การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 117
ในช่วงที่อัลกำลังรับบทเป็นเกราว์ในการปกป้องเกลเลส
ลีโอกับคนอื่นๆได้มาถึงวุมเม่, เมืองของดยุคครูเกอร์เร็วกว่าที่กอร์ดอนคาดการเอาไว้
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณเมืองทางใต้ที่ยอมให้พวกเขาผ่านมาจนถึงตอนนี้
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะยอมปล่อยให้พวกเราผ่านมาได้ง่ายขนาดนี้”
ลีโอที่คิดเอาไว้ว่าน่าจะได้เจออุปสรรคบ้างพึมพำในขณะที่เขาเดินผ่านประตูเมืองวุมเม่
ในขณะที่กำลังสังเกตดูพื้นที่รอบๆ, เซบาสที่อยู่ที่นั่นกับลีโอก็ตอบกลับ
“นี่ต้องเป็นเพราะว่ามีแค่ไม่กี่คนที่อยู่ฝั่งของดยุคครูเกอร์จากใจจริงครับ ท่าทีของผู้คนที่ข้าได้เจอมาจนถึงตอนนี้ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเลย ดังนั้นการก่อกบฎในครั้งนี้จึงไม่ใช้ความคิดเอกฉันท์ของผู้คนทางใต้ทุกคนอย่างแน่นอน
“ถ้างั้นการที่พวกเรามาที่นี่ก็มีความหมายจริงๆสินะ”
“แค่มาถึงอย่างเดียวยังไม่มีความหมายอะไรหรอกครับ, องค์ชาย”
ลาสพูดเช่นนั้นหลังจากที่เขาขี่ม้ามาอยู่ถัดจากลีโอ
ทหารระดับสูงของนาร์เบริทเทอร์กำลังคุ้มกันรถม้าของฟีเน่อยู่แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาต้องอยู่กับเธอตลอดเวลา
“เราต้องทำอะไรซักอย่างกับดยุคครูเกอร์ครับ”
“แน่นอน, ข้ารู้เรื่องนั้นดี ท่านพันเอก”
“ถ้างั้นขาขอยืนยันแผนการอีกรอบนะครับ เมื่อพวกเราไปถึงปราสาทของเขาแล้ว, ดยุคครูเกอร์น่าจะออกมาต้อนรับพวกเรา ซึ่งนี่เป็นโอกาสของพวกเรา ถ้าพวกเราปล่อยผ่านไป, เขาจะมีโอกาสเรียกการ์ดของเขาอย่างแน่นอน”
“แต่ถ้าพวกเราฉวยโอกาสนั้น, คุณฟีเน่จะตกอยู่ในอันตรายนะ”
“วางใจได้ครับ ท่านลินเฟียกับข้าจะอยู่ที่นั่นเพื่อคุ้มครองเธอเอง ยิ่งไปกว่านั้น, ถ้าจนมุมเข้าจริงๆ, พวกเราก็ยังมีแผนการลับนั่นอยู่ด้วย”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น, เซบาสก็มองไปทางลีโอ
และสำหรับลีโอที่ดูเหมือนอยากจะถามว่ามันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรอ, เซบาสก็ได้พยักหน้ายืนยันกับเขาอย่างเงียบๆ
แม้ว่านาร์เบ ริทเทอร์จะเป็นผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งแค่ไหน, แต่มันก็จะสร้างความระแวงเอาได้ถ้าฟีเน่มีคนคุ้มกันอยู่กับเธอเยอะเกินไปในตอนที่ทำการเจรจาโดยตรงกับดยุคในฐานะผู้ส่งสาร
นี่คือสาเหตุที่ตำแหน่งผู้คุ้มกันของฟีเน่ถูกฝากฝังให้กับคนที่สามารถอยู่ข้างเธอได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับเซบาสที่ติดตามมาด้วยในฐานะพ่อบ้านของเธอ
“……โอเค, ท่านพันเอก ข้าขอฝากเรื่องจังหวะเวลากับท่านนะ”
“เข้าใจแล้วครับ แล้วก็ช่วยอยู่ห่างออกมาจากดยุคซักหน่อยนะครับ, องค์ชาย”
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องของข้าหรอก ข้าดูแลตัวเองได้”
“…..ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน, พวกเราคงกลับไปสู้หน้าองค์ชายอาร์โนลด์ไม่ได้หรอกครับ, องค์ชาย”
“ท่านพันเอก ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้คนอื่นมาคอยปกป้อง ข้ามาที่นี่เพื่อจับตัวดยุคครูเกอร์ ถ้าพวกเราล้มเหลว, มันจะเป็นข้าต่างหากหล่ะที่กลับไปสู้หน้าท่านพี่ไม่ได้”
พอเห็นลีโอจ้องตรงมาที่เขา, สายตาของลาสก็ดูตกตะลึงเล็กน้อยแล้วเขาก็ก้มศรีษะเพื่อแสดงความขอโทษ
“โปรดอภัยให้ข้าด้วย, องค์ชาย ดูเหมือนว่าความเป็นห่วงของข้ามันจะไม่จำเป็นสินะครับ”
“พันเอกลาส สิ่งที่องค์ชายพูดเป็นความจริงครับ ไม่เหมือนกับท่านอาร์โนลด์, ท่านลีโอนาร์ดไม่เคยขาดการฝึกฝนเลย”
“แสดงว่าองค์ชายสามารถต่อสู้ด้วยเองได้ใช่ไหม? เซบาส?”
“ครับ, แถมฝีมือน่าจะไม่ค่อยต่างจากพวกเราด้วย การที่ฝาแฝดมีความสามารถทางร่างกายต่างกันขนาดนี้ถือว่าหายากจริงๆ แต่ก็เป็นเพราะอีกคนไม่ขยันฝึกนั่นแหล่ะครับ มันทำให้ข้าค่อนข้างเป็นห่วงเลยหล่ะในตอนที่เขาบ่นเจ็บกล้ามเนื้อกับแค่เพราะถือดาบ”
“ถ้าท่านพี่ค่อยๆฝึกก็คงจะไม่มีปัญหาหรอกแต่เขามักจะชอบเหวี่ยงดาบเต็มแรงทุกครั้ง จริงๆเลยนะ, ท่านพี่เนี่ย”
“เขาคงพยายามทำให้มันออกมาดูดีหล่ะมั้งครับ”
“ข้าเห็นด้วย เขาคงพยายามให้มันดูดีนั่นแหล่ะ และอันที่จริงนี่คงเป็นสาเหตุที่เขาแทงมือซ้ายด้วย ถึงยังไงเขาก็มักจะพยายามทำตัวให้ดูเท่ในแบบของตัวเองอยู่ตลอด”
เมื่อได้ฟังความประทับใจเช่นนี้จากลีโอ, รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของลาส
ลีโอไม่เคยเพลิดเพลินกับการเข้าร่วมสงครามผู้สืบทอดเลยแต่มีหลายๆสิ่งที่ทำให้เขาดีใจที่ได้เข้าร่วมกับมัน
หนึ่งในนั้นก็คือความจริงที่ว่าผู้คนเริ่มชื่นชมอัล
จอมขี้เกียจอย่างอัลที่พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้, เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้นหลังจากเข้าร่วมสงครามผู้สืบทอด การได้เห็นเขาตระเวนไปทั่วแบบนี้, ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักได้ว่าเจ้าชายไร้ค่านั้นจริงๆแล้วมันเป็นแค่เปลือกนอก
มันคือการพัฒนาที่น่าดีใจสำหรับลีโอ
“ท่านดูมีความสุขกับมันมากเลยไม่ใช่หรอครับ?”
“มีสิ ข้าดีใจที่ในที่สุดท่านพี่ก็ได้รับคำชม แล้วก็….ข้าดีใจที่ข้าได้ทำอะไรบางอย่างด้วยกันกับเขา เขาเป็นคนจัดเวทีนี้ให้ข้า เวทีที่ดีที่สุดที่ข้าจะหาได้ ในตอนที่ข้าบอกเขาว่าข้าอยากให้ยอดการสูญเสียน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้, เขาก็ยอมทำตามความเห็นแก่ตัวของข้าและฝืนเตรียมทุกอย่างเพื่อข้า ข้ามีความสุขที่ตอนนี้ได้มายืนอยู่บนเวทีที่เขาจัดเอาไว้ มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ลีโอก็เร่งให้มาไปข้างหน้า
เบื้องหน้าเขาคือประตูหลักของปราสาทดยุคครูเกอร์
“ข้าเจ้าชายลำดับแปดแห่งจักรวรรดิ, ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์! ข้ามีหน้าที่คุ้มกันขบวนผู้ส่งสารของจักรพรรดิ! จงเปิดประตูซะ!”
ในการตอบรับคำพูดของลีโอ, ประตูหลักได้เปิดออกอย่างช้าๆ
ลีโอขี่ม้านำเข้าไปข้างใน การเข้ามาในที่แห่งนี้คือการเตรียมการส่วนสุดท้าย
ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่าเขาจะไม่สามารถออกไปได้จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ, ลีโอก็เข้ามาในปราสาท
หลังจากที่ลีโอกับคนอื่นๆลงจากม้า, พวกเขาก็ถูกพวกอัศวินนำทางไป
ตอนนี้, พวกเขากำลังอยู่ใต้ระเบียงของปราสาท
“ที่นี่คือ?”
“อ้าวนั่นมันองค์ชายลีโอนาร์ดไม่ใช่หรอ ไม่ได้เจอกันซักพักนึงแล้วนะครับ”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น, ลีโอก็เขม่นตาลงเล็กน้อย
ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าดยุคครูเกอร์ปรากฎตัวขึ้นบนระเบียง
การต้อนรับขบวนของจักรวรรดิแบบนี้มันน่าหยาบคายเกินไป
“ไม่ได้เจอกันซักพักแล้วนี่นะ ดยุคครูเกอร์ แล้วนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ, ก็แค่มาตรการความปลอดภัยเล็กๆน้อยๆ มันไม่ใช่ว่าข้าสงสัยท่านหรืออะไรหรอกนะแต่ช่วงนี้ชีวิตของข้าถูกหมายปองอยู่ ได้โปรดช่วยคอยอยู่ที่นั่นแล้วส่งขึ้นมาแค่ผู้ส่งสารของจักรวรรดิด้วยครับ”
นี่มันเหมือนกับการส่งกระต่ายเข้าไปในรังของสัตว์ร้ายเพียงลำพัง
ลีโอขมวดคิ้วให้กับคำขอของเขา
“ทำแบบนี้ไม่คิดว่าหยาบคายไปหน่อยหรอ ช่วยลงมาที่นี่แล้วรับจดหมายจากพวกเราด้วย เนื้อหาในจดหมายน่าจะได้รับการยืนยันจากอัศวินที่เจ้าส่งมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วนะ”
“น่าเสียดายนะครับ, ข้าจะยืนยันเนื้อหาของจดหมายนั่นก็ต่อเมื่อมันขึ้นมาอยู่บนนี้ ถ้าท่านรู้สึกว่ายอมรับข้อตกลงนี้ไม่ได้ก็เชิญกลับไปได้ตามสบายครับ”
“ถ้างั้นข้าขอตามผู้ส่งสารไปด้วย”
“ผู้ส่งสารจักรวรรดิต้องขึ้นมาคนเดียวครับ”
พอได้ฟังดยุค, ลีโอก็เลื่อนมือไปจับดาบโดยไม่รู้ตัว เหตุผลก็เพราะว่าดยุคทำตัวหยาบคายกับพวกเขามากเกินไป
อย่างไรก็ตาม, แผนการจะดำเนินต่อไม่ได้ถ้าดยุคไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาของจดหมาย ซึ่งนี่ก็เพื่อสร้างความถูกต้องให้กับกระทำของพวกเขาด้วยการปฏิเสธของดยุคครูเกอร์ ถ้าพวกเขาเปิดเผยกับดักตรงนี้, พวกเขาก็คงถูกมองไม่ต่างไปจากกลุ่มนักฆ่าที่ปลอมเป็นขบวนผู้ส่งสารของจักรวรรดิ
อย่างไรก็ตาม, ฟีเน่ยอมรับข้อเสนอของดยุค
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นข้าขอขึ้นไปแล้วนะคะ”
“คุณฟีเน่…..”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดยุคครูเกอร์คงไม่มีวันทำอันตรายกับผู้ส่งสารของจักรพรรดิหรอก, ใช่ไหมคะ?”
“แน่นอนครับ เจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน”
“แบบนั้นข้าก็สบายใจแล้วค่ะ ภารกิจของข้าคือการส่งจดหมายของจักรพรรดิให้กับดยุคครูเกอร์ ถ้านี่คือสิ่งที่ดยุคครูเกอร์ต้องการ, ข้าก็ยินดีค่ะ”
ในตอนที่พูดจบ, ฟีเน่ก็ส่งสัญญาณให้อัศวินนำทางเธอขึ้นไปด้วยการใช้สายตา
หลังจากได้รับการยินยอมจากพวกเราแล้ว, อัศวินก็เริ่มพาฟีเน่ขึ้นบันไดไป
“หืมม….นี่มันอะไรครับ?”
“เขาเป็นคุณตุ๊กตาที่ข้าชอบพาไปไหนมาไหนด้วยในช่วงนี้ค่ะ น่ารักใช่ไหมหล่ะคะ?”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ฟีเน่ก็เอาคุณหมีให้อัศวินดู
อัศวินตามความคิดของฟีเน่ไม่ทันแล้วพาเธอไปที่ระเบียงโดยไม่พูดอะไรอีก
“สวัสดีครับ คุณเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน พอได้มาเห็นใกล้ๆยิ่งทำให้ความงดงามของท่านดูเปร่งประกายขึ้นไปอีกนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ดยุคครูเกอร์ นี่เป็นจดหมายจากองค์จักรพรรดิค่ะ”
“ขออนุญาตนะครับ”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ครูเกอร์ก็เปิดจดหมายโดยมีอัศวินของเขาห้อมล้อมอยู่
เขาอ่านมันโดยที่หางคิ้วไม่กระตุกเลยด้วยซ้ำ
“เข้าใจหล่ะ นี่คือคำตอบของฝ่าบาทสินะครับ?”
“ค่ะ”
“ช่างเป็นคนที่โหดร้ายจริงๆ ไม่นึกเลยว่าเขาจะส่งท่านออกมาด้วยตัวเองแล้วประกาศสงครามกับข้า”
“น่าเสียดายนะคะ, นี่ไม่ใช่ประกาศสงครามหรอกค่ะ, ดยุคครูเกอร์ ภายใต้ชื่อขององค์จักรพรรดิ, ข้าขอสั่งท่าน จงคุกเข่าแล้วทิ้งอาวุธโดยทันที ถ้าท่านไม่ทำตาม…..ข้าจะเป็นคนออกคำสั่งลงโทษท่าน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ลงโทษข้าหรอ? อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ท่านจะไปทำอะไรได้? น่าเสียได้นะครับ, คำตอบคือใหม่ ท่านจะกลายเป็นตัวประกันของเราและจากนั้นพวกเราจะเริ่มใหม่อีกครั้ง”
“ท่านคิดจะท้าทายประกาศิตของฝ่าบาทหรอคะ?”
“ฝ่าบาท, ฝ่าบาทอยู่นั่นแหล่ะ, ต่อให้ท่านพูดถึงเขามันก็ไม่ส่งผลกระทบกับข้าหรอกรู้ไหม? แต่เดิมแล้วบ้านครูเกอร์ของข้าเป็นกษัตริยของประเทศตัวเองจนกระทั่งถูกจักรวรรดิยึดไป มันคือราชวงศ์จักรวรรดิต่างหากหล่ะที่บังคับช่วงชิงทุกสิ่งไปจากพวกเราและติดชื่อดยุคให้พวกเราแทน บ้านของข้าไม่เคยลืมความไม่พอใจและความเกลียดชังที่มีมาตั้งแต่ตอนนั้น ข้าไม่เคยคิดที่จะเคารพชายคนนั้นเลยซักครั้ง!”
“งั้นหรอคะ…..ความไม่พอใจที่สั่งสมมาอย่างยาวนานสินะคะ ข้าไม่รู้ว่าเรื่องพวกนั้นมันสั่งสมมามากแค่ไหนแล้วแต่ข้าบอกได้ว่าดินแดนนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของท่านมาก่อน ต่อให้มันถูกจักรวรรดิยึดไป, ประชาชนก็น่าจะยังอยู่ภายใต้ท่าน แต่, ท่านพาผู้คนไปเจอกับความเจ็บปวด ในตอนที่ท่านทำแบบนั้นท่านก็ไม่มีสิทธิเรียกตัวเองว่าเป็นราชาของพวกเขาแล้วค่ะ ไม่สิ….ท่านเรียกตัวเองว่าขุนนางไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“ข้าจะไม่เถียงกับท่านเกี่ยวกับหน้าที่ของราชวงศ์หรือขุนนางที่นี่หรอก ข้าจะบอกท่านอย่างนึงก็แล้วกัน มีแค่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้ปกครองผู้อื่น”
“ถ้างั้นเจ้าก็ไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นพระราชาอย่างแน่นอน พระราชาแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้เยอะนะ, พระราชาคือคนที่แบกรับลูกน้องของตัวเองเอาไว้บนบ่า”
ในตอนนั้นเอง, ตุ๊กตาในมือของฟีเน่ก็เริ่มขยับ
จู่ๆมันก็เอาหอกออกมาแล้วจัดการอัศวินที่อยู่รอบตัวฟีเน่
ตามที่คาดเอาไว้, ครูเกอร์ถึงกับไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
“เหวอ!?”
“เห้อ, ถ้าเจ้าพล่ามต่ออีกหน่อยข้าก็คงจะได้อิ่มเอมในสวรรค์นานขึ้นอีก…..มันเป็นความผิดของเจ้านะ, ดยุค แต่ก็ต้องขอบใจเจ้า, ข้าก็เลยได้สัมผัสความรู้สึกดีๆแบบนี้, ขอบใจนะ!”
ในตอนที่พูดจบ, ซีก, ตุ๊กตาหมี, ก็วิ่งเข้าใส่พวกอัศวิน
ครูเกอร์หนีไปพร้อมกับอัศวินที่คอยคุ้มกันเขาแต่ลีโอกับลูกน้องของเขาได้บุกเข้ามาในปราสาทจากด้านล่างแล้ว
“เจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก! ครูเกอร์!”
“หนอย! ฆ่าพวกมันให้หมด!”
พอได้ฟังคำสั่งของครูเกอร์, พวกอัศวินก็มายืนขวางลีโอ
อย่างไรก็ตาม, นาร์เบ ริทเทอร์ที่มีลาสเป็นผู้นำได้จัดการพวกเขาแล้วเปิดทางให้ลีโอ
“คุณฟีเน่!”
“ข้าไม่เป็นไรค่ะ! ลุยหน้าต่อไปได้เลย!”
“โอเคครับ! ระวังตัวด้วย, คุณฟีเน่!”
“ค่ะ! โชคดีนะคะ, ท่านลีโอ! คุณซีก, ช่วยตามไปสนับสนุนท่านลีโอเถอะค่ะ”
“ช่วยไม่ได้ เอาจริงๆข้าอยากคุ้มกันคนสวยมากกว่า แต่, จะให้ข้าปฏิเสธคำขอของคนสวยก็คงจะไม่ได้หล่ะนะ”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ซีกก็ไล่ตามลีโอไป
ในขณะนั้นเอง, ฟีเน่ก็ออกจากฉากไปด้วยกันกับนาร์เบ ริทเทอร์กลุ่มนึงและลินเฟีย
และด้วยประการฉะนี้, สงครามเล็กๆก็ได้เริ่มขึ้นในปราสาทวุมเม่