[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า - ตอนที่ 78 องค์ที่ 4 ล้างแค้น - อดีตผู้กล้าและการล้างแค้น (2)
- Home
- [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า
- ตอนที่ 78 องค์ที่ 4 ล้างแค้น - อดีตผู้กล้าและการล้างแค้น (2)
“อะ อะ ก- แก… ทำไม ถึง……!?”
“ค่อยๆ จำเราได้ซักทีสินะ …แต่ดูแล้ว เธอน่าจะลืมสนิทขนาดที่ว่าเราชื่ออะไรไปแล้วล่ะมั้ง”
เอาเถอะ ที่ลืมนั่นน่ะ เราเองก็เหมือนกัน
เราเองก็ไม่อยากจำชื่อเดิมนั่นได้อยู่แล้ว เพราะงั้นมันก็สะดวกดีที่เราไม่ต้องรู้ชื่อเดิมของตัวเองล่ะนะ
“ท- ทำไม… ทำไมมนุษย์อย่างแก พยายามเลียนแบบพวกเผ่ามาร มาฆ่ามนุษย์ด้วยกัน แล้วไปช่วยพวกมันกันฮะ!?”
“…สำเนียงการพูดนั่น กลับมาเหมือนเดิมแล้วนี่นา?”
“อ๊ะ…!?”
“อุหวา… สำเนียงการพูดแบบลูกคุณหนูชนชั้นสูงนั่นน่ะ ที่แท้ก็ปลอมขึ้นมาเลยนี่เอง ที่พยายามจะปิดเอาไว้ก็เพื่อไม่ให้ถูกรู้ว่าเธอน่ะจริงๆ แล้วมาจากบ้านนอกคอกนาสินะ? น่าสมเพชจริงๆ เลย”
“น- น- นี่…! ทำไมแกถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ฮะ! ฉันได้ข่าวว่าแกตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง!?”
ตายไปแล้ว…งั้นเหรอ
ก็ ไม่ได้ผิดไปซะทีเดียวล่ะนะ
“นั่นสิน้า… ถูกทอดทิ้งจากครอบครัวและคนทั้งหมู่บ้าน ถูกขายแลกเศษเงิน ถูกทารุณอย่างโหดร้าย ถูกย่ำยีจนหัวใจแตกสลาย… แล้วสุดท้าย ก็ถูกช่วยไว้จากลีนกับท่านจอมมาร ตอนนั้น ตัวเรา ‘ในฐานะผู้กล้า’ น่ะ ตายไปแล้ว และได้เกิดใหม่มาเป็นแบบตอนนี้ไง เป็นนักดาบของกองทัพจอมมารยังไงล่ะ”
“มาเป็นงั้นเหรอ…!? ท- ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นมนุษย์ กลับยื่นมือไปให้ความช่วยเหลือกองทัพจอมมารเนี่ยนะ!? ไม่มีทาง… ไม่มีทางที่ท่านมิซารี่จะให้อภัยกับการกระทำชั่วช้าของแกแบบนี้เด็ดขาด!?”
“เราไม่สนเรื่องนั้นซักนิด เรื่องเทพธิดามิซารี่น่ะจะยังไงก็ช่างสิ เราเกลียดนางเลยซะด้วยซ้ำ ตั้งแต่เมื่อตอนที่เรายังเป็นผู้กล้า ตลอดจนมาถึงตอนที่สติและจิตใจเราพังทลายลง เทพธิดาอะไรนั่นไม่เห็นจะเคยมาช่วยเราเลยซักครั้งเดียว ท่านอิซึสึที่อุตส่าห์ชี้แนะให้ท่านจอมมารยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเราน่ะยังดีกว่าเป็นร้อยๆ เท่าเลย”
“ก- แก… ไอ้คนนอกรีตจอมทรยศ…! แบบนี้เอง เป็นแบบนี้เองสินะ เพราะแกตกลงอยู่ในอำนาจของเผ่ามาร และละทิ้งภารกิจผู้กล้าของตัวเอง คุณสมบัติของผู้กล้าในมนุษย์คนอื่นเลยตื่นขึ้นแทนนี่เอง… ไม่มีคนสติดีที่ไหนจะคิดว่ามนุษย์อย่างเราจะยอมแพ้ และมอบตัวเองให้กับเผ่ามารหรอก ใครๆ ก็ต้องคิดว่าคนอย่างแกต้องตายไปอยู่แล้ว!”
อะฮะฮะ ดูเหมือนเธอนี่ไม่พยายามจะปิดบังตัวเองเลยนะเนี่ย
ช่างเถอะ สำเนียงแบบเดิมที่เธอปลอมขึ้นมานั่นน่ะน่ารังเกียจจะตาย ถ้าเทียบกัน แบบนี้ก็ยังดีกว่า
“อื้อ ถูกต้องแล้ว งั้น พี่สาว ได้เวลาเปลี่ยนหัวข้อกันแล้วล่ะ ตอนนี้ เราคือนักรบของกองทัพจอมมาร ส่วนพี่ก็เป็น 12 อัครสาวก ไม่ว่าจะฝืนยังไง พวกเราก็เข้ากันไม่ได้หรอก… แต่ว่า พี่น่ะก็ไม่มีทางเอาชนะเราได้อยู่แล้ว ถึงเราจะเสียพลังของผู้กล้าไปก็จริง แต่ถ้าพี่สาวมีพลังอยู่แค่นี้ เราไม่มีทางถูกพี่ฆ่าได้เลยล่ะ”
“อย่ามาล้อเล่นน่า! พูดเหมือนว่าแกจะฆ่าฉันได้หยั่งงั้นแหละ!? ทั้งที่แกน่ะไม่มีวันต่อต้านฉันได้น่ะ! …{เมนทัลเบรก (ทลายจิตใจ)} !”
…ถ้าจำไม่ผิด นั่นคือเวทมนตร์ที่จะทำลายสมองของเป้าหมาย แล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นแค่ร่างเปล่าๆ ที่เหลือแค่ชีวิตสินะ?
ว่ากันว่าเคยมีการใช้เวทนี้เพื่อพังจิตใจให้แตกสลาย แต่เท่าที่จำเราได้… เหมือนเขาจะเลิกใช้วิธีนี้กันไปแล้ว เพราะถ้าเกิดทำลายสมองไปแล้ว จะไม่สามารถทำการควบคุมจิตใจได้นี่นา
“…แล้ว? เรียบร้อยหรือยังล่ะ?”
“หา!? ท- ทำไมกัน…”
“เรื่องง่ายๆ ก็พลังเวทของพี่ เจาะการป้องกันเวทของเราไม่ได้ก็แค่นั้นเอง เราคิดว่าถึงเวลาที่พี่ควรจะรู้ตัวได้แล้วนะว่าพี่น่ะ อ่อนกว่าเราแบบฟ้ากับเหวเลยเมื่อมองกันที่สเตตัส… อ้อ หรือว่ายังมีเวทมนตร์บทอื่นๆ ที่อยากลองอีกน่ะ? ได้เลยนะ ยังไงพวกมันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดีนั่นแหละ”
“อ- ไอ้เด็กเวรนี่…! ได้ ถ้างั้น ก็ตายไปพร้อมกับคำโง่ๆ ที่หลุดจากปากแก! ไปสำนึกผิดในนรกจากการที่แกกล้าขัดขืนพี่สาวของตัวเองซะเถอะ!!”
“หะ…! หะ…! หะ…!”
“อื้อ บอกแล้วไงว่าเปล่าประโยชน์น่ะ …เป็นอะไรไปเหรอ พี่สาว? ต่อสิๆ บางทีรอบต่อไปอาจจะได้ผลกับเราก็ได้นะ”
ผ่านไปแล้ว 10 นาที
มีอาก็เหนื่อยหอบ จนไม่รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่โดนร่ายเวทจิตใจใส่
ดูเหมือนพลังเวทในตัวจะหมดเกลี้ยง แถมอาจจะมาจากเลือดจากแผลที่ขาที่ไหลไม่หยุดด้วยนี่แหละ แต่แผลนั่นน่ะ เราฟันเอาไว้ได้แผลที่เรียบมาก เพราะงั้นเลือดที่ไหลออกมาน่ะยังไม่เยอะขนาดนั้น แต่เราคิดว่านั่นต้องทำให้เป็นโลหิตจางรุนแรงได้แน่นอน
ที่เหลือก็แค่จิตใจแล้วสินะ ไม่สำคัญเลยว่าจะใช้เวทมนตร์ใส่เราไว้มากขนาดไหน แต่ดูแล้วเธอคงจะฉุนไม่น้อยเลย
“ท- ท- ทำไม… ทำไมกัน ทำไมมันไม่ได้ผล… พลังของ 12 อัครสาวกเชียวนะ… ทั้งที่ฉันได้การเสริมกำลังจากท่านมิซารี่มาแล้วเนี่ยนะ…”
“เพราะการป้องกันเวทของเราสูงกว่าพลังเวทที่เสริมแกร่งมาแล้วอะไรนั่นไง… เอาล่ะ เธอน่ะพยายามฆ่าเรามาซักพักแล้วนี่… เธอพยายามใช้เวททำลายจิตใจสินะ ไม่มีเยื่อใยของพี่น้องเลยนี่นา โล่งอกไปที ถ้าเธอรู้สึกผิดที่จะโจมตีใส่เราล่ะก็ คงลำบากใจน่าดูที่ต้องฟันเธอทิ้งน่ะ”
อะไรทำให้มีอารักเราได้ขนาดนี้นะเนี่ย แน่นอน มันมีเหตุผลอยู่นะ
อย่างแรกเลยคือ เราอยากพิสูจน์ให้มั่นใจก่อนว่าเธอน่ะไม่เคยรักเราในฐานะพี่สาวเลยซักนิดเดียว
อีกอย่างนึงก็ เป็นการล้างแค้นของเรานี่แหละ
เรากับลีนน่ะเหมือนกัน… จุดมุ่งหมายของพวกเราคือกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซาก แต่ว่า วิธีการในการลงมือแก้แค้นกับคนที่เรามีคดีด้วยจะต่างกันนิดหน่อย
ลีนน่ะ ทั้งโหดร้าย ทั้งไร้ปราณี เป็นคนที่ต้องการฆ่าศัตรูด้วยพลังที่ท่วมท้นกว่า ให้เป้าหมายตายไปอย่างสิ้นหวังและเจ็บปวดให้มากที่สุดเท่าที่เจ้านั่นจะจินตนาการได้เลย จะมองเป็นทางกายภาพก็ได้มั้ง
ในทางกลับกัน เราน่ะอยากสร้างความตึงเครียดให้กับเจ้านั่น ทำให้ทุกอย่างตึงเครียดถึงขีดสุด ไล่ต้อนจิตใจของเป้าหมายให้จนตรอกไปทีละนิด ทีละนิด ทำให้เจ้านั่นสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะฆ่ามันในทีเดียว
ตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้คงจะรู้แล้วสินะว่า ทุกอย่างที่เธอมีน่ะ ไม่มีผลกับเราเลยแม้แต่นิดเดียว
…อา นี่สินะ หน้าแบบนี้ที่เราอยากเห็นมาตลอดเลยน่ะ
นานแค่ไหนแล้วนะที่เรารอคอยเวลานี้มา เวลาที่ใบหน้าที่แสนเย่อหยิ่ง ใบหน้าอันแสนละโมบโลภมาก ใบหน้าที่หลงละเมอคิดว่าทุกอย่างในโลกเป็นของตัวเองนั่น กำลังบิดเบี้ยวไปด้วยความสิ้นหวังแบบนี้น่ะ
…แต่ แค่นี้น่ะ มันยังไม่พอหรอก ต้องสิ้นหวังให้มันมากกว่านี้สิ
เรามองตรงไปที่มีอาที่เสียขาทั้ง 2 ข้างของเธอไปแล้ว
“อ้อ จริงสิ พี่สาว พอมาคิดๆ ดูแล้ว จนถึงตอนนี้ เรายังไม่ได้บอกชื่อของตัวเองเลยนี่นะ”
“ฮะ……?”
“เพราะลืมชื่อเดิมของตัวเองไปแล้ว เราเลยขอให้ลีนช่วยตั้งชื่อใหม่ให้น่ะ ชื่อใหม่ของเราตอนนี้คือ ‘โยมิ’ เป็นชื่อที่ดีเลยล่ะ ว่ามั้ย?”
“โย… มิ…?”
ใช่ เราพูดมาเหมือนจะโน้มน้าวเธอแบบนั้นแหละ
ผ่านไปสองสามวิ มีอาก็นิ่งอึ้งไปเลย… แล้วจากนั้น หน้าซีดๆ ของเธอก็ยิ่งซีดลงไปอีก ก่อนสีหน้าของเธอจะกลายเป็นความหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์เลย
“ช- ชื่อ… ชื่อ นั่น…!?”
“อ๋า นั่นคือสิ่งที่เธอได้ยินมาจากผู้คนที่ตกอยู่ใต้มนต์เสน่ห์ของเธอนี่เอง ความทรงจำเกี่ยวกับรูปลักษณ์และเผ่าพันธุ์ของเราน่ะได้ท่านอิซึสึช่วยกันเอาไว้แล้ว ข้อมูลที่รั่วออกมาเลยมีแค่ชื่อของเราจริงๆ สินะ
ตำแหน่งที่ 1 ของขุนพลจตุเทวอสุราแห่งกองทัพจอมมาร… หรือก็คือ หัวหน้าของขุนพลจตุเทวอสุรา ‘ขุนพลเทพสงคราม’ โยมิ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพจอมมาร และดาบของท่านจอมมาร นี่แหละคือเราในตอนนี้ เท่านี้ เราคิดว่าต่อให้เป็นพี่สาวสมองกลวงแค่ไหน แต่ก็คงเข้าใจความต่างชั้นของพลังแล้วนะว่า ความต่างของพลังที่ท่วมท้นของพวกเราน่ะมันห่างชั้นกันขนาดไหน… หรือเปล่านะ?”
“อะ อ๊า อ๊าาาาาาาาาาาา……!”
อะฮะฮะฮะฮะ จะพยายามถอยหนีไปแค่ไหนก็เชิญเลย เพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางจะหนีเราพ้นอยู่แล้ว
อา~ ยอดเลย~ หน้าตาแสนอัปลักษณ์ รูปลักษณ์ที่ดูไม่ได้แบบนั้นน่ะ เธอยังฝืนพยามยามร่ายเวทจิตใจใส่เราซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่เธอพยายามยึดเกาะมันเอาไว้เป็นความหวังสุดท้าย
“ก็… ตอนนี้เราก็พอใจแล้วล่ะ เดี๋ยวจะปล่อยให้พี่สาวได้ตายดีๆ ก็แล้วกันนะ พี่พยายามจะฆ่าเราน่าดูเลยนี่ เพราะงั้น ถ้าเราจะทำแบบนั้นเหมือนกัน พี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบ่นอะไรหรอกนะ ว่ามั้ย?”
“ฮึก! อ- อ๊าาาา! ช- ช่วยฉันที… นี่ หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้! พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือไง!? เธอจะฆ่าพี่ของตัวเองงั้นเหรอ!? ฉันจะไม่บอกใครเรื่องของเธอเลย! ฉันจะออกจาก 12 อัครสาวก และกลับไปอยู่ที่ชานเมืองเดิมของเรา! เพราะงั้น ได้โปรด! ไว้ชีวิตฉันเถอะ!”
…อา~ พี่สาวคะ~
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะเนี่ย ที่เราซาบซึ้งในบุญคุณของเธอน่ะ
ขนาดนี้แล้ว… เราไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะยอมให้เราได้ล้างแค้นเธออย่างที่เราต้องการถึงขนาดนี้เลยน่ะ
“…ถ้างั้น เรามาตกลงกันดีกว่าค่ะ พี่สาว”
“ต- ตกลงเหรอ?”
“อือ… บอกเราทีว่าตอนนี้ พี่กับพ่อแม่อาศัยกันอยู่ที่ไหนแล้ว ถ้าบอกล่ะก็… นะ?”
“ข- เข้าใจแล้ว! ทั้งคู่ก็ยังอยู่ในหมู่บ้านเดิมนั่นแหละ! จากเงินที่พ่อแม่ได้จากเธอมา และฉันที่ถูกเลือกเป็น 12 อัครสาวก พวกท่านก็ได้ใช้ชีวิตที่มั่งคั่งและสุขสบายแล้ว พวกเรายังไม่ได้ออกจากหมู่บ้านกันเลย! ท่านบอกว่าขออยู่ที่นี่ดีกว่าไปอยู่ในเมืองที่ทั้งเร่งรีบและวุ่นวายน่ะ…”
“อืม แบบนี้นี่เอง… ถึงยังไง เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตำแหน่งของหมู่บ้านนั่นอยู่ที่ไหนน่ะสิ มันอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“30 กิโลเมตร ไปทางทิศระหว่างตะวันตกกับตะวันตกเฉียงเหนือจากเมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียสน่ะ!”
เยี่ยมเลย ได้ข้อมูลสำหรับการล้างแค้นที่ต่อไปแล้ว
อะฮะฮะ พี่สาว นี่พี่รู้หรือเปล่า ว่าพี่ เพิ่งจะขายครอบครัวตัวเองแลกชีวิตน่ะ
“ขอบคุณนะคะ พี่… งั้น ก็คงถึงเวลาบอกลากันแล้วสินะ”
เราชักไดอาส (ดาบมาร) ที่ถูกเก็บไปครู่ใหญ่ออกมา ก่อนจะจ่อคมมีดนั่นไว้ที่คอของพี่สาวของตัวเอง
“…เอ๊ะ? …ท- ทำไมล่ะ!? ไหนบอกว่าจะไว้ชีวิตฉันไง!”
“เราเคยพูดแบบนั้นด้วยรึไง เราบอกแค่ว่ามาตกลงกันเองนี่… ต่อให้พี่จะไม่ให้ข้อมูลกับเรา เราก็กะว่าจะค่อยๆ ตัดนิ้วพี่ทิ้งไปทีละนิ้ว ทีละนิ้ว ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยอมคายเรื่องนั้นออกมาอยู่แล้ว แต่ถ้าหมด 10 นิ้วแล้วยังไม่บอกอีก ต่อไปเราก็คงจะต้องค่อยๆ ลอกหนังออกมาทีละชิ้น ทีละชิ้นจนกว่าจะยอมพูดนั่นแหละ แต่นี่เพราะพี่ยอมบอกเราอย่างตรงไปตรงมา งั้นเราจะฆ่าพี่ให้ในดาบเดียวก็แล้วกัน”
“อ๊าาา…ม- ไม่นะ ม่ายยยยยย!!”
เหมือนอย่างที่เราเคยฟังจากลีนเลยแฮะ นี่เป็นวิธีที่มีประโยชน์ที่สุดวิธีนึงในการรีดเอาข้อมูลได้โดยที่อีกฝ่ายจะไม่โกหกเลยจริงๆ ด้วย ก่อนที่เราจะจัดการถีบมันให้ร่วงลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวัง แล้วก็ฆ่ามันทิ้งซะ
“ไม่เอานะ! ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!? ฉันน่ะสำเร็จมาเสมอนะ!? ใบหน้าแสนสวย ร่างกายแสนงดงาม พรสวรรค์แสนเหลือล้น ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบเลยนะ! ฉันทำความดีมาเสมอจากการสังหารเผ่ามารแท้ๆ แถมยังไม่เคยลืมที่จะสวดอวยพรต่อท่านมิซารี่อยู่ตลอด แต่นี่มันมากเกินไปแล้วนะคะ! ฉันไม่อยากถูกฆ่าจากน้องสาวไร้ความสามารถที่ควรจะตายไปตั้งนานแล้วแบบนี้นะ!! ช่วยฉันด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที! ท่านมิซารี่!”
“……บอกคำสั่งเสียของตัวเองเสร็จหรือยัง? งั้นก็ลาก่อน ตลอดกาลนะ พี่สาว”
“ไม่น่า หยุด! หยุดก่อน! ช่วยหยุดที! ฉันขอร้อง! ขอล่ะ! ได้โปรด! อย่านะ! อย่านะ! อย่าน-………”
ระหว่างที่เช็ดเลือดที่ชุ่มไดอาสไปหมด เราก็หยิบเมจิกไอเท็มสำหรับโทรจิตออกมาสั่งใช้งาน
‘อา ลีน เรียบร้อยแล้วนะ อีกซักพักจะกลับบ้านแล้วล่ะ’
‘โยมิ! โล่งอกไปที… ไม่ได้บาดเจ็บหรือโดนอะไรมาใช่มั้ย?’
‘ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลย เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้เราหิวมากกว่าซะอีก… มีอะไรให้ทานบ้างตอนที่เรากลับถึงบ้านน่ะ?’
‘เอ… ฉันทำอาหารไม่ได้เรื่องเลยนะ… งั้นเราไปหาอะไรทานกันดีกว่า เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองนะมื้อนี้’
‘เอ๊ะ? ตามใจเราเลยใช่มั้ย? ไชโย! ไปกินสเต็กกันนะ! สเต็ก! เนื้อชิ้นโตๆ เลย!’
‘เดี๋ยวก่อนสิ!? …โธ่ ช่างเถอะ โยมิเพิ่งได้แก้แค้นจบนี่นะ งั้น ไปฉลองกันเถอะ’
‘จริงๆ นะ! รักลีนที่สุดเลย!’
‘กุอั๊ก!?’
‘เอ๊ะ? ลีน?’
‘…อื้อ …ม- ไม่มีอะไร …รีบๆ กลับมานะ…’
‘อื้อ!’
พอวางสายโทรจิตไปแล้ว เราก็แค่ไปรวบรวมเหล่ามารที่ถูกมนต์เสน่ห์เข้าไปมารวมตัวกัน ก่อนจะขอให้ซากุระคุงช่วยใช้เวทเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่พาทุกคนกลับ เท่านี้ งานของเราก็เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ เราก็ไปรวมกับทุกคนข้างนอก ออกไปจากหอสวดมนต์นี่ก่อน… ในตาของเราตอนนี้ ก็เห็นร่างของมีอาอยู่สุดปลายห้อง ตายไปโดยไร้หัวบนบ่าของร่างนั้น
…สุดยอดไปเลยนะ ตอนนี้ ขนาดเพิ่งจะฆ่าพี่สาวสายเลือดเดียวกันไปแท้ๆ แต่เรากลับไม่รู้สึกอะไรเลยซักนิด
ถ้าจะให้บรรยายออกมา มันก็มีความรู้สึกดีที่เหมือนได้ทำงานจนสำเร็จ กับความว่างเปล่าเล็กๆ ที่จะไม่ได้เห็นสีหน้าที่สิ้นหวังอีกแล้วล่ะมั้ง
“…แบบนี้ ดูท่าเราจะไม่ต้องกังวลเวลาจัดการพ่อแม่กับผู้คนในหมู่บ้านนั่นแล้วสินะ”
ม่าาาายสิ นี่แหละ ดีแล้ว ดีจริงๆ
ดีใจจริงๆ ที่ได้มีอามาเป็นหนูทดลองแบบนี้น่ะ
งั้น… เพื่อเป็นของขวัญขอบคุณให้พี่ เดี๋ยวเราจะฆ่าพ่อแม่กับพวกชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคน ให้พวกเขาได้ไปเจอกันอีกทีในนรกก็แล้วกันเน้อ~♪
“จะตั้งตารอเลย ต้องทำงานหนักให้เต็มที่ซะแล้วสิ… แต่ตอนนี้ก็ต้องสเต็กสิ~ สเต็ก~ ตั้งตารอเลย~ ตั้งตารอเลย~”
พอคิดถึงการแก้แค้นในอนาคตที่จะมาถึง กับสเต็กที่รออยู่เมื่อเรากลับไป… เราก็ก้าวไปกระโดดไป พลางมุ่งหน้าออกไปจากป้อมปราการ
โน้ตจากผู้แต่ง : อา… ถึงฉันจะเขียนเอง แต่ผมชอบความรู้สึกแตกสลายของโยมิมากเลย…
นี่ฟันมนุษย์มาหลายพันคน ก็เป็นธรรมดาที่จะอยากกินสเต็กสิ ว่ามั้ย!?
TN: อืม… ลงดาบใส่เนื้อท่อนใหญ่ไปเยอะ อยากกินสเต็กชิ้นใหญ่ๆ ก็เป็นเรื่องปกติแหละเนอะ… หรือเปล่า? 55555
แต่ อย่าหลุดพูดคำนั้นกับลีนบ่อยๆ ล่ะ โยมิจัง หัวใจลีนอาจยังไม่แข็งแรงพอจะต้านทานนะ