การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 112
กอร์ดอนได้ออกจากเมืองหลวงจักรวรรดิแล้วเรียกรวมกองทัพทางฝั่งใต้ของเมืองหลวงรอเอาไว้
จำนวนทั้งหมดคือ 30,000 นาย
ถ้าทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบลื่น, จำนวนก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า
“องค์ชายกอร์ดอน! พวกเราจะเอาแต่รอโดยไม่ทำอะไรเลยหรอครับ!?”
ที่เต้นท์ของกอร์ดอนซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการ, ชายวัยกลางคืนไว้หนวดได้เรียกร้องกับเขา
ร่างกายของเขานั้นกำยำแต่ที่ส่วนท้องของเขายังมีพุงยื่นออกมาด้วย ชื่อของชายคนนี้ซึ่งมีร่างกายป้อมๆทำให้คนชอบนำไปเปรียบกับถังเหล้าก็คืออดัม กูลเวอร์
เขาเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ประจำการอยู่ในเมืองหลวงจักรวรรดิซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้มีอำนาจสั่งการลำดับสองในปฏิบัติการนี้ แล้วเขาก็เป็นผู้สนับสนุนตัวยงของกอร์ดอนด้วย
“ฝ่าบาทสั่งให้พวกเราเรียกรวมพลแต่ยังไม่อนุญาตให้เดินทัพ”
“แต่ว่า!”
กูลเวอร์เร่งเร้ากอร์ดอน
มันคือขุมอำนาจของกอร์ดอนที่จงใจชะลอสถานการณ์ให้กลายเป็นสงครามกลางเมืองขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม, แผนการทั้งหมดของพวกเขากำลังจะสูญเปล่าเพราะลีโอ
พอรู้แบบนี้, กอร์ดอนก็อยู่ไม่สุขถ้าให้ต้องรอฟังรายงานจากลีโอเพียงอย่างเดียว
“เอาเถอะหน่า, ใจเย็นหน่อย, กูลเวอร์ จนกว่ากองทัพจะเรียบร้อยดีข้าจะคอยอยู่ที่นี่เอง แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น, ข้าอยากให้เจ้า ออกไปทำภารกิจสอดแนม”
“พวกเราไม่จำเป็นต้องทำการสอดแนมอะไรแล้วนะครับ, องค์ชาย! ศัตรูของพวกเราก็คือพวกม็อบที่ไม่เชื่อฟังนั่น! ถ้าพวกเราออกโจมตีพวกนั้น, พวกเราก็จะสามารถสร้างช่องโหว่วที่แนวหน้าของพวกนั้นแล้วรุดหน้าเข้าไปในแดนของศัตรูได้โดยไม่ทันให้ตั้งตัว”
นี่ไม่ใช่แค่ความเห็นจากกูลเวอร์คนเดียว มันคือมติเอกฉันท์จากเจ้าหน้าที่กองทัพทั้งหลายของกอร์ดอน
เมืองทางใต้โดยเฉพาะพวกที่อยู่แนวหน้านั้นมีขวัญกำลังใจต่ำและไม่ได้มีกำลังมากนักมาตั้งแต่แรกแล้ว มันคงเป็นงานที่น่าเจ็บใจสำหรับกูลเวอร์ที่ต้องเป็นหัวหน้าภารกิจสอดแนมแม้ว่าเมืองต่างๆที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะยอมจำนนกับพวกเขาในทันทีด้วยการโจมตีง่ายๆก็ตาม
อย่างไรก็ตาม,
“อย่าพูดแบบนั้นสิ กูลเวอร์, ข้าจะให้คนไป 10,000 คน ภารกิจของเจ้าคือการสอดแนมเมืองเกลเลสที่เป็นแนวหน้าของพวกมัน”
คำสั่งของเขานั้นเหนือความคาดหมาย
มันไม่เคยมีครั้งไหนที่แม่ทัพจะส่งทหารไปถึงหนึ่งส่วนสามของกองทัพในภารกิจสอดแนม
เป็นเวลาพักนึงที่กูลเวอร์รู้สึกสงสัยกับคำสั่งที่เขาได้รับแต่ไม่นานนักเขาก็ตระหนักได้ว่ากอร์ดอนกำลังเผยรอยยิ้มอยู่บนหน้าของเขา
“องค์ชายมีแผนอยู่สินะครับ!?”
กูลเวอร์ถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
กอร์ดอนแค่พยักหน้าตอบเขาโดยไม่พูดอะไร
สำหรับการตอบสนองเช่นนี้ของกอร์ดอน, กูลเวอร์ได้ขานรับซ้ำไปซ้ำมา
“เข้าใจแล้วครับ! ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าจะนำทหาร 10,000 นายออกไปทำภารกิจสอดแนม!”
“ฝากด้วยหล่ะ แล้วข้าจะส่งสองคนนี้ไปเป็นผู้ช่วยของเจ้าด้วย”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น, กอร์ดอนก็เรียกคนสองคนเข้ามาในเต้นท์
หนึ่งในนั้นก็คือโซเนีย, นักกลยุทธของกอร์ดอน
ส่วนอีกคนนึงเป็นทหารตัวสูงผมสีเทา พอเห็นเขา, กูลเวอร์ก็แสยะยิ้มออกมา
“นี่พันเอกเลทส์ไม่ใช่หรอ ได้เจ้ามาช่วยเหลือแบบนี้รู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะเลย”
“เป็นเกียรติที่ได้รับใช้ครับ, แม่ทัพกูลเวอร์”
เลทส์ทำความเคารพอย่างไร้อารมณ์
เลทส์เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของกอร์ดอนและเป็นผู้บัญชาการกองทหารม้าของเขา
ด้วยความสามารถของเขาที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว, เขาเป็นหนึ่งในคนสนิทของกอร์ดอนแม้ว่าจะมียศแค่พันเอกก็ตาม
จากมุมมองของกูลเวอร์เขาเป็นคนที่ค่อนข้างมีอารมณ์ฉุนเฉียว, แต่มันก็ค่อนข้างรู้สึกใจชื้นที่เขาได้เลทส์มาเป็นผู้ช่วย
เมื่อเห็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างทั้งสอง, โซเนียก็มองตรงไปที่กอร์ดอน
“ส่งทหารตั้งหมื่นนายออกทำภารกิจสอดแนมแบบนี้คนอื่นจะว่ายังไงข้าไม่รู้ด้วยนะคะ”
“มันก็แค่การสอดแนม มันไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดต้องระวังตัวหรอก”
“….สำหรับสิ่งที่ท่านคิดจะทำนั้นข้าแนะนำให้หยุดซะจะดีกว่า นี่เป็นคำแนะนำของข้าในฐานะนักกลยุทธค่ะ ฝ่าบาทได้เห็นด้วยกับแผนการขององค์ชายลีโอนาร์ดแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะมีบทลงโทษแบบไหนสำหรับคนที่คิดจะขัดขวางนะคะ, เข้าใจใช่ไหม?”
“เหมือนที่ข้าพึ่งพูดไป, นี่มันก็แค่การสอดแนม”
กอร์ดอนตอบปัดคำแนะนำของโซเนียโดยไม่แยแส
โซเนียเข้าใจดีว่าเขาจะไม่ยอมฟังเธอแต่เธอก็อดพูดออกมาไม่ได้
แม้ว่าเขาจะเริ่มสงครามได้สำเร็จ, แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรได้รับคำสรรเสริญเลย
โซเนียมองออกว่ากอร์ดอนกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่การทำลายตัวเอง ถ้าสิ่งที่เขาจะทำลายนั้นมีแค่ตัวเองก็คงไม่มีปัญหาแต่การทำลายตัวเองของเขานั้นจะแพร่กระจายความเสียหายเป็นวงกว้าง
โซเนียอยากจะหยุดเขาแต่เธอไม่มีอำนาจพอที่จะทำแบบนั้น
“เจ้าจะต้องไปช่วยกูลเวอร์ นี่ก็เพื่อพ่อเจ้าและตัวเจ้าเอง”
“….ท่านบ้าไปแล้วสินะคะ”
“น่าเสียดายนะ, แต่ข้าเนี่ยแหล่ะบ้าขนานแท้”
ในตอนที่พูดจบ, กอร์ดอนก็ให้โซเนียกับกูลเวอร์ออกไป
มีแค่เลทส์ที่ยังอยู่กับเขาในเต้นท์
จากนั้นก็ดอนก็ถามคำถามเลทส์ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการใช่ไหม?”
“ครับ, องค์ชาย! ข้าได้จัดการทุกอย่างตามคำแนะนำของท่านแล้วครับ!”
เลทส์ทำความเคารพแล้วตอบกลับ
กอร์ดอนพยักหน้าอย่างพึงพอใจให้กับผลงานของลูกน้องที่เขาไว้ใจ
จากนั้นเขาก็มองไปทางใต้แล้วแสยะยิ้ม
“เท่านี้ลีโอนาร์ดก็จบสิ้นแล้ว”
“แต่ถ้าแผนการนี้สำเร็จ, แผนการต่อไปมันก็จะหมดความหมายไม่ใช่หรอครับ?”
“มันยังพอมีทางอยู่ ครั้งนี้ฝั่งนั้นมีบ้านผู้กล้าหาญมาเกี่ยวข้องด้วยนั่นแหล่ะนะ ถึงพวกเราจะไม่สามารถถ่ายทอดแผนให้กับดยุคครูเกอร์ได้, แต่พวกเราก็ยังพอทำการคุ้มกัน, และดำเนินแผนต่อไปได้อยู่”
“รับทราบครับ ข้าจะทุ่มสุดตัวเพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของท่านครับ”
“อา พอเกลเลสล่ม, เจ้าก็แค่รุดหน้าเข้าไปเรื่อยๆ ทะลวงไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเดี๋ยวข้าจะตามหลังเจ้าไปเอง”
“ครับท่าน! ข้าจะกรุยทางให้ท่านเองครับ!”
เลทส์ประกาศออกมาอย่างมั่นใจ
เมื่อเห็นความมั่นใจเช่นนี้, กอร์ดอนก็ยิ้มออกมา
ผู้บัญชาการส่วนใหญ่ที่มารวมตัวกันที่นี่นั้นเป็นคนจากขุมอำนาจของกอร์ดอน
ไม่ว่าคำสั่งจะเป็นยังไง, พวกเขาก็จะทำตามกอร์ดอน
“สงครามจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและทางใต้ก็จะถูกบดขยี้….และต่อไปก็จะเป็นตาของเมืองหลวงจักรวรรดิ”
“มันใกล้จะถึงเวลาแล้วสินะครับ”
“อา, นี่คือจุดจบของการแย่งชิงอำนาจที่ทั้งน่าสมเพชและน่ารำคาญนี้ ข้าจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ…..ทั้งทวีปจะเป็นปึกแผ่น หลังจากที่ข้าพิชิตทวีปได้, ต่อไปพวกเราก็จะข้ามมหาสมุทร ทุกอย่างในโลกนี้จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้ชื่อของจักรวรรดิ”
“ให้ข้าติดตามไปด้วยนะครับ, องค์ชาย!”
กอร์ดอนกับเลทส์กำลังวาดฝันอนาคตในอุดมคติของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม, อนาคตที่ทั้งสองคนวาดเอาไว้นั้นเริ่มเข้าขั้นบ้าไปแล้ว
…
ทางด้านหน่วยลอบเร้นที่กอร์ดอนเรียกมาที่เมืองหลวง
เนื่องจากพวกเขาเป็นหน่วยที่ไม่เป็นทางการซึ่งคนที่รู้ตัวตนของพวกเขามีอยู่เพียงหยิบมือ, จำนวนของพวกเขาจึงมีน้อย แต่ถึงอย่างนั้น, ความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนก็ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดในกองทัพจักรวรรดิ
ทหารฝีมือดีได้ถูกจัดมารวมกันและเข้ารับการฝึกที่หนักหน่วง
ที่พวกเขาร่วมมือกับกอร์ดอนก็เพราะพวกเขาอยากได้จักรพรรดิที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพเพื่อที่พวกเขาจะได้แสดงความสามารถของตัวเองให้เฉิดฉายยิ่งกว่านี้
อย่างไรก็ตาม, หน่วยที่ว่านี้กำลังจนตรอกอยู่ทางใต้
“บ้าชะมัด! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!?”
ผู้บัญชาการหน่วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกเขา
กอร์ดอนได้ส่งหน่วยนี้ลงใต้เพื่อที่จะส่งข้อมูลให้ดยุคครูเกอร์
ซึ่งข้อมูลที่ว่านั้นก็แน่นอนว่ามันคือกลยุทธของลีโอ
สมาชิกหน่วย 100 นายกำลังเคลื่อนไหวเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม, หน่วยนี้ไม่ได้ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันอีกต่อไปแล้ว
“ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่ามีไอ้หมอกเวรนี่ด้วย!?”
ต้นเหตุที่รบกวนพวกเขาก็คือหมอกที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาปกคลุมพื้นที่
หมอกนี้ทำให้พวกเขาแยกแยะคนที่อยู่ใกล้ตัวไม่ได้และเริ่มกระจัดกระจายกันไปคนละที่
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นหน่วยระดับสูง, แต่พวกเขาก็ต้องมองหาเบาะแสที่เล็กที่สุดในบริเวณรอบๆเพื่อเดินต่อไปข้างหน้า
“หมอกนี้มันไม่ใช่หมอกตามธรรมชาติแน่ๆ……”
เมื่อเห็นแบบนี้, พันตรีก็ลบตัวตนของเขาแล้วเดินหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง
ถ้ามันไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติความเป็นไปได้แรกก็คือฝีมือของมอนส์เตอร์
มอนส์เตอร์ที่ปล่อยหมอกออกมาแล้วทำการล่าเหยื่อที่อยู่ข้างใน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องของมอนส์เตอร์แบบนั้นมาก่อนแต่เขาก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะมีตัวแบบนั้นอยู่ออกไปได้
พันตรีเดินหน้าต่อไปอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่ส่งเสียงเลย
ไม่ว่าหมอกจะหนาแค่ไหน, มันก็ไม่ได้มีปัญหาถึงขนาดที่หน่วยลอบเร้นจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ พวกที่กระจัดกระจายไปเพราะหมอกเองก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาแม้ว่าจะช้าลงก็ตาม
หลังจากตัดสินใจได้เช่นนี้, พันตรีก็เดินหน้าต่อไป
การตัดสินใจของเขานั้นมีทั้งถูกและผิด
ถ้ามันเป็นหมอกธรรมดา, ก็ไม่มีความจำเป็นต้องลังเลในขณะที่มุ่งหน้าต่อไปอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม, หมอกที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่หมอกธรรมดา
“เจอหมอกลวงตาเข้าไปเป็นยังไงบ้างหล่ะ? พันตรี?”
ที่ลอยอยู่บนฟ้าก็คือนักเวทย์ที่สวมหน้ากากเงินและเสื้อคลุมสีดำ, ซิลเวอร์
ตอนนี้สายตาของเขากำลังจ้องมาที่พันตรีและคนของเขาที่กำลังเดินเข้าไปในภูเขาราวกับว่ากำลังเดินละเมอ
พวกเขาโดนหมอกลวงตาที่ว่านี้ปิดสัมผัสด้านการรับรู้ทิศทาง
ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกมาหนักแค่ไหน, พวกเขาก็ไม่สามารถไปไหนได้ถ้าการรับรู้ถูกปิดกั้น
เสียงกรีดร้องดังมาจากทั่วทุกที่
พวกเขากำลังถูกพวกมอนส์เตอร์โจมตี, แล้วกำลังหนีออกจากหน้าภา
สมาชิกทุกคนของหน่วยลอบเล้นได้มาติดกับเข้าที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบ
“น่าเสียดายจังนะกอร์ดอน ดูเหมือนว่าหน่วยลับของเจ้าจะถูกกำจัดลงที่นี่แล้วหล่ะ”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ซิลเวอร์ก็หายไปจากพื้นที่
หน่วยลอบเล้นติดอยู่ในหมอกลวงตามาหลายวันแล้ว หลังจากนี้, ในตอนที่พวกเขาเริ่มฟื้นสัมผัสกลับคืนมา, พวกเขาก็คงไปถึงตัวดยุคครูเกอร์ไม่ทันเวลาแล้ว
ถึงยังไง, ไม่ว่าพวกเขาจะรวดเร็วแค่ไหน, ตอนนั้นลีโอกับคนอื่นๆก็คงไปถึงปราสาทของดยุคครูเกอร์แล้ว
พวกเขาไม่สามารถไล่ตามทันได้เนื่องจากเสียเวลาไปหลายวัน
และด้วยประการฉะนี้เอง, ซิลเวอร์จึงทำลายแผนการแรกของกอร์ดอนได้โดยแทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย