การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 32
“องค์ชาย พวกเรามีคนที่มีสภาพร่างกายไม่เสถียรเยอะเกินไป สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ที่นี่มีจำกัดมาก…….”
หมอประจำเรือเฒ่ารายงาน
พวกเราสามารถไปให้ถึงเมืองหลวงของอัลบราโทรได้แต่ผู้รอดชีวิตหลายคนที่แช่อยู่ในทะเลเป็นระยะเวลานานเริ่มมีอาการไข้แล้ว นอกจากนี้, ยังมีบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บก่อนจะถูกโยนลงทะเลและอาการของพวกเขาก็เลวร้ายยิ่งกว่า
ฉันสามารถใช้เวทย์รักษาให้พวกเขาได้แต่มันก็รักษาได้แค่บาดแผลของพวกเขา ส่วนความเจ็บป่วยและความผิดปกติภายในอื่นๆมันอยู่นอกเหนือความเชี่ยวชาญของฉัน
“เข้าใจแล้วครับ พยายามยื้อชีวิตของพวกเขาเอาไว้”
“ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถครับแต่….ขอไม่รับปากนะครับ”
“ไม่เป็นไร…..ขอโทษด้วยนะที่ต้องโยนภาระเรื่องนี้ให้กับเจ้า”
“ไม่หรอกครับ, นี่มันเทียบกับสิ่งที่ท่านต้องแบกรับไม่ได้เลย, องค์ชาย”
หมอประจำเรือพูดแล้วออกจากห้องไป
ในขณะที่มองเขา, ฉันก็เดาะลิ้นออกมาเสียงดัง
หลังจากนั้นฉันก็เห็นว่า, มาร์คกำลังยิ้มให้ฉัน
“เรื่องแบบนี้มันช่วยไม่ได้หรอกครับ มันไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้นอกจากฝากเอาไว้กับพวกเขา”
“อย่าเพิ่งเหมารวมว่าช่วยไม่ได้สิ ข้าบอกแล้วนี่ว่าข้าจะไม่ปล่อยให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ตาย”
“แต่ว่า….พวกเราก็มีขีดจำกัดของตัวเองนะครับ จะให้ช่วยทุกคนหน่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกถ้าเจ้ายอมแพ้แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมพวกเราก็ยังสามารถทำอะไรซักอย่างได้ สรรพสิ่งส่วนใหญ่ในโลกนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้งานได้ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดในโลกนี่มันก็แค่ส่วนน้อยเท่านั้น ถ้าพวกเขาไม่สามารถถูกช่วยได้โลกนี้ก็คงไม่มีเหตุผลแล้วหล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น, พวกเราเองก็จ่ายค่าเสียหายสำหรับมันไปแล้วด้วย
ฉันนึกถึงสมบัติที่พึ่งจะโยนทิ้งไป
เห้อ, เสียดายชะมัด ถ้ามีมันหล่ะก็ฉันสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง
มันน่าเสียดายอย่างถึงที่สุด ฉันบอกกับมาร์คว่าทิ้งมันไปได้เลยไม่ต้องเสียดายแต่ว่าตัวฉันเองกลับยังคงผูกพันธ์กับมันอยู่
ผู้รอดชีวิตเหล่านี้คุ้มค่าแน่หรอ? ไม่, พวกเขาไม่คุ้มเลย การช่วยพวกเขาไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้จักรวรรดิและมันก็ไม่คุ้มสำหรับลีโอด้วยเพราะถ้ามันไม่นำประโยชน์มาให้จักรวรรดิ, ก็จะไม่มีใครชื่นชมในผลงานของเขา
แต่ถึงอย่างนั้น, ฉันก็ช่วยมาแล้ว ฉันช่วยพวกเขาทุกคนในขณะที่รับความสูญเสียพวกนี้ ฉันซื้อชีวิตของพวกเขาด้วยสมบัติมากมายมหาศาล ถ้ามองในแง่นี้มันก็เหมือนกับว่าชีวิตของพวกเขาเป็นของฉันแล้ว ดังนั้นจะมาโยนทิ้งตามใจชอบได้ยังไง
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้าจะขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือ”
“ครับ, ดูเหมือนพวกเราใกล้จะถึงแนวป้องกันของพวกเขาแล้วสินะครับ”
ในตอนที่มาร์คพูดออกมาก็มีเสียงดังขึ้น
มีเสียงรบกวนผสมอยู่ในเสียงนั้น, มันคือลักษณะของเสียงที่ถูกเพิ่มขึ้นด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์
“เรือของจักรวรรดิที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา โปรดแจ้งจุดประสงค์ของท่าน พวกเราไม่ได้รับแจ้งว่าเรือของท่านจะเข้ามา ดังนั้นกรุณาแจ้งจุดประสงค์ใหม่อีกครั้งด้วย ประเทศของเราไม่ได้รับแจ้งว่าเรือของท่านเข้ามา”
พวกเขาคือกองเรือที่คอยปกป้องเมืองหลวงของพวกเขา
พวกเขาไม่ได้รับแจ้งมาเลยว่าจะมีเรือของจักรวรรดิเข้ามาดังนั้นพวกเขาอาจจะอยากสืบสวนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความจริงที่พวกเขาไม่ได้เปิดฉากยิงในทันทีนั้น, ถือว่าสมแล้วที่เป็นกองเรือของอัลบราโทร การที่พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาดีนั้นมันช่วยได้เยอะจริงๆ
ฉันขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือแล้วหยิบอุปกรณ์ขยายเสียงขึ้นมา
“ข้าคือลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์, เจ้าชายลำดับแปดของจักรวรรดิ ในระหว่างทางไปรอนดีเน่, ข้าได้พบกับเรือของประเทศเจ้าที่บังเอิญประสบอุบัติเหตุทางทะเล พวกเราช่วยผู้รอดชีวิตมาได้ประมาณ 80 คน, ซึ่งมีเจ้าชายกับเจ้าหญิงของประเทศเจ้ารวมอยู่ด้วย ข้าอยากจะขออนุญาตเข้าเทียบท่าเป็นกรณีพิเศษ”
เรือรบซึ่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยดูกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขารู้ว่าเรือรบสามลำที่พวกเขาส่งออกไปไม่ได้กลับมาและพวกเขาก็รู้ว่าเอวากับจูลิโออยู่บนเรือพวกนั้น
ในขณะนี้เอง, พวกเราก็มุ่งหน้าเข้าใกล้ท่าเรือขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งพวกเราถึงเร็วเท่าไหร่, ผู้รอดชีวิตก็จะไปถึงมือหมอเร็วเท่านั้น
“พวกเราเข้าใจจุดประสงค์แล้ว เพื่อความปลอดภัย, พวกเราอยากจะทำการยืนยันว่ามีผู้รอดชีวิตขึ้นมาด้วยจริงรึเปล่า ช่วยหยุดเรือรับการตรวจสอบด้วย”
“เข้าใจแล้ว นอกจากนี้พวกเรายังมีผู้รอดชีวิตบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด ข้าอยากจะส่งตัวพวกเขาไปที่เรือของพวกเจ้าเพื่อให้พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากหมอที่ท่าเรือในทันที”
“พวกเราเองก็อยากจะทำแบบนั้นแต่มันเป็นกฏของเรา, จะไม่มีใครบนเรือของท่านเข้าเทียบท่าได้จนกว่าจะได้รับอนุญาต พวกเราอยากให้ท่านรอคำอนุมัติจากฝ่าบาท”
นี่พวกเขาจะมัวเสียเวลาเพื่อ!
ฉันจ้องไปยังเรือที่กำลังเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นี่มันไม่ใช่เวลามาระวังสปายนะ
จูลิโอกับเอวาเองก็อยู่ด้วย พวกเขาควรจะยืนยันแค่ว่ามีลูกเรืออยู่จริงรึเปล่าก็พอแล้ว!
“เจ้าหญิงกับเจ้าชายอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขายังไม่ฟื้นเลยครับ…..”
“ชิ!”
ถ้ามีพวกเขาสักคนฟื้นแล้ว, ก็จะมีวิธีที่พวกเราจะได้รับการอนุญาตให้เข้าเทียบท่าโดยไม่ต้องรอพระราชา แต่ถ้าพวกเขายังหมดสติอยู่มันก็จนปัญญาแล้วหล่ะ
นี่ฉันทำได้แค่รอคำอนุญาตที่นี่อย่างงั้นหรอ?
มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าพวกเขาจะมาถึงท่าเรือจากปราสาทของพวกเขา? มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าพระราชาจะตัดสินใจลงมา? แล้วพวกเราจะสามารถพาตัวคนป่วยไปถึงท่าได้ทันรึเปล่า?
แม้ว่านี่จะเป็นการแข่งกับเวลา, แต่มันก็ยังมีกระบวนการที่ซับซ้อนมาขัดขวางพวกเราเอาไว้
“นี่เป็นปัญหาของพวกเขาแล้ว มันไม่สำคัญว่าพวกเราจะทำอะไรในจุดนี้ พวกเราพาพวกเขาทุกคนเดินทางมาถึงที่นี่แล้วเพราะฉะนั้นความรับผิดชอบทั้งหมดที่อยู่ที่นี่มันอยู่กับพวกเขาครับ”
“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย…..! ความรับผิดชอบมันเป็นของพวกนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว! แต่ในเมื่อข้าสอดมือเข้ามายุ่งเพื่อคนพวกนี้แล้วข้าก็จะดูแลพวกเขาให้ถึงที่สุด!”
ฉันบอกกับมาร์คแบบนั้นในขณะที่กำอุปกรณ์รับเสียงแน่น
ถ้าพวกเราดึงดันจะฝ่าเข้าไป, กองเรือของอัลบราโทก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโจมตีพวกเรา
ว่าแล้วเชียวมีแต่ต้องรอฝ่ายนั้นใช่ไหม?
“โปรดยอมรับคำขอของข้าด้วย มีคนที่จะตายถ้าไม่ได้รับการรักษาในทันทีอยู่ พวกเขาสามารถรอดจากทะเลนรกมาได้แล้ว มีแค่พวกเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตของพวกเขาได้ กรุณาให้พวกเขาเข้าเทียบท่าก่อนโดยไม่ต้องรอรับคำอนุญาตเถอะ”
“….สำหรับเรื่องที่ท่านยอมช่วยเพื่อนร่วมชาติของข้าถึงขนาดนี้ข้าขอขอบคุณอย่างสุดซึ้ง แต่ว่ากฏก็ต้องเป็นกฏ ไม่มีเรือลำไหนที่จะเข้าเทียบท่าได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ถึงแม้ว่าเรือลำนั้นจะมีราชวงศ์ของพวกเราพำนักอยู่, พวกเราก็ยังต้องรอการตัดสินใจของฝ่าบาท”
“ใครเป็นกัปตันเรือของเจ้า…..?”
“ข้าเองครับองค์ชาย”
“….กัปตัน ข้าเสียสละหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อช่วยชีวิตพวกเขา ข้าเอาชีวิตคนของข้ามาเสี่ยงเพื่อช่วยพวกเขา ไม่สิ, จนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังเสี่ยงอยู่ และมีเพียงเหตุผลเดียวที่ข้าทำแบบนั้น ข้าไม่อยากให้พวกเขาตาย คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลอย่างเจ้าก็น่าจะเข้าใจถึงความน่ากลัวของทะเลดีไม่ใช่หรอ ช่วยตัดสินใจให้ฉลาดหน่อยเถอะ”
พอได้ฟังคำพูดของฉัน, การตอบสนองของกัปตันก็ช้าลง
เรือของพวกเขากำลังเข้ามาหาพวกเราอย่างมั่นคงแต่พวกเขาน่าจะลังเลเพราะเรื่องนี้
จากนั้นเอง
“….ฝ่าบาท ลูกชายสองคนของข้าก็ขึ้นเรือที่ออกเดินทางไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเหมือนกัน ข้าหวังจากใจจริงว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่….ข้านั้นเป็นทหาร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น, ข้าก็ไม่สามารถละเมิดกฏได้ โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“เป็นพวกเข้าใจอะไรยากสินะ…..!”
“องค์ชาย พอเท่านี้เถอะครับ, พวกเราหน่ะ”
ฉันที่ทำหน้าบึ้งตึง, โยนอุปกรณ์รับเสียงทิ้ง
ในตอนที่มาร์คพยายามจะเตือนสติฉัน, หมอประจำเรือก็ตะโกนออกมา
“องค์ชาย! อาการของพวกเขามัน!”
มันแย่ลง
ในทันทีที่ฉันรู้เรื่องนี้ฉันก็ทำการตัดสินใจในทันที
“กัปตัน! มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือเลย!”
“ครับ—!? ท่านพูดอะไรของท่านกันองค์ชาย!? พวกเรายังไม่ได้รับคำอนุญาตเลยไม่ใช่หรอครับ!?”
“ข้ารู้ แต่ถ้าพวกเราไม่รีบพาคนพวกนี้ไปรับการรักษาโดยเฉพาะอาการของพวกเขาก็จะเลวร้ายจนถึงขั้นสุด”
“ชะ, ช่วยรออีกสักพักเถอะครับ! ต่อให้พวกเราทำแบบนั้นราชรัฐก็คงไม่ยินดีกับพวกเราหรอกท่านก็รู้นี่!? มันเป็นกฏของพวกเขาและนี่ก็เป็นประเทศของพวกเขา! พวกเราต้องทำตามที่พวกเขาบอกนะครับ!”
“ถ้าเจ้าทำตามกฏของพวกเขาผู้คนก็จะตาย”
“แต่เจ้าหญิงกับเจ้าชายไม่ตายหรอกครับ! พวกที่อาจจะตายก็มีแค่ลูกเรือที่ไม่มีคุณค่าทางการเมือง! ท่านจะยอมเพิกเฉยต่อคำเตือนของพวกเขาแล้วเข้าเทียบท่าโดยไม่ได้รับอนุญาตหรอครับ!? ทำแบบนั้นถ้าเกิดอีกฝ่ายจมเรือของเราจริงๆพวกเราก็ว่าอะไรไม่ได้นะครับ”
“ตราบใดที่พวกเรามีเจ้าหญิงกับเจ้าชายอยู่ด้วยอีกฝ่ายไม่กล้าจมเรือพวกเราหรอก ตอนนี้, ข้าจะช่วยชีวิตคนที่อยู่ตรงหน้าข้าด้วยทุกสิ่งที่มี ข้าจะไม่เปลี่ยนคำสั่ง เข้าเทียบท่าซะ”
พอได้ยินการตัดสินใจของฉัน, ทุกคนก็เงียบลง
มีแค่คนๆเดียวเท่านั้น, มีแค่มาร์คที่เข้ามาเผชิญหน้าฉันแล้วพูดออกมา
“ท่านมาไกลเกินไปแล้วนะครับ….! องค์ชายลีโอนาร์ดคงไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก…! ไม่สิ, องค์ชายลีโอนาร์ดคงไม่สามารถทำเรื่องที่ฝืนบังคับแบบนี้ได้…..!”
“ก็ใช่, มันก็จริงอยู่ แล้วยังไงหล่ะ….?”
“ยังไงนี่มัน……”
“นี่เป็นโอกาสดี ข้ากำลังจะทำให้ผู้คนจำนวนมากประทับใจลีโอ ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์ คือชายที่เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่คืนคำ เขาไม่ใช่แค่คนซื่อๆ ต่อให้นี่เป็นการตัดสินใจที่ลีโอทำด้วยตัวเองไม่ได้, แต่ชื่อเสียงนี้จะเปลี่ยนวิธีการที่ผู้คนจะมองเขา”
“ถ้าท่านทำเรื่องแบบนี้สักวันนึงองค์ชายลีโอนาร์ดจะถูกบังคับให้ตัดสินใจเรื่องที่ยากกว่านี้นะครับ……!”
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นน้องชายของข้า ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้แล้วเขาจะทำไม่ได้”
ฉันประกาศออกมาแล้วกดดันเขาด้วยสายตา
ฉันเผชิญหน้ากับกับตันที่เงียบสนิทซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างหลังมาร์ค
กัปตันดูมีสีหน้าที่ซับซ้อน
“เข้าใจรึยังครับ….? องค์ชาย ก็จริงอยู่ที่พวกเขาอาจจะไม่เปิดฉากยิงกับพวกเราแต่ทุกอย่างจะจบลงเมื่อพวกเราเข้าเทียบท่าแล้วนะครับ พวกเราจะไม่สามารถหนีได้อีก”
“ข้ารู้”
“ในหมู่พวกเราท่านจะอยู่ในตำแหน่งที่เลวร้ายที่สุดเลยนะครับ! ถ้าพวกเราเดินหน้าต่อไปทั้งแบบนี้, ท่านจะถูกจับข้อหาเข้าประเทศอย่างผิดกฏหมายได้ พวกเราก็แค่อยากขอน้ำกับอาหารแล้วมุ่งหน้าไปที่รอนดิเน่ต่อเท่านั้นเอง! มันไม่มีความจำเป็นที่ท่านต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อไม่กี่ชีวิตที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอครับ!?”
“ต่อให้มีไม่กี่ชีวิตอยู่กับพวกเรา, แต่พวกเขาก็ยังเป็นคนสำคัญกับครอบครัวของพวกเขา ข้าตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ข้าช่วยพวกเขาเอาไว้ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งพวกเขา ถ้าพวกเราทิ้งพวกเขาที่นี่, ความเสี่ยงทั้งหมดที่ลูกเรือของเราแบกรับก็จะไร้ความหมาย”
“…องค์ชายท่านกำลังต่อสู้ชิงบัลลังก์อยู่ไม่ใช่หรอครับ? ถ้าคู่แข่งของท่านใช้เรื่องนี้มาเล่นงานท่าน, บัลลังก์ก็จะยิ่งอยู่ห่างไกลจากท่านไปอีกไม่ใช่หรอครับ?”
“เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวข้าค่อยคิดอีกที ตอนนี้ช่วยทำตามคำสั่งของข้าเถอะ, กัปตัน นี่คือเรือของเจ้า ลูกเรือฝากชีวิตเอาไว้กับเจ้า อย่าให้ข้าต้องทำเรื่องหยาบคายอย่างการยึดตำแหน่งมาจากเจ้าเลย”
กัปตันคิดอยู่พักนึง
จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างกระทันหันแล้วเผยรอยยิ้มที่ดูร่าเริงให้ฉัน
“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าท่านเป็นแค่เจ้าชายซื่อๆคนนึง แต่…..ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้เป็นแค่นั้นสินะครับ ข้าเริ่มชอบท่านขึ้นมาอีกนิดนึงแล้ว ทุกคน! เตรียมตัวเข้าเทียบท่า! พวกเราจะฝ่าเข้าไป!”
ลูกเรือตอบรับการตัดสินใจของกัปตัน
ด้วยผ้าใบที่กางออก, ฉันก็ได้ยินเสียงมาจากเรือของราชรัฐในขณะที่พวกเรากำลังเริ่มเดินหน้าต่อ
“เดี๋ยวก่อนครับ! องค์ชาย! ท่านคิดจะทำอะไรกัน!?”
“พวกเรากำลังจะเข้าเทียบท่า พวกเราไม่มีเวลามาเถียงกับเรื่องนี้แล้ว”
“พวกเรายอมให้ท่านทำแบบนั้นไม่ได้! ถ้าท่านเข้าเทียบท่าอย่างผิดกฏหมาย, ต่อให้มีเจ้าชายกับเจ้าหญิงพำนักอยู่, พวกเราก็จะจมเรือของท่าน
พอสิ้นคำประกาศ, เรือของราชรัฐก็หักหัวเรือแล้วหันข้างเข้าหาเรา
พวกเขากำลังเล็งปืนเวทมนตร์มาที่เรือของเรา ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เสียงหวอก็ดังไปทั่วท่าเรือ, ซึ่งเป็นสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่ามีสถานการณ์ฉุกเฉิน
เรือรบกำลังมุ่งหน้าจากท่าเรือมาหาพวกเราทีละลำ
ในขณะเดียวกัน, กัปตันก็เสนอแผนนึงขึ้นมาในขณะที่เขากำลังบังคับหางเสือเรืออยู่
“องค์ชาย! ข้ามีแผนครับ!”
“ว่ามา?”
“พวกเราจะยกธงขาวขึ้น”
ในตอนที่ลูกเรือได้ยินแบบนั้นพวกเขาทุกคนก็ดูประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม, มีแค่กัปตันที่ดูเหมือนกับว่าเขากำลังสนุกอยู่
ฉันยิ้มให้กับข้อเสนอนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าทหารเรืออย่างเขาจะเสนอเรื่องแบบนี้ออกมา
“รู้ใช่ไหมว่าเรือจักรวรรดิของเราไม่เคยยกธงขาวขึ้นมาก่อน?”
“แน่นอนครับ และเรือของพวกเราก็จะกลายเป็นที่น่าจดจำจากการที่ทำเรื่องแบบนั้น”
“แน่นอนว่า, พวกนั้นคงไม่ยิงเรือที่ยกธงขาวหรอก, แต่นี่มันจำเป็นจริงๆหรอ?”
“ถ้ามีเรือเข้ามาอีกหลายลำก็ต้องมีพวกกัปตันหัวแข็งอีกหลายคนติดมากับเรือพวกนั้นด้วย เพื่อการนี้, มาเตรียมข้ออ้างให้ฝั่งนั้นกันเถอะครับ ในฐานะกัปตันเอง, ข้ารู้ดีว่าพวกเขารู้สึกลำบากใจแค่ไหนกับเรื่องนี้”
“ข้าใจหล่ะ…..ถ้างั้นส่งธงขาวมาให้ข้า ข้าจะทำในสิ่งที่ข้าทำได้”
จากนั้น, ในตอนที่ลูกเรือทุกคนเห็นพ้อง, ฉันก็ยกธงขาวขึ้น
ซึ่งมันก็ทำให้เรือของราชรัฐตกอยู่ในความประหลาดใจ
จักรวรรดิเป็นประเทศมหาอำนาจ แม้จะเป็นเรือแค่ลำเดียว, แต่ความจริงที่ว่าเรือจักรวรรดิยกธงขาวให้ราชรัฐนั้นถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่
และเพื่อเป็นการจบเรื่อง ฉันจึงเพิ่มเสียงของอุปกรณ์ขยายเสียงจนสุดและประกาศบอกผู้คนที่อยู่ในท่าเรือที่อยู่ข้างหลังพวกเขา
“ถึงทุกคนในท่าเรือ ข้าคือลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์, เจ้าชายลำดับแปดของจักรวรรดิ ตอนนี้, เรือของข้าได้บรรทุกผู้รอดชีวิตจากเรือของราชรัฐที่ประสบอุบัติเหตุมา เนื่องจากสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของผู้รอดชีวิตบางคน, พวกเราจึงเข้ามาที่ท่าอย่างผิดกฏหมาย แต่ว่า, เรือของข้าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำอันตรายกับพวกเจ้า ถ้ามีหมออยู่บริเวณท่า, ข้าต้องการความร่วมมือของพวกเจ้าทุกคน ส่วนคนอื่นๆ ข้าต้องการให้เตรียมน้ำกับอาหารเท่าที่จะหาได้ พวกเขาพึ่งผ่านนรกมา ได้โปรดขอความร่วมมือด้วย และ—สำหรับกัปตันของกองเรือราชรัฐทุกคน ตอนนี้, ชีวิตของพี่น้องของพวกเจ้าขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว พวกเราคาดหวังการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจากกัปตันของกองเรือราชรัฐ”
พอได้ยินเสียงของฉัน, ท่าเรือก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, เรือที่พยายามจะขัดขวางเส้นทางของพวกเราก็หยุดเคลื่อนไหว
จากนั้น, ในขณะที่ล่องผ่านเรือจำนวนมากของราชรัฐ, พวกเราก็เข้ามาเทียบท่าที่เมืองหลวงของพวกเขา”
“จัดเตรียมการส่งตัวผู้บาดเจ็บ! เร็วเข้า!”
หลังจากได้ยินคำสั่งของฉัน, ลูกเรือก็ขนผู้บาดเจ็บออกมา
มีหลายคนมารวมตัวกันที่ท่าเรือเพื่อช่วยเหลือพวกเขา
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่แล้ว ถึงยังไงคนที่นี่ก็เป็นครอบครัวของพวกเขา
“เร็วเข้า! พวกเราต้องการสถานที่ที่มีอุปกรณ์ครบครัน!”
“ที่คลีนิคของข้ามีอุปกรณ์ทุกอย่าง! ตามมาทางนี้เลย!”
“น้ำอุ่นอยู่ที่นี่! พวกเราเอาอาหารมาด้วย!”
ในตอนที่ผู้รอดชีวิตลงมาจากเรือ, พวกเขาก็ถูกรายล้อมด้วยอาหารอุ่นๆ พวกเขาได้รับอาหารตอนอยู่บนเรือแต่อาหารอุ่นๆที่พวกเขากินบนบกนั้นจะช่วยให้หัวใจของพวกเขาอบอุ่นขึ้นด้วย
ทุกคนกินในขณะที่ร้องไห้ออกมา
“พวกเราผ่านขั้นแรกมาได้แล้วแต่…ตอนนี้พวกเราเป็นเชลยสงครามแล้วสินะ”
“ครับ, ก็พวกเรายกธงขาวขึ้นนี่หน่า”
ในขณะที่ได้ยินเสียงกีบม้ากระทบกับพื้นจากระยะไกลๆ, ฉันก็เงยหน้ามองท้องฟ้า
จากทูตที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จสู่การเป็นเชลยสงคราม, นี่มันเหนือความคาดหมายจริงๆ แต่ว่า, มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเราแล้วหล่ะว่าเรื่องนี้จะออกมาดีหรือแย่
“ไปกันเถอะ พวกเราต้องไปคุยกับพระราชาเกี่ยวกับเรื่องมังกรทะเลด้วย บางทีพวกเขาอาจจะหวังในสิ่งเดียวกันอยู่”
พอพูดจบ, ฉันก็ลากมาร์คมาด้วยแล้วเหยียบก้าวแรกเข้าสู่ราชรัฐอัลบราโทร