได้นิดนึงล่ะมั้ง
เสียอย่างเดียวที่ว่าดันเป็นฉันที่ฟังพวกมันพล่ามล่ะนะ
“อะฮะฮะ ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย―”
“อ- อะไรน่ะ…?”
“ฉันจะบอกว่ามันน่าขายหน้ามากไงล่ะ แกนี่มันไม่มีเกียรติของผู้กล้าเลยซักนิดเลยสินะ? กับเผ่ามารที่พวกแกดูถูกแบบนั้น พวกแกก็มาก้มหัวขอเข้าร่วมกับพวกฉันเนี่ยนะ… แกกำลังแสดงให้ฉันดูผู้กล้าที่น่าสมเพชที่สุดในประวัติศาสตร์ของผู้กล้าทุกคนที่เคยมีมาตลอดกาลเลย ในตอนนี้สินะ?”
“แก…”
“อะ ขอบอกให้ชัดๆ ไว้ก่อนเลยก็แล้วกันนะ คำตอบคือ ‘ไม่’ พวกแกไม่มีค่าพอจะเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารเลยซักนิด ฉันน่ะรู้เรื่องของพวกแกดีอยู่แล้ว”
“หา!? อย่างแกจะรู้เรื่องอะไรของพวกเรา!?”
“ปัด―โธ่― หนวกหูจริงๆ… ไอ้นิสัยที่ชอบแหกปากตะโกนเวลาอะไรขัดใจแกเนี่ย ไม่ได้เปลี่ยนไปซักนิดเลย แกนี่มันไม่ได้ต่างจากสมัยอยู่โลกเดิมซักนิดเดียวเลยสินะ”
“หุบปาก นี่มันเรื่อง…… ของ……… ฉัน………?”
“……เห้ย แก………… เดี๋ยว เมื่อกี้… แกว่า…”
“ฉันรู้อะไรเกี่ยวกับพวกแกน่ะเหรอ? ฉันจะตอบคำถามนั่นให้แล้วกัน พวกแกทำร้ายเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องคนนึงแบบไม่เลิกไม่รา แถมยังไปไถเงินจากเธอมาเป็นประจำเลยด้วย มีครั้งนึงที่เธอคนนั้นถูกฉีกเสื้อผ้าจนเหลือแต่ชุดชั้นในกลางโรงเรียน …แล้วก่อนหมดวันนั้น ไอ้สถุลนั่นก็ถูกเทพใช้ทำให้เกิดเหตุแก๊สระเบิดไงล่ะ”
“ถ้าแกบอกว่าแกจำไม่ได้ล่ะก็…… ฉันจะทำให้แกได้เสียใจที่ต้องมาเกิดมาใหม่จนกว่าแกจะตายเลยล่ะ เอาเถอะ ถึงแกจะจำได้ ฉันก็จะทำให้แกได้รู้สึกแบบนั้นอยู่ดีนั่นแหละ…… เน้อ~ คุโรดะคุง”
“ก- แก แก แกคือ……ไม่จริงน้า……!?”
“ไม่ได้เจอกันนานเชียวนะ ตั้งแต่ที่พวกแกชอบมาล้อมตัวฉันเนี่ย… คุณเนโมโตะ… ชิมาโนะคุง โอกาซาวะคุง มิซึทานิคุง แล้วก็โกโต้คุงสินะ? อะฮะฮะฮะ ฉันนี่โชคดีสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย! ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้พวกที่สร้างความทรมานให้กับฉันทุกคนจะมาสุมหัวกันอยู่ที่นี่พร้อมกันในตอนนี้เลย!!”
“ซ-… เซนโจ…? เซนโจงั้นเรอะ…?”
“ถูกต้องนะค้าาาา เซนโจ โยนะ นั่นแหละชื่อเดิมของฉัน… คนที่พวกแกรังแกมาตลอดยังไงล่าาาา”
“ก- โกหก ใช่มั้ย……?”
“เหตุผลที่ฉันมาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าของพวกแก แน่นอน ไม่ใช่เพื่อเอาความดีความชอบจากการฆ่าผู้กล้าอยู่แล้ว… พวกแกคงรู้สินะว่าทำไม?”
“ท- ทำไม… ทำไม มนุษย์อย่างแกถึงไปเข้าร่วมกับฝั่งเผ่ามารกัน…”
ไอ้ลิ่วล้อที่กล้าพูดเรื่องพรรค์นั้นออกมาจากปากของมัน… ฉันก็เลยกระทืบเข้าที่ต้นขาของเจ้าชิมาโนะ พร้อมขยี้กระดูกขาของมันจนเละคาเท้าของฉัน
“เอ๊ะ?……กึก กะอ๊าาาาาาาาากกกกกกกก!!! อ้าาาาา!!! อะ ข- ขา ขาฉัน อ้าาาาาาาาาาาาาา!?”
“เมื่อกี้แกพล่ามอะไรออกมา?! ฉันเป็นอะไรนะ?! มนุษย์งั้นเหรอ?! ฉันเป็นมนุษย์งั้นเหรอ?!”
“ฮึ ฮึก กึก ฮ้าา ฮึก…”
“…อ้า โทษทีนะ แต่พอมาคิดอีกที ฉันไม่พูดแบบนั้นดีกว่า… ฉันไม่มีตัวเลือกให้มาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ เพราะงั้น ฉันก็เลยมาเกิดเป็นแวมไพร์แทน นี่แหละคือฉันในตอนนี้ ดูสิ? เห็นตาสีแดงของฉันนี่มั้ย?”
“ด- เดี๋ยวก่อนสิ เซนโจ! พะ พวกเราอาจจะทำไม่ดีไปบ้างในชาติที่แล้ว! คือเข้าใจใช่มั้ย พวกเราก็ถูกกดดันหนักเหมือนกัน เนอะ!? เพราะงั้น…”
“อ้อ… เพราะแบบนั้น พวกแกเลยมารังแกฉันงั้นเหรอ? …อย่ามาพูดบ้าๆ นะ! ไอ้หน้าส้น***!”
“อึก!?… ย- หยุดนะ หยุดเถอะ! หยุดทีเถอะ!! กะอ๊าาาาากกก!!!”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ―? ก็สิ่งที่พวกแกทำกับฉันมาตลอดไง ทำร้ายร่างกายน่ะ เพราะงั้น พวกแกไม่มีสิทธิจะปริปากบ่นอะไรออกมาแม้แต่แอ่ะเดียว แต่ว่ามันชักหนวกหูไปหน่อยแล้ว ว่ามั้ย? ฉันแค่ดึงแขนของแกออกมาก็แค่นั้นเอง”
อ้า… นี่มันสุดยอดไปเลยน้า ความรู้สึกนี้น่ะ
พวกเธอเคยรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มขนาดนี้มาก่อนมั้ยล่ะ?
นี่ขนาดแค่ทรมานพวกลิ่วล่อของมันเองนะเนี่ย… ถ้าเป็นไอ้หัวโจก (คุโรดะ) จะเป็นยังไงกันนะ?
“เอาล่ะ คุโรดะ”
“ฮึก!?”
“แกคงจะพอใจมากน่าดูเลยสินะ? 17 ปีจากชาติก่อน 13 ปีในชาตินี้ แกใช้ชีวิตอย่างผู้ชนะโดยไม่สนสายตาของใครหน้าไหน ไม่สนใจว่าจะทำให้ใครต้องทรมานมาบ้าง… ไม่คิดเหรอว่า ได้เวลาที่คนที่พวกแกทรมานจะกลับมาล้างแค้นพวกแกแล้วน่ะ?”
“ย- หยุดทีเถอะ! ฉันขอโทษ! ฉันจะยอมทำทุกอย่างเลย ให้กราบเลยก็ได้! เพราะงั้น ขอร้อง! ช่วย……”
ฉันจะจัดการแกให้ตามลำดับเลยล่ะ
เริ่มจาก มือซ้ายก่อนเลย
“ฉัน…… กอ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาากกกกกก!!! เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ!! อ๊าาาาาาาาาาา!?”
“อุบ… อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! ร้องออกมาได้ดีเลยนี่!! ต้องแบบนี่สิ! เสียงแบบนี้ของแกนี่แหละ!! เสียงที่ฉันอยากได้ยินมาตลอดน่ะ!! สุดยอด!!”
“ก- แก… อย่าได้ใจไปเชียวนะ ยัยบ้านี่ ย้าาาาาาาาาาาาาาา!!”
มิซึทานิ ลิ่วล้อคนนึงที่ยังไม่บาดเจ็บอะไร ยิงท่าไม้ตายใส่ฉัน
กำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ แต่… ช่างเหอะ เก็บของสนุกไว้ก่อนแล้วกัน ขอฉันเล่นกับเจ้านี่ซะก่อนนะ
“ตายไปซ้าาา! …เอ๊ะ?”
“นี่ เกิดอะไรขึ้นน่ะ? แกพยายามจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ? เอาซิ เอาเลย อาเระ? ฉันหักดาบของแกไปแล้วนี่นะ? งั้นฉันคืนซากที่เหลือให้แกก็แล้วกัน… อะนี่!”
*เคร้ง*
“อ๊าาาาาาา!?”
“เอาสิ กรีดร้องให้มากกว่านี้สิ! นี่น่ะ ยังไม่ได้เศษเสี้ยวจากที่พวกแกเคยทำไว้ให้ฉันเลยนะ! เอาสิ เอาซี่!”
“อึก กะ อ๊าาาก อะ ย- หยุดที พอเถอะ นะ- อ๊าาาาาาาาาาาา!!!”
“อ้อ ใช่… ฉันควรจะต้องแนะนำตัวให้เรียบร้อยสินะ โทษทีๆ ฉันมีความสุขมากไปหน่อยที่ได้เจอพวกแกอีก จนลืมไปซะสนิทเลย”
คุโรดะกับพวกลิ่วล้อมองมาที่ฉันด้วยหน้าตาสิ้นหวังถึงขีดสุด… พร้อมๆ กับที่ฉันแนะนำตัวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“ชื่อของฉันคือลีน ขุนพลจตุเทวอสุรา ตำแหน่งที่ 2 ‘ขุนพลเทพอสูร’ ลีน บลัดลอร์ด …ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งน่ะเหรอ คงจะเข้าใจได้ง่ายกว่านะถ้าฉันบอกว่า เป็นอันดับ 3 ในกองทัพจอมมารน่ะ …การโจมตีแบบสะกิดๆ ของพวกแกน่ะ ทำความเสียหายให้ฉันไม่ได้ซักนิดเลย …เพราะงั้น แกคงเข้าใจแล้วสินะว่าความต่างชั้นของพลังในโลกนี้น่ะมันขนาดไหน …งั้นก็ มาต่อกันเถอะ~♪”
…พอฟังการแนะนำตัวของฉันแล้ว หน้าของพวกมันที่อยู่ตรงนั้นก็ซีดเหมือนกระดาษกันในทันที
เอาล่ะ มาเริ่มความสนุกกันเลยดีกว่า
มากกว่านี้ มาก~ กว่า~ นี้~ ให้ฉันได้จัดการเชือดพวกแกทีน้า~♡