การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 100
“มีความเป็นไปได้สูงแค่ไหนว่านี่จะเป็นกับดัก?”
“ก็พอมีความเป็นไปได้อยู่”
ฉันตอบคำถามของซิก
พอได้ฟังคำตอบของฉัน, ซิกกับเซบาสก็ขมวดคิ้วแต่ลีโอที่ถูกฉันเรียกมาที่นี่ไม่ได้ทำแบบนั้น
“เด็กสาวคนนั้น……ท่านพี่คิดว่าพวกเราไว้ใจเธอได้ไหม?”
“ถ้าในแง่บุคคลก็เชื่อใจได้อยู่”
ไม่ว่าจะไว้ใจคนๆนึงมากแค่ไหน, เราก็อาจจะกลายเป็นศัตรูหรือเป็นพันธมิตรกับคนๆนั้นได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของตัวเราและตำแหน่งของอีกฝ่าย
ยกตัวอย่างเช่นเยอร์เกน, แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์เชิงร่วมมือกับเอริคจนถึงช่วงนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีแค่ไหน, ถ้าเขาอยู่คนละขุมอำนาจ, เขาก็จะกลายเป็นศัตรูของเอริค
อย่างไรก็ตาม, โซเนียเป็นพรรคพวกของรีเบคก้า ฉันไม่รู้สึกถึงคำโกหกจากเธอเลยและการที่เธอมาโกหกฉันก็ไม่มีประโยชน์อะไร แถมการล่อฉันกับลีโอออกไปนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับขุมอำนาจไหนด้วย พวกเขาไม่สามารถโจมตีพวกเราได้และถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามทำอะไรกับลีโอในตอนนี้, พวกเขาก็จะได้รับโทสะจากท่านพ่ออย่างแน่นอน
ด้วยการเชื่อมความคิดพวกนี้, ฉันก็เชื่อว่าโซเนียเป็นพรรคพวกของรีเบคก้าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“เธอเป็นพรรคพวกของรีเบคก้าไม่ผิดแน่ เพราะฉะนั้นการที่เธอคิดฝากฝังรีเบคก้าไว้กับพวกเราก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร ถึงยังไงการที่พวกเธอจะหนีไปเรื่อยๆมันก็มีขีดจำกัดอยู่และฝ่ายที่จะต้อนรับเธออย่างอบอุ่นก็มีแค่พวกเราเท่านั้น”
“หรือว่าเธอตั้งใจเข้าหาท่านพี่?”
“น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่านะ และบางทีการที่เธอไว้ใจข้าก็น่าจะเป็นเพราะความบังเอิญเหมือนกัน
แต่ว่า, ฉันก็ยังเข้าใจเจตนาของโซเนียได้ไม่ทั้งหมด
การที่จะทำความเข้าใจเธอนั้น, พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากไปพบเธอที่จุดนัดหมาย
“ในเมื่อพวกเราไม่สามารถระบุตำแหน่งของพวกเธอได้จากข้อมูลที่พบในวันนี้, พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปตามนัด”
ฉันมองแผนที่บนโต๊ะ
การพบเห็นในช่วงวันที่ผ่านมานี้ได้ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ ถ้ามองผ่านๆมันดูสะเปะสะปะไปหมดแต่พอฉันตั้งใจดูดีๆฉันก็รู้สึกว่ามันมีคำใบ้หรือกฏบางอย่างอยู่
แต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร เงื่อนงำที่ชัดเจนที่สุดที่พวกเรามีในตอนนี้มีแค่คำพูดของโซเนียดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงทำได้แค่เชื่อใจเธอ
“เอาหล่ะ, ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“ในเมื่อตัดสินใจแล้วพวกเราจะเคลื่อนไหวกันเลยไหมครับ”
“พี่น้องคู่นี้นี่ไม่รู้จักความกลัวเลยรึไงนะ? พวกเจ้าทั้งสองคนถูกจับตามองอยู่นะ ถ้าพวกเจ้าสองคนออกไปด้วยกันฝ่ายอื่นจะต้องพยายามเข้ามาขัดขวางแน่ๆไม่ใช่รึไง?”
“ข้ารู้แต่ถ้าพวกเราไม่ไปพวกเราก็จะไม่คืบหน้าไปไหนซักที”
ซานดร้ากับนักล่าจากองค์กรกำลังออกตามหารีเบคก้าอย่างไม่ลดละ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขากำลังสอดส่องการเคลื่อนไหวของพวกเราด้วย ถ้าพวกเราไป, พวกเขาก็จะพยายามเข้ามาหยุดพวกเราไม่ผิดแน่
ตอนนี้, มีแค่ซิกกับเซบาสที่สามารถต่อสู้กับนักฆ่าในศึกราตรีได้ ต่อให้พวกเราเอาทหารไปด้วย, มันก็มีแต่จะเพิ่มจำนวนศพเท่านั้น
งานนี้อันตรายอย่างไม่ต้องสงสัยแต่นี่คือช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ระหว่างการได้ตัวรีเบคก้าที่นี่กับปล่อยให้เธอหลุดมือไปนั้นมันแตกต่างกันมาก
โซเนียบอกว่าเธอจะถูกบังคับให้ใช้แผนการลับถ้าพวกเราไม่ไป ฉันไม่รู้ว่าเป็นแผนการอะไรแต่ฉันไม่อยากให้เธอใช้มันเลย นอกจากนี้ถ้าพวกเราไม่ไป, ความเชื่อใจที่ในที่สุดพวกเราก็ได้รับมาจากโซเนียก็จะสูญเปล่าไปด้วย
“จะต้องไม่มีการลอบโจมตี พวกเรารู้ตำแหน่งแล้วและพวกเราก็ตื่นตัวกันเต็มที่ด้วย พวกเราต้องมุ่งหน้าออกไปในช่วงจังหวะสุดท้ายที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้น นี่คือวิธีที่จะทำให้ฝ่ายอื่นไม่สามารถอ่านทิศทางของเราได้และทำให้ไม่สามารถดักรอพวกเราข้างนอกได้ตลอดเวลาด้วย”
“แบบนั้นมันมีความเป็นไปได้ที่พวกเราจะไปไม่ทันเวลาอยู่ไม่ใช่หรอครับ? พวกเรารีบออกไปแต่เนิ่นๆเผื่อเอาไว้ไม่ดีกว่าหรอ?”
“มันก็เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอกถ้าพิจารณาว่ามันจะมีแค่พวกเรา แต่ถ้าพวกเราออกไปเร็ว, ศัตรูก็อาจจะอ่านการเคลื่อนไหวของพวกเราออก ถึงยังไงพวกเราก็เป็นเป้าสังเกตใหญ่สำหรับฝ่ายอื่น กลับกันถ้าพวกเราไปช้า, อย่างเลวร้ายที่สุด, รีเบคก้าก็จะเข้าไปซ่อนอีกครั้ง, ซึ่งนี่เป็นผลลัพธ์ที่ยอมรับได้มากกว่า แต่ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องเดินทางไปที่หอนาฬิกาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นก็เตรียมตัวกันเลยเถอะ”
“อา, ทั้งสองคนช่วยเป็นคนคุ้มกันให้พวกเราได้ใช่ไหมไหม?”
ในขณะที่พูด, ฉันกับลีโอก็เริ่มเคลื่อนไหว
ซิกกับเซบาสถอนหายใจออกมาพร้อมกันแล้วตามพวกเรามา
…
“ชิ!”
ฉันเดาะลิ้นในขณะที่วิ่ง
พวกเราเกือบจะไปถึงหอนาฬิกาแล้วแต่มีศัตรูมากกว่าที่คาดเอาไว้ ทำไมถึงมากันเยอะขนาดนี้นะ?
ซิกกับเซบาสกำลังกำจัดศัตรูในขณะที่ลีโอกำลังปกป้องฉันแต่พวกเราไม่ได้มีเวลาเหลือมากขนาดนั้น
มันเลยเที่ยงคืนมาแล้ว พวกเราเหลือเวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น
พวกเราทำได้แค่วิ่งและหวังว่าจะไปถึงได้ทันเวลา
แต่ว่า, ศัตรูก็ยังคงโผล่ออกมาเรื่อยๆ กำลังเสริมของพวกเขาเข้ามาหาพวกเราอย่างไม่หยุดหย่อนทำให้พวกเราต้องคอยจัดการอยู่ตลอด
“ท่านพี่! นำหน้าไปก่อนเลยครับ!”
“ข้าถูกบอกให้พาเจ้าไปที่นั่นด้วยนะ!”
“ช่วยยื้อพวกเธอเอาไว้ให้ข้าหน่อยนะครับ!”
พอพูดจบ, ลีโอก็ผลักหลังของฉัน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, นักฆ่าก็โจมตีลีโอแต่เขาก็สามารถยกดาบขึ้นมาป้องกันตัวเองได้
ในเมื่อมีเซบาสกับซิกอยู่, เขาก็น่าจะไม่เป็นอะไร
ฉันค่อนข้างเป็นห่วงอยู่แต่ฉันก็ทิ้งพวกเขาแล้วมุ่งหน้าตรงไปที่หอนาฬิกา
ในตอนที่ฉันไปถึงใกล้กับหอคอย, เวลาเที่ยงคืนห้านาทีก็ได้ผ่านไปเลย
“แฮ่ก แฮ่ก……”
ในขณะที่กำลังหอบ, ฉันก็มองไปรอบๆ
ไม่ใช่ว่า, พวกเธอไปรอที่ยอดหอนาฬิกานะ?
ในขณะที่คิดเช่นนั้น, โซเนียก็ปรากฎตัวขึ้นจากเงามืด
“โซเนีย…..!”
“มาได้ซักทีนะ”
พอพูดจบ, เด็กสาวที่มีผมสีน้ำตาลส้มก็ปรากฎตัวขึ้นจากข้างหลังเธอ
เธอดูคล้ายกับภาพหน้าตรงที่พวกเราได้มาดังนั้นเธอน่าจะเป็นรีเบคก้า
ในขณะที่มองฉันอย่างสงสัย, รีเบคก้าก็ถามโซเนีย
“คนๆนี้คือองค์ชายอาร์โนลด์หรอ?”
“อื้ม เจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียวใช่ไหม?”
“ลีโอกำลังติดพันกับพวกนักล่าอยู่ เขาน่าจะมาถึงที่นี่ในเร็วๆนี้ช่วยรออีกหน่อยเถอะนะ”
“ข้าก็อยากอยู่หรอกแต่พวกเราไม่มีเวลาแล้ว”
พอพูดจบ, โซเนียก็เข้ามาหาฉัน
จากนั้นเธอก็มองเข้ามาในดวงตาของฉัน
ดวงตาสีม่วงแดงจ้องมาที่ฉันตาไม่กระพริบราวกับว่าเธออยากมองเข้ามาในจิตใจของฉัน
ในท้ายที่สุด, โซเนียก็ยิ้มแล้วหันหน้าหนี
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การซุ่มโจมตีสินะ อัลคุงนี่ใจดีจริงๆ”
“ถ้าข้าส่งทหารล่วงหน้ามาก่อน, ตำแหน่งของเจ้าก็อาจจะถูกเปิดเผยกับขุมอำนาจอื่นได้ ข้าจะให้เจ้าแบกรับความเสี่ยงนั้นไม่ได้หรอก”
พอได้ฟังการคาดการณ์ของฉัน, โซเนียก็พยักหน้าซ้ำๆ
ดูเหมือนว่ารีเบคก้าจะระวังตัวอยู่แต่ถ้าลีโอมาถึงแล้วก็น่าจะไม่เป็นอะไร ถึงยังไงการซื้อใจคนก็เป็นความสามารถพิเศษของลีโออยู่แล้ว
ถ้าพวกเราสามารถซื้อใจรีเบคก้าได้ที่นี่, มันก็จะถือเป็นชัยชนะของพวกเรา
ฉันคิดแบบนั้น
แต่ในตอนนั้นเอง, โซเนียก็ได้พูดในสิ่งที่ทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ
“เจ้ายังไม่ชนะหรอก…….คิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้วมันไม่ดีเลยนะ อัลคุง”
“หมายความว่ายังไง…..?”
พอพูดจบ, โซเนียก็ผลักหลังของรีเบคก้าและร่างของเธอก็โน้มมาหาฉัน
ฉันรีบเข้าไปรับตัวรีเบคก้า ดูเหมือนว่ารีเบคก้าเองก็รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำอย่างกระทันหันของโซเนีย
“โซเนีย!? ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!?”
“ขอโทษทีนะ เพื่อความปลอดภัยของรีเบคก้า, นี่เป็นวิธีเดียว อัลคุง…..เจ้ามาไม่ทันเวลา ตอนนี้ข้าต้องใช้ไพ่ตายแล้วหล่ะ”
ในตอนที่เธอพูดออกมาเช่นนั้น, ชายที่สวมเครื่องแบบสีดำก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
และยังเพิ่มความน่าประหลาดใจเข้าไปอีก, พวกเขาทุกคนมีหน้าไม้รุ่นใหม่ที่พึ่งนำเข้ามาใช้ในกองทัพไม่นานนี้
คนพวกนี้คือ……
“หน่วยลอบเร้นของกอร์ดอนสินะ……”
“อื้ม, ใช่แล้วหล่ะ ท่านพันตรี, อย่าพึ่งสั่งคนเคลื่อนไหวนะ ข้าจะทำการต่อรองเอง”
“…..รับทราบ”
คนที่เหมือนหัวหน้าซึ่งโซเนียเรียกว่าพันตรียกมือขึ้นแล้วคนชุดดำคนอื่นๆก็ถอยห่างจากฉันและรีเบคก้า
จากนั้นโซเนียก็เอาจดหมายออกมา
เมื่อเห็นแบบนี้, รีเบคก้าก็รีบเอาจดหมายออกมาจากกระเป๋าของเธอ
พวกมันดูเหมือนกันจริงๆ
“อันนั้นเป็นของปลอมหน่ะ, รีเบคก้า”
“ไม่มีทาง…..เจ้าทรยศข้าหรอ!?”
“ไม่ใช่การทรยศหรอก ข้าอยู่ฝ่ายนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว อันที่จริงข้าก็อยากจะส่งเจ้าให้องค์ชายลีโอนาร์ดก่อนที่ท่านพันตรีจะมาถึงนะ, แน่นอนว่า, พร้อมกับจดหมายด้วย แต่ในเมื่อเขามาแล้ว, พวกเราก็จำเป็นต้องให้อะไรกับเขา น่าเสียดายจริงๆ……”
พอพูดจบ, โซเนียก็ก้มหน้าลง
สีหน้าของเธอดูผิดหวังจริงๆ นี่น่าจะไม่ใช่การแสดง
บางทีโซเนียคงพยายามเติมเต็มความต้องการของรีเบคก้าอย่างถึงที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้แล้ว เธอให้เวลาพวกเราห้านาทีและพวกเราก็มาไม่ทันเวลา
เรื่องมันเป็นแบบนี้เอง
หลังจากนั้นซักพัก, เซบาส, ซิก, รวมทั้งลีโอก็มาถึง
ทั้งสามที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์กำลังเตรียมตัวต่อสู้แต่ฉันก็ใช้มือส่งสัญญาณให้พวกเขาหยุด
อีกฝ่ายไม่ได้คิดที่จะโจมตีพวกเรา ตั้งแต่แรกแล้ว, โซเนียคงไม่โง่พอที่จะต่อสู้กับพวกเราที่นี่
ซึ่งนั่นมันก็เรื่องนึง, แนวทางการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือพยายามเอาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด
“โซเนีย…..เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“…..ข้าชื่อโซเนีย ลาสเปด ลูกครึ่งเอลฟ์ที่องค์ชายกอร์ดอนเกณฑ์เข้ามาเป็นนักกลยุทธ”
“นักกลยุทธของกอร์ดอนหรอ….?”
“อื้ม, ข้าไม่ได้มีพันธะกับตำแหน่งนั้นจนถึงเมื่อซักครู่นี้ดังนั้นข้าก็เลยเคลื่อนไหวในฝ่ายของรีเบคก้า แต่ตอนนี้, ในเมื่อท่านพันตรีมาแล้ว, เรื่องมันก็ต่างออกไป ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกเจ้าแล้วใช่ไหม? แค่ห้านาทีเท่านั้น เวลาก่อนที่ท่านพันตรีจะมาถึงคือโอกาสสุดท้ายที่ข้ามอบให้อัลคุงยังไงหล่ะ”
โซเนียมองฉันด้วยสีหน้าเศร้าสลด
ฉันเองก็ผิดหวังในสิ่งที่ตัดสินใจไป ถ้าเลือกแบบนั้นตั้งแต่แรกก็คงจะดี, ถ้าทำแบบนั้นน่าจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่กำลังครอบงำฉันอยู่ก็คือความรู้สึกผิด
โซเนียคงไม่อยากส่งตัวรีเบคก้าให้กอร์ดอนในทันทีเพราะเธอรู้ว่าเขาจะไม่มีวันดูแลเธอให้ดี
โซเนียร่วมมือกับเธอและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของรีเบคก้าเป็นอันดับแรก ถ้ามันไม่ใช่แบบนั้นเธอก็คงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้
คนที่เรียกหน่วยลอบเร้นของกอร์ดอนมาที่นี่ก็คือเธอ เนื่องจากเธอไม่สามารถช่วยรีเบคก้าหนีไปได้ตลอดไป, การขอความช่วยเหลือจึงดีกว่า และในตอนนั้นเองเธอก็บังเอิญได้พบกับฉันดังนั้นเธอจึงใช้ฉันติดต่อกับลีโอ, เหตุผลของเธอก็คือว่าอย่างน้อยที่สุดเธอก็อยากส่งตัวรีเบคก้าให้พวกเรา
ฉันควรใช้เวทย์เคลื่อนย้ายหรือฉันควรใช้เวทมนตร์เป่าพวกเขาทิ้งไปรึเปล่านะ? ฉันไม่สามารถคิดหาคำตอบได้
สิ่งเดียวที่ฉันสามารถพูดได้ก็คือที่นี่ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้แล้ว
“ส่วนตัวแล้ว, ข้าสามารถส่งจดหมายให้เจ้าได้เหมือนกันแต่ว่า…..องค์ชายกอร์ดอนคงจะยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้และองค์หญิงซานดร้าก็กำลังเพ่งเล็งเจ้าอยู่ด้วย จดหมายกับรีเบคก้า, ถ้าเจ้าพิจารณาถึงตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด, ก็คงจะเป็นการแยกทั้งสองออกจากกันใช่ไหมหล่ะ?
คิดจะใช้กำลังก็ได้นะ, แต่มันไม่คุ้มหรอก
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อ และฉันก็เห็นด้วยกับเธอ
ตอนนี้ค่ำคืนของเมืองหลวงจักรวรรดิเต็มไปด้วยนักฆ่าของซานดร้าและนักล่าจากองค์กร ถ้าพวกเขาโจมตีพวกเราในขณะที่พวกเรากำลังต่อสู้อยู่ที่นี่, พวกเราก็เสี่ยงที่จะพังด้วยกันทั้งคู่
ในแง่นี้, การแยกเป้าหมายเป็นสองส่วนและยอมกลับไปดีๆจะดีกว่า
ถ้าพวกเราตกลงกันได้แล้วยอมถอนตัวโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น, พวกเขาก็จะส่งนักล่าไปหาโซเนียและหน่วยของเธอ ตอนนี้มันชัดเจนสำหรับศัตรูของพวกเราว่ามีการต่อรองบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่
“…..แล้วข้อเรียกร้องของเจ้าหล่ะ?”
“พวกเราค่อยคุยเรื่องนั้นกันในอนาคต ฝั่งเราน่าจะเป็นคนเข้าหาเจ้าก่อน วางใจได้เลย, ข้าไม่ทำอะไรแย่ๆหรอก”
คำพูดของเธอมันไม่ชวนให้รู้สึกสบายใจเลยซักนิด
ต่อให้มันไม่ได้ทำร้ายพวกเราโดยตรง, แต่มันก็ชัดเจนว่าผลลัพธ์จะไม่ออกมาดีแน่ตราบใดที่กอร์ดอนเป็นคนตัดสินใจกระแสการพัฒนาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาได้กุญแจสำคัญไปแล้ว แค่รีเบคก้าไม่พอที่จะใช้เป็นหลักฐาน
ตอนนี้พวกเราถูกบังคับให้เจรจากับกอร์ดอน
โซเนียได้แสดงความสามารถของเธอออกมาแล้วและได้รับผลลัพธ์ตามที่เธอปราถนา เธอสามารถฝากรีเบคก้าเอาไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้และสร้างผลงานให้กับขุมอำนาจของกอร์ดอน
“ข้าเต้นอยู่บนฝ่ามือของเจ้ามาโดยตลอดเลยสินะ…..”
“ขอโทษนะ ข้าคิดว่าแบบนี้มันดีที่สุดแล้ว…..ลาก่อน อัลคุง ดูแลรีเบคก้าให้ดีๆหล่ะ…..นับจากนี้ไปข้าจะเป็นศัตรูของเจ้า”
พอพูดจบ, โซเนียก็หันหลังให้
จากนั้นเธอก็หายไปในความมืดด้วยกันกับหน่วยลอบเร้น
แผ่นหลังของเธอดูเศร้าสร้อย แต่ว่า, มันไม่มีอะไรที่ฉันทำได้ เพราะถ้าฉันลงมือทำอะไรความพยายามทั้งหมดของเธอก็จะไร้ความหมาย
“ท่านอาร์โนลด์…..พวกเราเองก็ควรถอนตัวได้แล้วนะครับ”
“……นั่นสินะ”
ในขณะที่ตอบรับเซบาส, พวกเราเองก็ออกจากที่แห่งนี้
วันนี้คือความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเป็นครั้งแรกหลังจากที่พวกเราเข้าร่วมสงครามผู้สืบทอด
และนักกลยุทธที่สร้างความพ่ายแพ้นี้ก็มาจากฝั่งกอร์ดอน ด้วยจดหมายในมือของกอร์ดอน, เขาจะเป็นคนที่ตัดสินใจว่าเหตุการณ์นับจากนี้จะพัฒนาไปทางไหน
ด้วยประการฉะนี้เอง, โครงสร้างอำนาจในสงครามผู้สืบทอดก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง