การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 34
พวกเราถูก ‘เชิญ’ ไปที่ปราสาท
ดูจากท่าทีที่สุภาพของเขา, เห็นได้ชัดว่าพระราชาไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นศัตรูกับพวกเรา เอาเถอะ, ถ้าประเทศนี้ทำอะไรกับพวกเรามันก็คงจะเป็นสิ่งที่เหมือนกับโดนรุกฆาตสำหรับพวกเขา พวกเรามีมังกรทะเลที่ต้องจัดการอยู่แล้ว, ถ้าพวกเขาสู้กับจักรวรรดิตอนนี้มันก็คงจะเป็นจุดจบสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้, มันจะดีกว่าสำหรับพวกเขาถ้าให้การต้อนรับพวกเราอย่างสุภาพและปรึกษาหารือเพื่อขอความร่วมมือในการจัดการกับมังกรทะเล
มันขึ้นอยู่กับขนาดของพวกมันแต่ปกติแล้ว, มังกรนั้นถูกพิจารณาว่าเป็นมอนส์เตอร์คลาส S ถ้าเลือกพึ่งพากิลด์นักผจญภัยในการต่อสู้กับมัน, พวกเขาก็จะส่งปาร์ตี้ที่ประกอบด้วยนักผจญภัยแรงค์ S กับแรงค์ AAA หรือไม่ก็ขอให้นักผจญภัยแรงค์ SS มาจัดการกับมัน
ถ้าเลือกพึ่งพากองทัพก็อาจจะจำเป็นต้องเตรียมตัวอย่างมหาศาลและต้องมีทหารจำนวนมากเพื่อต่อสู้กับมัน
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนอย่างน้อยที่สุดมันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ราชรัฐอัลบราโทรจะเอาชนะมันได้ด้วยตัวคนเดียว
“เชิญทางนี้ครับ”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากขอบคุณอัศวินที่พาฉันมาที่นี่, ฉันก็เข้าไปในห้องบัลลังก์
พอก้าวเข้ามาแล้ว, พระราชาไม่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ เขากำลังก้มศรีษะให้ในขณะที่ยืนอยู่บนพรมแดงที่ปูลากยาวออกมาจากบัลลังก์
ผู้คนรอบตัวเขาที่น่าจะเป็นรัฐมนตรีเองก็กำลังก้มศรีษะเหมือนกัน
“เป็นเกียรติที่ได้พบครับ, ท่านลีโอนาร์ดองค์ชายแห่งจักรวรรดิ ข้าคือกษัตริย์แห่งอัลบราโทร, โดนาโต เดอ อัลบราโทร เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้มันมาจากความไม่รอบครอบของประเทศเรา ข้ารู้สึกผิดจริงๆที่ลากท่านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ข้าอยากจะขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงสำหรับการช่วยเหลือประชาชนและพวกเด็กๆทั้งหลายของข้า ขอบคุณมากจริงๆครับ”
“โปรดรับความขอบคุณของเราด้วยครับองค์ชายลีโอนาร์ด!!”
รัฐมนตรีที่อยู่รอบๆทำตามแบบเดียวกับพระราชาและกล่าวขอบคุณ
มันคือภาพที่หาดูได้ยาก
ไม่ว่าประเทศของฉันจะใหญ่แค่ไหน, เขาก็ยังเป็นพระราชาในขณะที่ฉันเป็นแค่เจ้าชาย ตามหลักแล้วจุดยืนของเขาสูงกว่าของฉัน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์, ถ้าให้ดีที่สุดพวกเราควรจะมีจุดยืนเท่ากัน
การลงมาจากบัลลังก์แล้วก้มศรีษะให้แบบนี้มันดูบ้าบออย่างถึงที่สุด
แน่นอนว่า, ฉันหยุดอึ้งในทันทีแต่ในตอนที่ฉันมองไปทางมาร์ค, เขาก็ตัวแข็งทื่อไปแล้ว
เขาสามารถเอาเข่าค้ำยันร่างกายเอาไว้ได้แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเขากำลังทำตัวไม่ถูก ดูเหมือนว่าแค่จัดการกับความคิดในหัวของตัวเองเขาก็ยุ่งจนทำอย่างอื่นไม่ไหวแล้ว
พระราชาคนนี้อยู่ในช่วงวัยสี่สิบกลางๆ เหมือนกับเอวาและจูลิโอ, เขามีผมสีน้ำตาลซีดและดวงตาสีเขียวในขณะที่ใบหน้าของเขาไปทางจูลิโอมากกว่า
เขาดูใจดีแต่ใบหน้าของเขานั้นซูบผอมมากจนทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มักจะป่วยอยู่บ่อยๆ
ฉันคุกเข่าลงแล้วพูดกับพระราชา
“ฝ่าบาท เป็นเกียรติที่ได้พบครับ ข้าเจ้าชายลำดับแปดของจักรวรรดิ, ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์ ข้าขอโทษด้วยที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายในประเทศของท่าน และท่านก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าแค่ช่วยเหล่าผู้รอดชีวิตเพราะพวกเขาบังเอิญประสบเหตุต่อหน้าต่อตาข้า ถ้ามีเรือของจักรวรรดิเผชิญกับชะตากรรมเดียวกัน, ทางฝั่งราชรัฐเองก็คงจะทำเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน เพราะทุกคนที่นี่คงจะรู้ถึงความน่ากลัวของทะเลดีอยู่แล้ว”
“ตะ, แต่ว่า!”
“แต่ถึงยังไง, ประเทศที่ตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบอย่างหนักแน่นเฉกเช่นประเทศของท่านก็คงจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเฉยๆแน่ ดังนั้นข้าอยากจะขอค่าตอบแทนเป็นน้ำกับอาหารเพื่อนำมาใช้เป็นเสบียงให้เรือของข้า และเนื่องจากเรือของข้าได้ทิ้งสมบัติที่ตั้งใจจะนำไปเป็นของขวัญให้รอนดิเน่ไปหมดแล้วเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตของท่าน, ถ้าท่านสามารถแบ่งสมบัติมาให้ได้ซักเล็กน้อยพวกเราก็คงจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
“อะ, อะไรกันครับ! ท่านอุตส่าห์ลงทุนทำเพื่อพวกเราตั้งขนาดนั้น! แน่นอนอยู่แล้ว! ถึงท่านไม่ขอ, ประเทศของเราก็ยินดีที่จะชดเชยให้ท่านทุกอย่าง!”
“ขอบคุณมากครับ มีอีกเรื่องนึง ข้าอยากจะถามฝ่าบาทเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศของท่าน ถ้าปัญหานี้ยืดเยื้อออกไป, ผลกระทบของมันจะกระจายไปทั่วทวีปอย่างแน่นอน”
“…..ข้าเข้าใจครับ ท่านไม่ใช่ผู้ไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไปแล้ว แจ้งให้ท่านทราบเอาไว้คงจะดีกว่า”
ฉันส่งสัญญาณขอให้พระราชากลับไปนั่งบนบัลลังก์
พระราชาพยักหน้า เขากลับไปนั่งบนบัลลังก์แล้วเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านคงจะทราบเรื่องนี้แล้วแต่….มังกรทะเลกำลังแอบซุ่มอยู่ในทะเลของเราครับ”
“ข้าก็พอจะรู้สึกได้ลางๆ พายุที่เกิดขึ้นมันดูผิดธรรมชาติเกินไปและลักษณะของมันก็ตรงกับสิ่งที่กัปตันเรือของข้าบอกเกี่ยวกับเรื่องเล่าของมังกรทะเลด้วย”
“ครับ….มังกรตัวนั้นมีชื่อว่าลิเวียธาน มันคือมังกรที่หลับไหลมาเป็นเวลากว่าสองร้อยปี”
“สองร้อยปีเลยหรอ? นี่มันค่อนข้างนานสำหรับการจำศีลของมังกรนะ”
“มันไม่ใช่แค่การจำศีลทั่วๆไปครับ พวกเราตั้งใจทำให้มันเป็นแบบนั้น โดยใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ นำสิ่งนั้นมาให้ข้า”
พระราชาบอกกับคนใช้ให้นำบางอย่างออกมา
จากนั้น, คนใช้ก็นำคทาที่พังแล้วออกมา
มันพังจนใช้การไม่ได้แล้ว โครงสร้างของมันผิดปกติแต่มันมีอัญมณีเม็ดโตที่ปลายของมัน มันน่าจะเป็นอัญมณีที่เคยเก็บพลังเวทย์เอาไว้ ฉันยังสามารถสัมผัสถึงพลังที่กล้าแกร่งจากมันได้ อย่างไรก็ตาม, นี่ยังมีแค่ครึ่งเดียวของมัน ถ้าลองนึกภาพตอนที่มันยังอยู่ในสภาพปกติ, เจ้าสิ่งนี้คงจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ค่อนข้างโดดเด่นใช้ได้เลย
“สองร้อยปีก่อน, ดินแดนทางใต้นั้นเคยถูกปกครองด้วยประเทศเดียวที่รวมกันเป็นปึกแผ่น แต่ว่า, มังกรทะเลลิเวียธานก็เข้ามาในช่วงที่มันกำลังออกอาละวาดและเรียกพายุออกมาทั่วทั้งพื้นที่ ประเทศนั้นได้ต่อสู้กับมัน และผลก็คือ, พวกเขาสามารถทำให้มันจำศีลได้โดยใช้อุปกรณ์เวทมนตร์นี้ แต่ถึงอย่างนั้น, ราชวงศ์ในยุคนั้นก็อยู่ในช่วงตกต่ำแล้วซึ่งมันก็ส่งผลให้เข้าสู่ยุคสงครามภายใน แต่เดิมราชรัฐอัลบราโทรของเราก่อตั้งขึ้นมาก็เพื่อปกป้องคทาดังนั้นตำนานเกี่ยวกับลิเวียธานที่ถูกส่งต่อมาให้พวกเราจึงมีความแม่นยำกว่าของรอนดิเน่”
“เข้าใจหล่ะ เพราะคทานี้พังไปแล้ว, เจ้าก็เลยรีบส่งคนออกไปสืบสินะ?”
“ใช่ครับ ข้ารู้สึกผิดจริงๆที่ดึงท่านเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดนี้ เรือของท่านคงจะถูกดึงเข้าไปอยู่ในพายุเหมือนกัน, มันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าเรือของท่านเองก็จมตามไปด้วย……พวกเราน่าจะทำการติดต่อกับกิลด์นักผจญภัยตั้งแต่เนิ่นๆ”
“ช่างเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น, การกำจัดมังกรท่านจะต้องจ่ายรางวัลเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้อมูลเกี่ยวกับมันจะเริ่มแพร่กระจายไปยังประเทศข้างเคียงด้วย ข้าไม่โทษฝ่าบาทในเรื่องนี้หรอก”
“……ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”
“การอธิบายจบลงเพียงเท่านี้
ตอนนี้ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว ต่อไปก็คือการคิดมาตรการตอบโต้
ฉันจะทำยังไงดีนะ? ต่อให้พวกเราติดต่อกิลด์นักผจญภัย, มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะออกเคลื่อนไหวในทันที ถึงยังไงมันก็มีนักผจญภัยเพียงหยิบมือที่สามารถต่อกรกับมังกรได้
เอาเถอะ, ฉันก็คือหนึ่งในนักผจญภัยพวกนั้นนั่นแหล่ะแต่มันคงจะผิดธรรมชาติเกินไปถ้าซิลเวอร์ที่เคลื่อนไหวอยู่แค่ภายในเมืองหลวงจักรวรรดิจู่ๆออกมาโผล่ที่นี่เข้า ฉันต้องหาเหตุผลที่ดูฟังขึ้น
“ฝ่าบาท, พอจะคิดมาตรการตอบโต้เอาไว้บ้างรึยังครับ?”
“….ข้าคิดได้แค่วิธีเดียวนั่นก็คือติดต่อกิลด์นักผจญภัย แต่ว่า, พวกเขาคงจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในทันที….”
“นี่ยังเป็นแค่ทางเลือกเดียวของเราสินะ ข้าเองก็อยากให้ยืมอำนาจของจักรวรรดิเหมือนกันแต่ถ้าศัตรูของเราคือมังกรทะเลและการต่อสู้ต้องอยู่ในทะเลพวกเราก็คงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยการส่งกองเรือของพวกเรามา มันคงจะดีกับพวกเรากว่าถ้าพึ่งพาพวกที่เชี่ยวชาญเรื่องมอนส์เตอร์ แต่ว่านะ, ข้ามีข้อเสนออยู่”
“อะไรหรอครับ ท่านจะเสนออะไร?”
“พวกเราควรก่อตั้งพันธมิตรต่อต้านมังกรขึ้นมากับราชรัฐรอนดิเน่ ถ้าพวกเขารู้สถานการณ์, พวกเขาก็น่าจะเข้าใจเหมือนกันว่ามันไม่ใช่เวลามาขัดแย้งกัน”
“ข้าเองก็คิดเรื่องนั้นอยู่ครับแต่ว่า…..พวกเรามีความขัดแย้งกับรอนดิเน่มานานแล้ว พวกเราไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอะไรที่สามารถใช้เพื่อก่อตั้งพันธมิตรกับพวกเขาได้ในตอนนี้”
“นั่นแหล่ะคือเหตุผลที่ข้าอยากยื่นข้อเสนอนี้ ข้าขออนุญาตเป็นผู้ดำเนินการในการเจรจาขอก่อตั้งพันธมิตรกับรอนดิเน่เอง ถ้าทูตที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จของจักรวรรดิเคลื่อนไหวในฐานะคนกลาง, พวกเขาคงจะไม่กล้าปฏิเสธในทันทีหรอก”
พระราชาค่อนข้างสับสนกับข้อเสนอของฉัน
ซึ่งนี่เป็นเพราะข้อเสนอนี้มันดูเอื้อประโยชน์ให้กับพวกเขามากเกินไป
หลังจากพิจารณาอยู่พักนึง, พระราชาก็ให้คำตอบมาแบบเลี่ยงๆ
“ข้าขอปรึกษากับคณะรัฐมนตรีของข้าก่อนได้รึเปล่า?”
“ไม่มีปัญหาครับ, แต่ฝ่าบาทพวกเราควรรีบจัดการเรื่องนี้นะครับ รอนดิเน่ยังไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแต่พวกเขาก็น่าจะพอมีข้อมูลคร่าวๆแล้วว่าตอนนี้ประเทศของท่านกำลังประสบภัยพิบัติ พวกเขาอาจจะใช้โอกาสนี้โจมตีเข้ามาก็ได้”
“แน่นอนครับ……”
เอาเถอะ, ถึงฉันจะพูดแบบนั้นออกไปแต่ฉันก็ไม่คิดว่าสถานการณ์มันจะไปทิศทางนั้นหรอก
ลีโออยู่ฝั่งนั้น ต่อให้เขาต้องแกล้งทำตัวเป็นฉัน, เขาก็ยังมีเอลน่าอยู่ด้วย
เขาน่าจะสามารถตามการเคลื่อนไหวได้ในระดับนึงและยับยั้งการเคลื่อนไหวของรอนดิเน่ไม่ให้ไปถึงจุดนั้น นอกจากนี้ถ้าฉันยังไม่ถึงรอนดิเน่เขาก็คงจะคาดการณ์ได้แน่ๆว่าตอนนี้ฉันอยู่ในอัลบราโทร
แต่ว่า, มันคงจะช่วยได้เยอะถ้าเขาสามารถซื้อเวลาให้ฉันได้ซักพัก
ฉันอยากได้เวลาคิด ด้วยการใช้สิ่งนั้น, ฉันสามารถกลับไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิได้ด้วย แต่ปัญหาก็คือว่าฉันจะต้องใช้สองครั้งในการเดินทางขาเดียว และฉันจะต้องใช้เวทย์เคลื่อนย้ายทั้งหมดสีครั้งในการเดินทางไปกลับ ด้วยเหตุนี้เอง, ฉันจะต้องกำหนดเวลาสำหรับเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง
ด้วยความคิดนี้เอง, ฉันก็โค้งทำความเคารพแล้วขอตัวออกจากห้องบัลลังก์