การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 102
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้จดหมายมาสินะ ทำได้ดี”
กอร์ดอนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่เกรงกลัวพูด
เบื้องหน้าเขาก็คือโซเนีย สายตาที่เธอจ้องมองกอร์ดอนนั้นไม่ได้มีความภัคดีอยู่เลย
“ก็มันเป็นสัญญานี่คะ”
โซเนียพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
กอร์ดอนหัวเราะโซเนียอย่างเย้ยหยัน
“เจ้านี่เป็นลูกน้องที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แต่ก็ถือว่าทำได้เยี่ยมที่ชิงจดหมายมาได้ สมกับที่เป็นลูกเลี้ยงของนักกลยุทธอัจฉริยะคนนั้นจริงๆ แต่ข้าก็อยากได้ตัวพ่อของเจ้ามาอยู่ฝั่งข้ามากกว่าหล่ะนะ มันช่างน่าเสียดายจริงๆที่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เพราะบาดแผลเก่านั่น”
“!? ท่านว่ายังไงนะคะ!?”
ความเกลียดชังฉายออกมาผ่านดวงตาของโซเนีย
เมื่อสิบปีก่อน โซเนียถูกไล่ออกจากหมู่บ้านด้วยกันกับแม่ของเธอเพราะว่าเธอเป็นครึ่งเอลฟ์และต้องใช้ชีวิตอย่างเงียบๆที่หมู่บ้านห่างไกลแถวชายแดนระหว่างจักรวรรดิเพเลอรินกับอาเดรเซีย
อย่างไรก็ตาม, หมู่บ้านนั้นก็ถูกทำลายเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพของอาเดรเซียกับเพเลอริน, ทำให้โซเนียต้องสูญเสียแม่ และถูกพ่อเลี้ยงของเธอช่วยเอาไว้ได้ในตอนที่ซากทัพของเพเลอรินเข้ามาปล้นแล้วเผาหมู่บ้านของเธอ
แต่ว่า, ในตอนนั้นเอง, พ่อเลี้ยงของเธอก็ได้รับบาดเจ็บหนักทำให้ร่างกายของเขาไม่สามารถทำหน้าที่ในกองทัพต่อไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น, เขาก็ยังรับเลี้ยงโซเนียแล้วดูแลเธอเหมือนลูกของตัวเอง
เขาคือผู้มีพระคุณสำหรับโซเนีย เป็นทั้งพ่อที่ไม่มีใครแทนได้, และอาจารย์ที่เธอเคารพรัก
แล้วสงครามที่ทำร้ายชีวิตประชาชนแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงในเมื่อมีคนแบบนี้อยู่ในกองทัพ?
ต้นเหตุก็คือชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ, กอร์ดอน
ในตอนนั้น, มันเป็นศึกแรกของกอร์ดอนดังนั้นเขาจึงบุงเข้าหาศัตรู, ด้วยความกระหายความสำเร็จทางการทหาร แนวหน้าสงครามถูกขยายไปอย่างไร้จุดหมายและทำให้ไฟสงครามกระจายไปถึงหมู่บ้านของเธอ, ส่งผลให้โซเนียกลายเป็นเด็กกำพร้าและทำให้พ่อของเธอได้รับบาดเจ็บหนัก
กอร์ดอนได้รับการสรรเสริญจากผู้คนมากมายเพราะการจู่โจมของเขานั้นได้จัดการศัตรูไปมากมายแต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เลือดจำนวนมากก็ได้หลั่งไหลเพราะความสะเพร่าของกอร์ดอน
ซึ่งการที่กอร์ดอนคนนี้พูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า [น่าเสียดาย] จึงเป็นสิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้สำหรับโซเนีย
อย่างไรก็ตาม,
“จากสายตาของเจ้า, ดูเหมือนว่าเจ้าอยากจะฆ่าข้าสินะ? แต่ลืมไปซะเถอะ พ่อและเหล่าพี่น้องบุญธรรมของเจ้าอยู่ภายใต้การสอดส่องของข้า”
“……ข้าเข้าใจดีค่ะ”
โซเนียกัดริมฝีปากเล็กน้อยด้วยความผิดหวังแล้วฝืนพูดออกมา
เจ้าหน้าที่ของกองทัพหลายคนมีมุมมองตรงข้ามกับกอร์ดอน พวกเขาไม่ได้ต้องการสงคราม
นี่คือสาเหตุที่ไม่มีนักกลยุทธซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้สงครามการเมืองอยู่ในฝั่งของกอร์ดอน ดังนั้นกอร์ตอนจึงหมายตาพ่อเลี้ยงของโซเนียที่เกษียณไปแล้วและขู่ให้เขายอมร่วมมือด้วย
อย่างไรก็ตาม, สภาพร่างกายของพ่อเลี้ยงโซเนียไม่ได้แข็งแรงพอที่จะเดินทางมายังเมืองหลวงจักรวรรดิดังนั้นโซเนียจึงเสนอตัวมาแทนเขา เธออยากตอบแทนเขาที่เลี้ยงเธอมา ในขณะเดียวกันนั้นเอง, กอร์ดอนก็เป็นคนที่จะใช้วิธีจับตัวประกันถ้าเขาจำเป็นต้องทำ, โซเนียจึงคิดที่จะการเป็นตัวเบรคกอร์ดอนที่ไม่ค่อยฟังความคิดเห็นของคนอื่น
ถ้าเธอปล่อยให้คนแบบนี้อาละวาดตามใจชอบ, จำนวนคนที่จะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับเธอและพ่อของเธอก็จะเพิ่มขึ้น
การรับใช้กอร์ดอนซึ่งพูดได้เลยว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตนั้นถือเป็นเรื่องที่แสนเจ็บปวดสำหรับโซเนีย, แต่ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่มีต่อพ่อของเธอบังคับให้เธอต้องตัดสินใจแบบนี้
“ไม่, เจ้ายังไม่เข้าใจจริงหรอก ข้าได้ยินมาว่าที่เจ้าอยากมอบให้ลีโอนาร์ดนั้นไม่ได้มีแค่อัศวินคนนั้นแต่รวมถึงจดหมายด้วยไม่ใช่รึไง? ถ้าเจ้าเป็นนักกลยุทธของข้าก็จงเคลื่อนไหวด้วยวิธีที่ทำประโยชน์ให้ข้าเท่านั้น”
“สัญญาของข้าคือจะกลายเป็นนักกลยุทธให้ท่านในตอนที่ข้ามาถึงตัวท่านแล้ว ข้ายังคงเป็นอิสระอยู่ในตอนที่มาถึงเมืองหลวง ตอนนั้นมันเป็นอิสระของข้าที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง”
“นี่เจ้าลืมเรื่องตัวประกันไปแล้วรึไง? รู้ใช่ไหมว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังข้า?”
“และท่านก็ยังไม่ลืมตัวใช่ไหมคะ? ท่านไม่สามารถเอาชนะองค์ชายเอริคได้ถ้าไม่มีนักกลยุทธ ท่านรู้เรื่องนั้น, ก็เลยเรียกข้ามาที่นี่, ถูกต้องไหมคะ?”
โซเนียไม่ได้หลบเลี่ยงสายตาที่คมกริบของกอร์ดอนเลย
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกอร์ดอนก็คือเอริคและถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะเอริคได้, เขาก็จะหมดโอกาสขึ้นบัลลังก์
อย่างไรก็ตาม, ผู้ติดตามของเอริคมีผู้มีพรสวรรค์มากมาย, ทำให้ขุมอำนาจของเขาใหญ่ที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใด, ขุมอำนาจของเอริคนั้นจัดการความขัดแย้งทางการเมืองได้ดีกว่าของกอร์ดอนที่มีฐานสนับสนุนเป็นกองทัพ
นี่คือสาเหตุที่กอร์ดอนเรียกตัวโซเนียให้มารับมือกับสถานการณ์
“เหอะ….ช่างมันเถอะ ตอนนี้, ขอข้าดูผลลัพธ์ของเจ้าหน่อย”
กอร์ดอนกระตุ้นให้โซเนียส่งจดหมายให้กับเขา
โซเนียเอาจดหมายออกมาจากกระเป๋าของเธอแต่เธอไม่ได้ส่งมันให้กอร์ดอนในทันที
โซเนียจ้องกอร์ดอนแล้วเก็บจดหมายให้พ้นจากเขา
“ข้าสามารถเผาสิ่งนี้ได้ถ้าข้าต้องการ”
“…..เจ้าไม่สนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวประกันแล้วรึไง?”
โซเนียค่อยๆหันหน้าหนีให้กับคำพูดของกอร์ดอน
ถ้าเธอไม่ห่วงพวกเขาเธอก็คงจะไม่เอาจดหมายติดตัวมาด้วยหรอกแต่ถึงแม้ว่าเธอจะเอาจดหมายมาให้เขา, มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ
“ข้าแค่อยากฟังจากท่านก่อน”
“หืม? ไหนว่ามาซิ”
“…..องค์ชายจะไม่ยอมส่งจดหมายให้องค์ชายลีโอนาร์ดในทันทีเพื่อยื้อเวลาให้ทางใต้เตรียมตัวก่อกบฏถูกไหมคะ?”
“แน่นอนสิ”
โซเนียขมวดคิ้วให้กับคำตอบที่ชัดเจนของกอร์ดอน
มันเป็นไปตามที่เธอคาดเอาไว้
เธอคิดว่าถ้าเป็นกอร์ดอนเขาจะต้องทำแบบนี้แน่ๆ
นี่คือสาเหตุที่เธอต้องเปลี่ยนใจเขาให้ได้
“การทำแบบนี้จะมีความเสี่ยงพ่วงมาด้วยสองข้อค่ะ หนึ่งก็คือองค์ชายลีโอนาร์ดอาจจะไปร้องเรียนกับองค์จักรพรรดิ แต่เดิมนั้นการสืบสวนทางใต้เป็นความรับผิดชอบของเขาดังนั้นการที่ท่านขัดขวางด้วยการชิงจดหมายนี้จึงถือเป็นอุปสรรคในการทำงานของเขาค่ะ”
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ตอนนี้, พวกเราอยู่ในระหว่างสงครามผู้สืบทอด ถ้าเจ้านั่นซมซานไปหาท่านพ่อแค่เพราะถูกฝ่ายอื่นแย่งจดหมายท่านพ่อก็จะไม่มีวันยอมให้ลีโอนาร์ดได้เป็นมงกุฎราชกุมาร ถึงยังไงบัลลังก์มันก็ไม่มีพื้นที่ให้คนอ่อนแอหรอกนะ”
ถ้าฟ้องพ่อทุกครั้งที่มีปัญหา, แล้วจะทำยังไงถ้าไม่มีพ่ออยู่หล่ะ?
โซเนียเข้าใจเหตุผลของเขา แน่นอนว่าสิ่งที่สมควรทำคือนำเรื่องนี้ไปรายงานจักรพรรดิแต่ว่ามันก็ถือเป็นการสูญเสียอย่างหนักสำหรับเขาเหมือนกัน
ต่อให้ลีโอต้องการทำ, ทุกคนที่อยู่รอบตัวก็จะหยุดเขา
“ในส่วนของข้อที่สอง, การทำแบบนี้เป็นอันตรายกับจักรวรรดิมากเกินไปค่ะ สุดท้ายแล้วเรื่องพวกนี้ก็จะทำให้จักรพรรดิไม่ไว้ใจท่าน, องค์ชาย ข้าคิดว่าการก่อกบฏทางใต้ควรตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลมค่ะ”
“สิ่งที่ข้าต้องการก็คือสงคราม ข้าจะให้เวลาพวกทางใต้และให้พวกนั้นเริ่มก่อกบฏเพื่อข้า ยิ่งความขัดแย้งใหญ่แค่ไหน, ข้าก็จะยิ่งสร้างผลงานทางการทหารได้มากเท่านั้น”
“ผลลัพธ์ของการทำเช่นนั้น, จะส่งผลให้จักรวรรดิอ่อนแอลงและพวกเราก็จะเปิดช่องว่างให้ประเทศอื่นรุกรานได้นะคะ”
“แบบนั้นข้าก็จะยิ่งมีโอกาสมากขึ้นไปอีก ยิ่งสงครามใหญ่ขึ้น, อำนาจของข้าก็จะยิ่งเติบโตขึ้น ถ้ามีคนคิดจะรุกรานพวกเราก็คงจะเป็นพวกเพเลอริน, ข้าก็แค่ไล่เตะพวกมันออกจากดินแดนของจักรวรรดิและบางทีข้าอาจจะสามารถใช้โอกาสนี้นำทัพไปบดขยี้เอริคได้ด้วย”
ในขณะที่พูดเช่นนี้, กอร์ดอนก็ยิ้มให้กับอนาคตในอุดมคติของเขา
โซเนียรู้สึกรังเกียจรอยยิ้มของเขา มันคือรอยยิ้มของคนที่ไม่เคยสนใจว่าจะต้องสูญเสียชีวิตไปมากแค่ไหนให้กับแผนการของเขา
แต่ว่า, โซเนียก็ยังคงพูดกับเขาต่อ
“อนาคตแบบนั้นคงจะไม่มาถึงหรอกค่ะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าองค์ชายเอริคจะพยายามขัดขวางวิธีการของท่าน สิ่งที่ท่านปราถนาไม่ควรจะเป็นสงครามแต่เป็นบัลลังก์ สงครามก็แค่เครื่องมือไปสู่บัลลังก์ ท่านต้องไม่สับสนระหว่างเครื่องมือกับผลลัพธ์ที่ท่านหวัง ถ้าองค์ชายอยากกลายเป็นจักรพรรดิ, ท่านก็ต้องมองตัวเลือกอื่นนอกจากสงครามด้วย”
“…..แล้วข้าควรจะทำยังไง?”
“ก่อนอื่น, ท่านต้องรีบคุยกับองค์ชายลีโอนาร์ดในทันทีและส่งจดหมายให้เขา ในตอนนั้น, ท่านต้องให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทำการแทรกแซงแผนการของท่าน ถ้าจดหมายไปถึงมือจักรพรรดิ, องค์หญิงซานดร้าก็จะสูญเสียฐานสนับสนุนทางใต้ไป และเมื่อไม่มีผู้สนับสนุนหลัก, พวกที่สนับสนุนองค์หญิงซานดร้าก็จะกระจายกันไปเข้าร่วมกับขุมอำนาจอื่น พวกเราสามารถดึงพวกเขาเข้ามาแล้วปิดช่องหว่างเรื่องบุคลากรระหว่างขุมอำนาจของท่านกับขององค์ชายเอริคได้ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น, ด้วยสัญญาก่อนหน้านี้, ต่อให้องค์ชายลีโอนาร์ดอยากแทรกแซง, เขาก็จะไม่สามารถทำได้ นี่คือเส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่จะพาองค์ชายไปหาบัลลังก์ค่ะ”
“แล้วถ้าลีโอนาร์ดผิดสัญญาหล่ะ?”
“พวกเราก็จะเริ่มกระจายข่าวลือว่าองค์ชายลีโอนาร์ดทรยศท่านแม้ว่าท่านจะช่วยเขาชิงจดหมายมาก็ตาม จุดแข็งขององค์ชายลีโอนาร์ดก็คือความจริงใจ ถ้าพวกเราสร้างภาพลักษณ์ในแง่ลบนี้ให้เขา, เขาก็จะสูญเสียสิ่งที่เขาสร้างมาจนถึงตอนนี้ค่ะ ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้พวกเราจะใช้ได้ถ้าส่งจดหมายให้เขาในทันที”
ถ้าหวังที่จะครองบัลลังก์, การเก็บจดหมายเอาไว้กับตัวและให้เวลาทางใต้ได้เตรียมตัวนั้นถือว่าเป็นความคิดที่โง่เง่า
ถ้ากอร์ดอนแค่อยากเริ่มสงครามมันก็อีกเรื่องนึง, แต่ในความเป็นจริงนั้น, เขาคือเจ้าชายที่กำลังต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ เป้าหมายสุดท้ายของเขาควรจะเป็นตำแหน่งจักรพรรดิ
โซเนียไม่อยากสนับสนุนให้กอร์ดอนกลายเป็นจักรพรรดิแต่เธอก็ต้องทำมันเพราะเขาใช้ครอบครัวเธอเป็นตัวประกัน
แต่ว่าสุดท้ายแล้ว, กอร์ดอนก็จะต้องคลายการสอดส่องและเธอก็จะสามารถหนีไปจากเขาได้
จนกว่าจะถึงตอนนั้น, เธอต้องกันกอร์ดอนไม่ให้เขาอาละวาดตามใจชอบด้วยการทำให้ขุมอำนาจของเขาใหญ่ขึ้น ในตอนที่ขุมอำนาจเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่กอร์ดอนไม่สามารถควบคุมด้วยตัวคนเดียวได้อีก, ถ้าเธอหายไปตอนช่วงนั้น, กอร์ดอนก็จะเหมือนทำลายตัวเองไปในที่สุด
ตำแหน่งจักรพรรดิควรเป็นของเอริคหรือไม่ก็ลีโอ นี่คือสิ่งที่โซเนียคิด
“…..ด้วยวิธีนี้, ข้าจะกลายเป็นจักรพรรดิได้หรอ?”
“ค่ะ, ถ้าท่านทำตามที่ข้าพูด”
“…..ก็ได้ ข้าจะส่งจดหมายให้ลีโอนาร์ดในทันที ในอนาคตเจ้าเองก็ใช้ทักษะของเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของข้าด้วยหล่ะ”
“ท่านสัญญาได้ใช่ไหมคะว่าจะใช้แผนการของข้า?”
“อา, ข้าสัญญา ข้าไม่ทรยศนักกลยุทธเก่งๆอย่างเจ้าหรอก”
พอพูดจบ, กอร์ดอนก็ยื่นมือออกมา
แล้วโซเนียก็ส่งจดหมายให้อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
กอร์ดอนส่งเสียงฮึดฮัดในขณะที่เขาเปิดจดหมายแล้วเริ่มอ่านเนื้อหาในนั้น
ฉันสามารถโน้มน้าวเขาได้
ด้วยความคิดนี้, โซเนียก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แต่นี่ก็คือสาเหตุที่เธอพลาดไป, ความบิดเบี้ยวที่กอร์ดอนแสดงออกมาทางสีหน้า
….
“นี่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่คะ!?”
เวลาได้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ในช่วงเวลากว่าสัปดาห์ที่ผ่านมานี้, กอร์ดอนไม่มีทีท่าว่าจะติดต่อกับขุมอำนาจของลีโอเลย เขาไม่พยายามเข้าพบโซเนียในระหว่างนั้นด้วยซ้ำ
และในท้ายที่สุดนั้นโซเนียก็ได้พบกับกอร์ดอนจนได้แต่เธอก็รู้สึกผิดหวังกับท่าทีที่ชัดเจนของเขา
“ข้าก็อธิบายไปแล้วนี่คะ! ถ้าองค์ชายต้องการบัลลังก์, ท่านก็ต้องส่งจดหมายให้กับองค์ชายลีโอนาร์ดในทันที!”
“อา, ข้าฟังอยู่ แต่ข้อเสนอของเจ้าถูกปัดตกไปแล้ว”
กอร์ดอนพูดออกมาเช่นนี้แล้วทำลายสัญญาทิ้งไปง่ายๆ
ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อของเธอ, โซเนียก็จ้องกอร์ดอนตาเขม็ง
ความจริงที่ว่าเขาจะทำลายสัญญานั้นเข้าใจได้อยู่ ถึงยังไงเขาก็เป็นคนที่ใช้วิธีการจับตัวประกัน การทำลายสัญญาเรื่องสองเรื่องไม่ได้มีความหมายกับเขาหรอก
อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่โซเนียบอกเขาไม่ใช่เรื่องโกหก ถ้ากอร์ดอนอยากได้บัลลังก์, การเดิมพันที่ดีที่สุดก็คงเป็นการทำตามแผนการของเธอซึ่งการที่ไม่ยอมใช้มันนั้นก็หมายความว่าเป้าหมายสุดท้ายของเขาไม่ใช่บัลลังก์
“ท่านไม่อยากได้บัลลังก์หรอคะ!?”
“อยากสิ แต่ข้าไม่อยากได้มันโดยไม่มีสงครามอะไรเลย ข้าอยากกระตุ้นให้การก่อกบฏทางใต้เติบโตและนำทัพไปกำราบพวกนั้น จากนั้นข้าก็จะควบคุมกองทัพกลางและขับไล่เอริคออกไป นี่คือรูปแบบการพัฒนาที่ข้าต้องการ”
“แบบนั้น…..จักรวรรดิอาจจะถูกประเทศอื่นรุกรานก็ได้นะคะ ท่านไม่เข้าใจหรอว่ามันอันตรายแค่ไหน!?”
“ข้าเข้าใจดี ทหารชายแดนน่าจะสามารถยื้อพวกมันเอาไว้ได้พักนึง ในระหว่างนั้น, ข้าจะขึ้นเป็นมงกุฎราชกุมารและทำการตอบโต้กลับ ไม่มีความจำเป็นต้องไปหวาดกลัวประเทศอื่น จักรวรรดิเป็นประเทศที่แข็งแกร่งและเมื่ออยู่ใต้การปกครองของข้า, มันก็จะเกิดใหม่เป็นเจ้ามหาอำนาจ”
ในขณะที่พูดนั้น, กอร์ดอนก็สะบัดมือเบาๆ
จากนั้น, โซเนียก็ถูกการ์ดสองคนจับตัวเอาไว้
“อะไรกัน!? ถ้าไม่มีข้า, ท่านก็เอาชนะองค์ชายเอริคไม่ได้หรอก!?”
“ข้าไม่อยากเอาชนะเจ้านั่นด้วยความขัดแย้งทางการเมือง ข้าจะขยี้มันด้วยกองทัพของข้า ข้าต้องขอบคุณเจ้านะที่จัดเวทีที่สมบูรณ์แบบนี้ให้ ข้าจะเรียกตัวเจ้าอีกครั้งในตอนที่ข้ามีธุระกับเจ้า จนกว่าจะถึงตอนนี้ก็ไปอยู่เงียบๆในห้องของเจ้าซะเถอะ และอย่าคิดทำอะไรแปลกๆหล่ะ ชีวิตของตัวประกันยังอยู่ในมือของข้า”
ด้วยคำขู่เช่นนี้จากกอร์ดอน, โซเนียก็ถูกพาตัวออกไปจากห้อง
เธอถูกการ์ดสองคนลากออกไป, ในขณะนั้นโซเนียก็จ้องมองกอร์ดอนอย่างไม่เชื่อสายตา
มันเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด
เข้าร่วมสงครามผู้สืบทอดพร้อมกับมุ่งหวังที่จะเริ่มสงครามจริงๆ
โซเนียเข้าใจเขาผิด กอร์ดอนอยากได้บัลลังก์จริงๆแต่สิ่งที่เขาต้องการยิ่งกว่าก็คือสงคราม เขาคือจอมกระหายสงครามโดยแท้จริง
สำหรับกอร์ดอน, สงครามไม่ใช่เครื่องมือแต่เป็นจุดจบ บัลลังก์ก็มีไว้แค่อำนวยความสะดวกให้สิ่งนั้น
โซเนียที่ในที่สุดก็รู้สึกตัวได้ถูกลากไปแล้ว, แต่ก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี…