การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 31
ในช่วงที่อัลแสดงเป็นลีโออยู่นั้น
ลีโอเองก็พยายามทำตัวเป็นอัลอย่างเต็มที่
“องค์ชายอาร์โนลด์ครับ กัปตันเรือถามว่าที่พวกเราไม่ออกค้นหาเรือของเจ้าชายลีโอนาร์ดจะไม่เป็นไรจริงๆหรอครับ?”
“เรื่องนี้อีกแล้วหรอ นั่นลีโอนะหมอนั่นต้องหาทางจัดการได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว มุ่งหน้าต่อไปเถอะ แล้วข้าก็รู้สึกไม่ค่อยดีด้วยเพราะฉะนั้นอย่ามากวนข้าด้วยคำถามไร้สาระอีก มันน่ารำคาญ”
“คะ, ครับองค์ชาย…..ตามประสงค์ครับ”
ลีโอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในตอนที่อัศวินเดินออกจากห้องของเขา
แต่ว่า, ยังมีคนนึงที่อยู่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงแอบอ้างอันแสนเลวร้ายของเขา
“ห้าสิบคะแนน ถ้าเป็นอัลตัวจริง, เขาจะฝากทุกอย่างเอาไว้กับกัปตันเรือ”
“นี่มันยากมากเลยนะครับ…..”
ลีโอพึมพำแล้วหันไปหาเอลน่า
ไม่เหมือนกับเรือของอัลที่ถูกดึงไปติดกับพายุ, เรือของพวกเขาสามารถหนีออกมาได้ก่อนที่จะถูกมันลากเข้าไป
แต่ถึงอย่างนั้น, เอลน่าก็อยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างสุดขีดเพราะเรือสั่นตลอดเวลา กว่าเธอจะรู้สึกตัวว่าลีโอสลับตัวกับอัลมันก็เป็นตอนที่เรือสั่นน้อยลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม, หลังจากที่เธอจับได้, เธอก็ทำตัวเป็นที่ปรึกษาของลีโอ บาเรียที่อัลร่ายใส่เอาไว้ยังทำงานอยู่ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนักเมื่อเรืออยู่ในสภาพโคลงเคลงเล็กน้อยตามปกติ
“สำหรับตอนนี้, เรามาผ่านจุดนี้โดยไม่ให้ถูกจับได้กันเถอะ ถ้ามีคนรู้ว่าเจ้าสลับตัวมาหล่ะก็ได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตแน่”
“นั่นสินะครับ…..ข้าเองก็ต้องหนักแน่นเข้าไว้….ว่าแต่ท่านพี่จะเป็นอะไรรึเปล่านะ?
“อัลไม่เป็นอะไรหรอก มาร์คอยู่กับเขา, หมอนั่นค่อนข้างไว้ใจได้สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ปัญหาในตอนนี้ก็คือเจ้าต่างหากหล่ะ”
“นั่นสินะครับ….ข้าเลียนแบบท่านพี่ไม่ไหวจริงๆ……”
“โชคดีนะที่มีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักกับอัลเป็นการส่วนตัว ตราบใดที่เจ้าทำในสิ่งที่หมอนั่นชอบทำมันก็คงไม่เป็นอะไรหรอก”
“สิ่งที่พี่ชอบทำ, นั่นมันอะไรกันหล่ะครับ? แล้วก็เอลน่า, ไม่ว่าตอนนี้จะสวมซับในอยู่กี่ชั้น, แต่ข้าคิดว่าการทำแบบนี้ต่อหน้าข้ามันไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดีเท่าไหร่นะครับ”
ลีโอเตือนเอลน่าที่กำลังเหยียดขาอยู่บนเตียง
จากจุดที่ลีโอนั่งอยู่, มุมมันทำให้เขามองเห็นข้างใต้กระโปรงของเอลน่า แน่นอนว่า, เอลน่าไม่ได้สนใจอะไรมากนักเนื่องจากมีกางเกงซับในปิดชุดชั้นในเอาไว้อยู่
“นี่แหล่ะเหตุผลที่พวกเจ้าสองคนไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นอัลหล่ะก็หมอนั่นคงไม่มีวันพูดเรื่องแบบนั้นหรอก”
“แต่นี่มันดูเปิดเผยมากเกินไปนะครับ ข้าว่าอย่าทำแบบนี้จะดีกว่า”
“ก็ได้ ก็ได้, ข้าจะระวัง แต่เอาจริงๆนะ, อัลคงไม่มีวันพูดแบบนั้นหรอก แค่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นข้าก็เลยพูดออกมามันอาจจะทำให้เจ้าโดนจับได้ก็ได้นะรู้รึเปล่า?”
“ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ…..แล้วถ้าเป็นท่านพี่เขาจะพูดแบบไหนหล่ะครับ?”
“นั่นสินะ…..ก็คงประมาณว่า [เจ้าลืมสวมซับในนะ] หรือไม่ก็ [อืมม, วันนี้สีขาวหรอ], อะไรเทือกๆนี้ หรือสรุปง่ายๆก็คือ, หมอนั่นมักจะพูดบางอย่างเพื่อให้ได้รับการตอบสนองจากข้าแล้วก็หัวเราะเยาะใส่”
“ข้าพูดไม่ได้หรอกครับ, แบบนั้นหน่ะ……”
เขาอาจจะกำลังนึกภาพตอนที่ตัวเองพูดอยู่, ลีโอหน้าแดงขึ้นมาแล้วเบือนสายตาหนีจากเธอ
นี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่แล้วหล่ะ, เอลน่าคิด
อัลที่เคยชินกับการแกล้งทำตัวเหมือนลีโอกับลีโอที่ไม่ชิน ความแตกต่างที่ชัดเจนเลยก็คือการวางตัวและการตอบสนองกับเพศหญิง อัลสามารถปรับตัวให้เข้ากับคู่สนทนาได้แต่ลีโอมักจะสุภาพอยู่ตลอดในขณะที่คอยรักษารยะห่างเอาไว้ในระดับนึง
มันคือจุดคอขวดสำหรับลีโอเมื่อเขาต้องพยายามทำตัวให้เหมือนอัล
“ต่อให้อัลจะสามารถกลายเป็นลีโอได้ง่ายๆ, แต่มันเป็นเรื่องยากที่ลีโอจะกลายเป็นอัลงั้นหรอ….พวกเจ้าสองคนเป็นเจ้าชายกันทั้งคู่แต่ทำไมถึงได้โตมาแล้วมีนิสัยต่างกันขนาดนี้นะ……”
“ปกติแล้วท่านพี่เป็นคนรักอิสระและชอบออกไปเที่ยวเล่นตามใจชอบ เขาใช้เวลาตลอดทั้งวันอยู่นอกปราสาทแต่เขาก็มักจะร้องไห้กลับมาด้วยเหตุผลบางอย่าง”
“หนะ, นั่นมันก็แค่ข้าพยายามช่วยเขาเพราะเขาชอบโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวยังไงหล่ะ!”
“ข้ารู้ครับ, เอลน่าคอยดูแลท่านพี่อยู่ตลอดเลยนี่หน่า”
“….แต่เขาคิดว่ามันคือความเจ็บปวดนะ”
เห้ออ~
เอลน่าถอนหายใจ
ช่วงนี้, เธอมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีประโยชน์
หลังจากไม่ได้เจอเขาเป็นเวลาพักใหญ่ๆ เธอก็อยากทำอะไรซักอย่างเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของอัล, นั่นคือเหตุผลที่เธอเข้าร่วมเทศกาลล่าของอัศวิน แต่ว่า, เขาก็ต้องจบลงที่การถูกตัดสิทธิ ในตอนที่เอลน่ากำลังลำบากใจว่าจะตัดสินใจเคลื่อนไหวยังไงดี, เขาก็ทำให้ตัวเองหมดสิทธิโดยไม่แยแสต่ออะไรทั้งนั้น และมันก็ทำให้ผลลัพธ์ออกมาตรงข้ามกับที่เธอคาดหวังเอาไว้โดยสิ้นเชิง
และครั้งนี้, เธอก็ตามมาด้วยโดยหวังว่าจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง, แต่สุดท้ายแล้ว, เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย เธอขังตัวเองอยู่ในห้องในตอนที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น ต่อให้เขาบอกเธอว่าเป็นตัวถ่วง, เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
เอลน่าคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่อัลพยายามทำให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ แต่ว่า, เอลน่าอยากให้อัลกลายเป็นที่ยอมรับเหมือนกับลีโอด้วย
เอลน่ารู้ว่ามันแตกต่างจากสิ่งที่อัลต้องการและมันก็ทำให้แผนการของเขาเละเทะ แต่เอลน่าก็ไม่อยากให้อัลมีชื่อเสียงทางด้านที่ดูไม่ยุติธรรมแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม, ช่วงนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่ามันเป็นแค่ความเห็นแก่ตัวของเธอเอง
อัลไม่ได้สนใจชื่อเสียงของเขาเลย กลับกัน, เขาถึงกับยอมลดชื่อเสียงของตัวเองในขณะที่เพิ่มให้กับลีโอ สำหรับอัล, การกระทำของเอลน่าก็ไม่ต่างอะไรจากความน่ารำคาญ
เธอพูดแบบนั้นออกมาด้วยเหตุผลพวกนี้, แต่ว่านี่มันก็ทำให้ลีโอหัวเราะใส่เธอ
“นั่นสินะ, พี่อาจจะคิดแบบนั้นจริงๆก็ได้”
“อืมม…”
“แต่ข้าคิดว่าท่านพี่คงไม่มองว่าคุณเป็นตัวยุ่งหรอก ตั้งแต่ที่เอลน่ากับมาท่านพี่ก็ดูมีความสุขขึ้นและข้าคิดว่าคุณเป็นที่พักใจสำหรับท่านพี่นะ ลึกๆแล้ว, ข้าคิดว่าท่านพี่เองก็กำลังหวังพึ่งคุณอยู่เหมือนกัน”
“จริงหรอ….?”
“ข้ารับประกันได้เลย”
“แต่ว่า….”
“แต่อะไรหรอ?”
“….ต่อให้มีข้าอยู่ที่นี่เขาก็ยังจ้างนักผจญภัยคนนั้น”
ด้วยความที่อยากจะบ่น, เอลน่าจึงพึมพำออกมาอย่างขุ่นเคือง
เธอกำลังลังเลอยู่ว่าจะพูดดีรึเปล่าแต่เธอก็ตัดสินใจพูดออกมาเนื่องจากนี่เป็นโอกาสที่จะได้ระบาย
ลีโอเข้าใจในทันทีว่าเธอกำลังพูดถึงลินเฟีย, เขายิ้มออกมา
“ที่เธอทำงานกับพวกเราก็เพื่อช่วยหมู่บ้านของเธอ ท่านพี่ไม่ได้จ้างเธอเพราะเขาคิดว่าคุณทำหน้าที่ไม่ได้หรืออะไรแบบนั้นหรอก”
“ข้าก็รู้อยู่หรอก….แต่, ช่วยพูดให้กำลังใจต่อท้ายบ้างไม่ได้หรอ? ข้าคิดว่าข้าพยายามเต็มที่แล้วนะ”
ในฐานะคนจากบ้านผู้กล้าหาญ, เอลน่าไม่สามารถเอาตัวเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมืองได้โดยตรง
เธอรู้สึกหงุดหงิดกับข้อจำกัดนี้ สำหรับเอลน่า, การได้ปกป้องฟีเน่ก็คือโอกาสหายากในการที่จะได้ช่วยเหลืออัลกับลีโอ ถ้าฟีเน่ตกเป็นเป้า, เธอก็จะหาข้ออ้างได้ว่าองค์จักรพรรดิจะไม่พอใจถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอและพวกเขายังสามารถใช้นี่เป็นข้ออ้างในการตอบโต้ศัตรูของพวกเขาได้ด้วย
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น, สุดท้ายแล้วคนที่ตกเป็นเป้าก็คืออัลและเขาก็ถูกนักผจญภัยคนนึงช่วยเอาไว้ ตอนนี้นักผจญภัยคนนั้นกำลังทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของฟีเน่อยู่ซึ่งมันสมควรจะเป็นงานของเอลน่า
พูดตามตรง, เอลน่าไม่รู้สึกตลกด้วยเลยซักนิด ต่อให้เธอจะรู้ตัวดีว่ามันมีความเป็นไปได้ที่เธอจะต้องออกห่างจากฟีเน่เนื่องจากหน้าที่ของเธอ, แต่เธอก็ยังทำใจสนุกด้วยไม่ได้
“นี่กำลังเคืองอยู่หรอ?”
“ข้าไม่ได้เคือง! ข้าหงุดหงิดต่างหากหล่ะ!”
“งั้นหรอครับ แต่ว่า, ท่านพี่คิดว่าถ้าเป็นเอลน่าหล่ะก็คงจะตามมาด้วยไม่ใช่หรอ? พอคิดแบบนี้การจ้างลินเฟียก็ถือว่ามีเหตุผลแล้วถูกไหมครับ? เพราะถ้าทิ้งฟีเน่เอาไว้คนเดียวก็อาจจะทำให้เธอได้รับอันตรายได้ แถมเรายังทิ้งเซบาสเผื่อเอาไว้ด้วย”
“ทำไมเจ้าถึงมองโลกในแง่ดีได้ขนาดนี้นะ, ลีโอ…..ข้าเข้าใจความคิดของอัล เขาคิดว่าแทนที่จะใช้ผู้คุ้มกันที่อยู่ในตำแหน่งที่เคลื่อนไหวได้ยากแบบข้า, มันจะดีกว่าถ้าจ้างนักผจญภัยฉลาดๆที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในฐานะผู้คุ้มกัน ใช่, ข้าชื่นชมเธอ เธอเป็นคนฉลาดจริงๆ”
ลีโอกำลังจะบอกว่า [เอลน่าเองก็ฉลาดเหมือนกันไม่ใช่หรอ] แต่เขาก็เลือกที่จะกลืนประโยคนี้กลับเข้าไป
แน่นอนว่า, เอลน่าเป็นคนเรียนรู้ไว เขาสามารถบอกได้เลยว่าเธอเก่งกว่าเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว อย่างไรก็ตาม, คำว่าฉลาดที่เอลน่าพูดถึงไม่ได้มีความหมายแบบนั้น สิ่งที่เธอกำลังจะสื่อก็คือความสามารถในการหลอกลวงผู้คนหรือการอ่านความคิดของผู้คน, มันคือความฉลาดที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้ทางการเมือง เอลน่ารู้ตัวดีว่าเธอขาดสิ่งนี้ จะบอกว่ามันไม่เข้ากับนิสัยของเธอก็ได้ดังนั้นเธอจึงไม่ได้อยากเรียนรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ถ้ามีคนจากบ้านผู้กล้าหาญเรียนรู้เรื่องพวกนี้, มันก็จะไปคุกคามขุนนางที่มีอิทธิพลกับพวกราชวงศ์ บ้านผู้กล้าหาญนั้นควรจะเป็นแค่ดาบ นี่คือจุดยืนพื้นฐานของบ้านผู้กล้าหาญ
และมันก็เป็นสาเหตุที่พลังอำนาจของบ้านผู้กล้าหาญนั้นไม่ได้มีอยู่ในการต่อสู้แย่งชิงอย่างลับๆในเมืองหลวงด้วย, แทนที่จะใช้กับข้างใน, เอาไปใช้กับข้างนอกยังดีกว่า, นี่คือแนวทางที่ถูกต้องในการใช้พลังของบ้านผู้กล้าหาญ
“เอลน่าก็มีข้อดีของตัวเองเหมือนกันแหล่ะ ข้าคิดว่าถ้าเอลน่าช่วยท่านพี่ในเรื่องที่มีแค่คุณที่ทำได้มันก็โอเคแล้วไม่ใช่หรอ? แบบนี้พอจะยอมรับได้ไหม?”
“ข้าก็เข้าใจอยู่แต่ข้ายังยอมรับไม่ได้…..การปกป้องฟีเน่มันควรจะเป็นงานของข้า……”
“คุณยังเกลียดความพ่ายแพ้เหมือนเดิมเลยนะ แต่ว่าลินเฟียอาจจะไม่ได้อยากแข่งกับเอลน่าก็ได้นี่ ยิ่งไปกว่านั้น, งานของคุณก็ไม่ได้ไปซ้อนทับกับของเธอซักหน่อย ขุมอำนาจของเรายังด้อยกว่ากลุ่มอื่น พันธมิตรของเรามีจำนวนน้อย และมีคนกำลังเพ่งเล็งพวกเราอยู่เยอะ ข้าสามารถปกป้องตัวเองได้แต่ฟิเน่กับท่านพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ พวกเขาต้องมีคนที่สามารถปกป้องพวกเขาได้เป็นพันมิตรของพวกเรา ข้าคิดว่าเขาตัดสินใจโดยอิงจากเรื่องนี้และถ้าเอลน่าว่างเมื่อไหร่ข้าคิดว่าท่านพี่จะขอพึ่งคุณเอง”
“จะเป็นแบบนั้นจริงๆหรอ? ดูเหมือนว่าอัลอยากจะมองข้าเป็นตัวยุ่งต่อไปไม่ใช่รึไง?”
“ไม่หรอกครับ คุณนี่ดื้อจังเลยนะ เอาตอนนี้เป็นตัวอย่างก็ได้, ตอนนี้คนที่ข้าสามารถพึ่งพาได้มีแค่เอลน่าถูกไหม? เพราะงั้นช่วยหยุดเคืองแล้วให้คำแนะนำข้ามาหน่อยเถอะ ข้าควรจะทำยังไงดีในตอนที่ไปเข้าพบกับราชาของรอนดิเน่
“ให้ตายเถอะลีโอ, เจ้านี่จริงๆเลย…..ก็ได้, ในเมื่ออัลยังรู้จักมารยาทขั้นพื้นฐานอยู่, เจ้าก็แค่ทักทายเขาตามปกติก็พอ แต่อย่าพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกไปหล่ะ ไม่ต้องสรรเสริญ, เจ้าต้องทักทายไปแค่ตามมารายาทพื้นฐานเท่านั้นเข้าใจใช่ไหม?”
“ขะ, เข้าใจแล้วครับ”
ด้วยประการฉะนี้เอง, เรือของพวกเขาก็มุ่งหน้าตรงไปที่รอนดิเน่
ซึ่งพวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าอัลได้พาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับภัยพิบัติในขณะที่แสดงเป็นลีโออยู่