[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า - ตอนที่ 77 องค์ที่ 4 ล้างแค้น - อดีตผู้กล้าและการล้างแค้น (1)
- Home
- [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า
- ตอนที่ 77 องค์ที่ 4 ล้างแค้น - อดีตผู้กล้าและการล้างแค้น (1)
“ก- โกหกใช่มั้ย…?”
ไม่เคยมีซักครั้งในชีวิตของฉัน ที่ฉันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองมากเท่ากับครั้งนี้มาก่อน
――― ทหาร 3,000 นาย ถูกฆ่าเรียบจากนักดาบแค่คนเดียวเนี่ยนะ
ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่กลางทางของการต่อสู้ ฉันถึงขนาดใช้ {เบอร์เซิร์กเกอร์ (แปรเปลี่ยนนักรบคลั่ง)} ไปแล้วแท้ๆ ทั้งที่ฉันเกลียดเจ้าเวทที่ไร้ความงดงามแบบนี้ที่สุด แต่ฉันกลับหยุดเจ้านั่นไม่ได้เลย
ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมันอะไรน่ะ
จอมเวท… ถ้าเป็นจอมเวทอย่างซากุระล่ะก็ ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้ามันเป็นการกวาดล้างทั้งกองทัพด้วยเวทขนาดใหญ่แบบนั้นน่ะ
…แต่ว่า เจ้าศัตรูที่เหมือนเด็กคนนึงนั่น กลับทำสิ่งนั้นได้ด้วยดาบเล่มเดียว
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ช่างป้อมเครย์นี่เหอะ ชีวิตฉันตกอยู่ในอันตรายแล้ว
“ท่านมีอาคะ! พวกเราควรทำยังไงดีคะ…!”
“เราจะเหลือทหารประจำการไว้ที่นี่ส่วนหนึ่ง แล้วถอยกลับกันเลย! หลังไปพ้นจากขอบเขตของบาเรียป้องกันการเคลื่อนย้ายนี่เมื่อไหร่ พวกเราจะเคลื่อนย้ายหนีกลับกันทันที! …หากใช้เวทมนตร์แล้วเจ้านั่นมันป้องกันได้ ก็ใช้ปืนใหญ่กับลูกกระสุนแทนเลย! หยุดมันเอาไว้ให้ได้!”
แค่ป้อมนี้แตกไป ก็ไม่เป็นไรซักนิด
ไม่สำคัญหรอกว่าทหารจะตายไปซักกี่คน
แต่ ฉันไม่ยอมมาตายอยู่ที่นี่หรอก!
โอกาสที่ฉันจะชนะไอ้สัตว์ประหลาดนั่นน่ะ ริบหรี่สิ้นดี
ถ้างั้น ก็เหลือทางเลือกแค่หนีแล้ว
“ท่านมีอาคะ พวกทหารของเผ่ามารระดับสูงที่ติดสถานะหลงเสน่ห์อยู่ที่เราขุมขังเอาไว้ในคุกของป้อมนี้น่ะ…”
“แน่นอน พาพวกมันไปด้วยสิ! เร็วเข้า! รีบเลย!”
…เป็นป้อมที่ใหญ่อย่างไร้ประโยชน์สุดๆ ไปเลยนะ
ชวนให้รู้สึกได้เลยว่า มันพยายามจะบอกเราว่า ‘แกเข้ามาข้างในไม่ได้หรอก’ ยังไงยังงั้น
เอาเถอะ มันไม่มีผลอะไรกับเราซักนิด และถ้าเราจะทำอะไร เจ้าป้อมนี่มันก็ป้องกันอะไรจากเราไม่ได้อยู่แล้ว
“………ยิงด้าาายยยย!!”
หือ?
…ดูท่าจะเห็นแล้วว่าใช้เวทมนตร์ยิงใส่เราไปก็เปล่าประโยชน์ เลยเปลี่ยนกลยุทธ์ไปใช้ปืนเล็กปืนใหญ่แทนสินะ
แต่ก็ ของพรรค์นั้นน่ะ เราไม่ต้องฟันมันเลยด้วยซ้ำ
“……ไม่ไหวครับ ไม่ได้ผลเลย!!”
“เวรเอ๊ย! มันใช้พลังอะไรมาป้องกันกันแน่!!”
สำหรับเราที่มีสเตตัสการป้องกันสูงกว่า 30,000 แล้ว กระสุนปืนนี่ก็ไม่ต่างจากเม็ดฝนเลย
เราไม่ชอบปืนใหญ่เลย เพราะมันเหม็นกลิ่นควันไปหน่อย แต่ถึงมันโดนเราเข้าจังๆ เราก็ไม่มีทางตายจากมันอยู่แล้ว และเราเองก็มีความต้านทานต่อสถานะผิดปกติที่สูงพอควรเลย เพราะงั้นเราก็ไม่ขาดอากาศจากควันนั้นได้ซักพักเลยด้วย
“อย่าให้มันเข้าใกล้ป้อมได้! ซื้อเวลาเอาไว้จนกว่าท่านมีอาปลอดภัย!!”
““ครับ/ค่ะ!!””
……ฮะ?
เดี๋ยวก่อน นี่ยัยผู้หญิงนั่นกำลังจะหนีแล้วงั้นเหรอ?
แย่ล่ะสิ เราอยากฆ่าแกที่นี่ตอนนี้เลย มันเป็นประโยชน์ทั้งทางกลยุทธ์ ทั้งอารมณ์ส่วนตัวล่ะนะ
“{ฟิสิคอลบูสท์ (เสริมแกร่งทางกายภาพ) ― เร่งความเร็วสูง}”
เราเร่งความเร็วของตัวเองขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ป้อมใหญ่นั่น
ระหว่างทาง มีนายทวารบาลกับนักฆ่าอยู่บ้าง แต่เราก็ฟันมันจนหมดอยู่ดีล่ะนะ
ฟันไปแม้แต่ประตูรั้วของป้อมนั่นแหละ
“อ๊าาา! ป้อมถูกบุกแล้ว!”
“ท่าไม่ดีแล้ว! ตอบโต้มันซะ! เร็วเลย!”
…มนุษย์นี่ช่างเปราะบางจริงๆ เลย
คอ, ลำตัว, อวัยวะภายใน, สมอง… มนุษย์อย่างเราสามารถตายได้ง่ายๆ เลย แค่ถูกฟัน หรือถูกแทงเข้าร่างกายในส่วนพวกนี้
เราสามารถตายได้จากการแค่ถูกกระสุนยิงเข้าหลังหัว หรือถูกดาบที่ฟันสวนด้วยความเร็วที่เร็วกว่ากระสุนนั่นก็ทำให้ตายได้ง่ายๆ เหมือนกัน
ฟันดาบในแนวทแยงจนตัวขาดสะพายแล่ง ตัดรยางค์ทั้ง 4 ข้าง ตายจากเลือดไหลไม่หยุด
หรือการปัดดาบที่ศัตรูถืออยู่กระเด็นไป ดาบที่ลอยไปนั่นก็ไปปักอีกคนแล้วก็ตาย
“อะฮะฮะฮะ… นี่ชีวิตของเรา ต้องถูกพรากไป เพื่อจุดประสงค์อย่างการเป็นคนคอยปกป้องสิ่งมีชีวิตที่ทั้งอ่อนแอทั้งขี้ขลาดแบบนี้งั้นเหรอเนี่ย”
พอคิดแบบนั้นแล้ว อารมณ์ของเราก็เลยผ่านความโกรธไป จนหลุดหัวเราะออกมาซะงั้น
อา… ยอดไปเลย
ชักจะกังวลขึ้นมานิดๆ แล้วนะเนี่ย เพราะเรามักใช้เวลาในแต่ละวันไปอย่างสงบสุข… ไม่เหมือนกับลีน จนกลัวว่าเราจะลืมความต้องการล้างแค้นไปซะแล้ว
แต่ ดูเหมือนเราไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลย
แค่ได้เห็นมนุษย์… เราก็ฆ่าพวกมันได้เหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าของร่างกายเลย
แถม ก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียวด้วย
“ถ้างั้น ได้เวลาเก็บกวาดขยะแล้วสินะ? …ฆ่าพวกมันให้เหี้ยนไปเลย”
“ท่านมีอาครับ! การเตรียมการเรียบร้อยแล้วครับ! โปรดรีบเลยครับ เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นพุ่งเข้ามาใกล้ท่านแล้วครับ!”
“เข้าใจแล้วค่ะ! รีบเข้าเถอะค่ะ…!”
ณ หอสวดมนต์ ส่วนในสุดของป้อม
พื้นที่ที่สำคัญที่สุดในป้อม ที่ไว้ใช้เพื่อสวดบูชาท่านมิซารี่
ที่นี่มีทางลับสำหรับการหลบหนีในกรณีฉุกเฉินอยู่ด้วย
“…อย่ามัวแต่ชักช้า เจ้าพวกเผ่ามารชั้นต่ำ! มาตรงนี้เร็วๆ เลย! ปกป้องดิฉันซะ!”
“………”
ฉันอาจจะใช้เวลามากเกินไป
บ้าที่สุด ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสภาพนี้ด้วยนะ…!
――― *ตู้มมมมม* !!
“บ้า…อะไรน่ะ!?”
“อ่า มาอยู่ที่นี่เอง… ในที่สุดก็เจอจนได้ อือ ดีจริงๆ ที่เรามาทันเวลาพอดี”
“อะ แกมัน…!”
ในตอนนั้น ระยะมันไกลมากจนมองไม่เห็นหน้าตาของเด็กคนนั้น… ไม่ผิดแน่
เจ้าสัตว์ประหลาดที่เก็บลูกน้องของฉันซะเรียบด้วยตัวคนเดียว
ยัยนั่นมีผมสีเงินเหมือนฉันอย่างน่าหงุดหงิด เป็นผู้หญิงที่หน้าตาใช้ได้
แถมยังดูเหมือนเด็กเลยด้วย
“ป- ปกป้องท่านมีอาเอาไว้!”
“ใช่แล้ว พวกเราจะต้อง…”
“เกะกะ”
“เอ๋? …อั๊ก”
“อุ๊ก…”
“เอ๊ะ? …พ- พวกนาย!?”
…เกิดอะไร ขึ้นกันเนี่ย? มองไม่ทันเลย
ในพริบตานั่น พวกขี้ข้าทั้งหมดของฉันก็…!?
“จ- เจ้าพวกมาร! ปกป้องดิฉันด้วยชีวิตซะ! จนกว่าดิฉันจะหนีพ้น…”
“{ฟิสิคอลบูสท์ (เสริมแกร่งทางกายภาพ) ― แผ่จิตคุกคาม}”
ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็มีอะไรบางอย่างที่เหมือนจะแผ่ออกมาจากเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น… แล้ว พวกมารทั้งหมดก็ไม่เคลื่อนไหวเลย
“น- นี่แกทำอะไร…!?”
มาร 10 ตนที่อยู่ตรงนี้น่ะ เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉันใช้มนต์เสน่ห์ควบคุมพวกมันเอาไว้เลยนะ
แต่ว่า ได้ยังไงกัน…!?
“และแล้ว เธอก็เหลือตัวคนเดียวซะทีนะ ทีนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? เธอที่ไม่เหลือคนใช้แล้วซักคนแบบนี้น่ะ”
แล้วเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นก็เดินตรงเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ…
…เกือบไปแล้วๆ
เกือบทำหลุดมือไปซะแล้วสิ
ตอนนี้ เราฆ่ามนุษย์ทุกคนตรงนี้ยกเว้นมีอา แล้วก็ทำให้มารทั้งหมดเคลื่อนไหวไม่ได้เรียบร้อย
ทีนี้ จะได้ค่อยๆ ฆ่าเธอคนนี้ซักทีสินะ
“ด- เดี๋ยวก่อน… ช่วยรอสักครู่ก่อน! มาเจรจากันเถอะ!… ดิฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร และดิฉันเองก็ไม่ใช่นักรบด้วย และแม้ดิฉันจะเข้าใจเพียงเล็กน้อย แต่ดิฉันก็รู้ว่าเธอน่ะแข็งแกร่งมาก… ดิฉันเข้าใจว่าความแข็งแกร่งระดับนี้น่ะ เทียบเท่ากับ 12 อัครสาวกได้เลย หรืออาจสูงกว่าด้วยซ้ำ! เพราะอย่างนั้นแล้ว…”
“…ใช่ คือ เจ้าเวท {ชาร์ม (มนต์เสน่ห์)} ที่เธอพยายามร่ายใส่เราระหว่างที่เธอพล่ามน้ำท่วมทุ่งมาตั้งแต่เมื่อกี้น่ะ มันเปล่าประโยชน์แล้วก็รู้สึกไม่สบายตัวด้วย เพราะงั้น ช่วยหยุดซักทีจะได้มั้ย?”
เหมือนที่ได้ยินมาจากลีนเลย เราจะลองใช้วิธีประคับประคองหน่อยแล้วกัน
“อึก…! ฮุ ฮุฮุฮุฮุ… ดูเหมือนว่าแกจะยังสบประมาทดิฉันอยู่สินะคะ คงยังไม่ลืมหรอกนะ ว่าดิฉันเป็น 12 อัครสาวกน่ะ? ถ้าคิดว่าดิฉันเป็นแค่ผู้หญิงที่ทำได้แต่หว่านเสน่ห์ล่ะก็…”
เธอพูดอะไรซักอย่างที่ไม่น่าสนใจ แถมทั่วตัวก็มีแต่ช่องว่างทั้งนั้น เราเลยฟันขาทั้ง 2 ข้างนั่นทิ้งเพื่อไม่ให้เธอหนีไปไหนได้
“……คิดผิดมหันต์ ……เลย………? ………กิ- กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
หนวกหูน่า…
ถึงจะเป็น 12 อัครสาวกแล้ว แต่นี่ไม่มีความต้านทานต่อความเจ็บปวดหรือไงนะ
“อ๋า… เท้า… อ๊า… เท้าที่สวยงามของฉัน!”
“เอ๊ะ เรื่องนั้นหรอกเหรอ? …จริงสินะ เธอน่ะมั่นหน้ากับความสวยของตัวเองจนเกินไปมาตลอดเลยด้วยนี่… อีกอย่าง เราว่าเธอหัดมองหน้าคนอื่นให้ดีๆ แทนที่จะเอาแต่หลงตัวเองหน้ากระจกซักครั้งนึงก็ดีนะ ว่ามั้ย?… นี่ ลองดูหน้าของเราดีๆ สิ พอจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้างมั้ย?”
“ฮึก…! ฮา… ฮา…… เอ๊ะ?”
พอฟังที่เราพูดแล้ว มีอาจ้องมาที่หน้าของเรา… แต่ ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสินะ
เอาเถอะ มันก็แหงอยู่แล้วล่ะ หน้าของเราเองก็เปลี่ยนจากตอนนั้นไปเยอะเหมือนกันจากตอนนั้น… เอาจริงๆ ตั้งแต่แรกเลย ยัยนี่ก็น่าจะเป็นคนที่ไม่น่าจะจำหน้าน้องสาวของตัวเองที่น่าจะตายไปตั้งนานแล้วได้อยู่แล้วนี่นะ
“…นั่นสินะ เธอก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว… เราตกใจมากเลยนะตอนที่ได้ยินว่าเธอถูกเลือกเป็นหนึ่งใน 12 อัครสาวกด้วย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าราชินีของหมู่บ้านคนนั้นจะทำเหมือนตัวเองสำเร็จในชีวิตขนาดนี้เลยนะเนี่ย”
“…พ- พูดเรื่องอะไร…”
“เธอทำอะไรต่อมิอะไรกับเราเอาไว้เพียบเลยนี่นา ถึงเราจะเด็กกว่าตั้ง 3 ปี เธอก็มาบังคับให้เราต้องแบกของหนักๆ ให้ ถูกใช้เป็นเก้าอี้รองนั่ง ไหนจะรุมรังแกเราพร้อมกับพวกเด็กๆ ในหมู่บ้านด้วย”
“…?? ……ด- เดี๋ยว แกหมายความว่ายังไง…?”
นี่ฟังมาขนาดนี้แล้ว ยังนึกอะไรไม่ออกอีกเหรอนั่น
เป็นคนไร้สมองจริงๆ เลยสินะ
“พอคนในหมู่บ้านบอกเราว่าสเตตัสของเราสูงกว่าเธอมาก ตอนที่ผู้คนฉลองให้กับเรา เธอก็แอบหาทางรังแกเราแบบลับๆ ด้วยสินะ ใช่มั้ย? …เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เราเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องพวกนั้นหรอก ถึงเราจะถูกรังแก แต่เราก็ไม่ได้โกรธหรอกนะ จริงๆ”
“…? ……ฮะ!?”
…เริ่มจำหน้านี้ได้แล้วสินะ?
“ถึงอย่างนั้น มีเรื่องนึงที่เราจะไม่ให้อภัยเด็ดขาดเลย… เธอน่ะ หัวเราะออกมาระหว่างที่เราถูกส่งตัวไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ในฐานะผู้กล้าน่ะ… เธอรู้อยู่แล้วสินะว่าเราจะต้องไปเจออะไรบ้างน่ะ รู้อยู่แล้วใช่มั้ย? เธอรู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังปล่อยให้เราออกไป…ไม่สิ คงจะไม่รู้สินะ… เราไม่คิดว่าเธอจะเน่าเฟะขนาดนั้นหรอก เนอะ”
“อ- อ- อ๊า…แก ไม่- ไม่จริง…ไม่จริ๊งงงงง…!?”
“เป็นอะไรไปล่ะคะ อาเนะซัง (คุณพี่สาว)? ทำไมต้องตัวสั่นขนาดนั้นเลยล่ะ ก็แค่น้องสาวแวะมาหาเท่านั้นเองนี่ …ถึง อีกไม่นาน เราก็คงจะต้องบอกลากันแล้วก็เถอะ”