การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 44
หลังจากที่ฉันคุยกับฟีเน่เสร็จ, ฉันก็ให้ลินเฟียเข้ามาฟังด้วย
ลินเฟียสังเกตเห็นดวงตาที่ค่อนข้างแดงของฟีเน่แล้วหันมาจ้องฉันตาเขม็ง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีมังกรทะเลปรากฎตัวขึ้นทางใต้ ถ้าข้าบอกไปแบบนี้, เจ้าคงพอจะนึกออกใช่ไหมว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน?”
“ม, มังกรทะเลหรอ!?”
“ท่านซิลเวอร์คงสามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องมีคำขอจากกิลด์สินะคะ…..”
“สถานการณ์มันแตกต่างจากตอนที่ข้าเอาชนะแวมไพร์ทางตะวันออก ประเทศทางใต้ทั้งสองประเทศเริ่มก่อตั้งพันธมิตรกันแล้ว ด้วยสถานการ์เช่นนี้, ถ้าข้าเข้าไปแทรกแซงในฐานะบุคคล, มันก็จะทำให้พวกเขาสับสนยิ่งกว่าเดิม และตั้งแต่แรกแล้ว, แม้ว่ามันจะอยู่คลาส S เหมือนกับพวกแวมไพร์สองคนนั่น, แต่มังกรทะเลจัดการยากกว่าพวกนั้นมาก ถ้าข้าต้องเอาชนะมันจริงๆ, ข้าก็อยากได้กำลังเสริมเหมือนกัน”
“เรื่องปกติเมื่อมีคู่ต่อสู้เป็นมังกรสินะคะ”
ลินเฟียเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ในทันที
สมกับเป็นเพื่อนนักผจญภัยหล่ะนะ เอาเถอะ, มังกรมันก็เป็นตัวอันตรายในระดับที่ผู้คนสามารถเข้าใจได้อยู่แล้วแม้ว่าจะไม่ใช่นักผจญภัยก็ตาม
“แล้วเป้าหมายในการมาที่นี่ของท่านคืออะไรคะ?”
“ผู้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ทางใต้ ถ้าเธอสามารถใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้แค่มีเธอกับข้าก็น่าจะพอแล้ว เพราะงั้นข้าถึงอยากให้จักรพรรดิส่งตัวแทนออกไป”
“ข้อจำกัดเรื่องที่ตระกูลแอมส์เบอร์กไม่สามารถใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์นอกอาณาจักรได้ นี่ท่านไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหนกัน? แม้แต่ข้าเองก็พึ่งมารู้ตอนที่องค์ชายบอกข้าเนี่ยแหล่ะ”
“พอกลายเป็นนักผจญภัยแรงค์ SS แล้ว, เจ้าจะได้รู้ในเรื่องที่นักผจญภัยทั่วไปไม่สามารถรู้ได้อีกมากมาย พอใจกับคำอธิบายไหม?”
“รวมทั้งความลับของจักรวรรดิด้วยหรอ?”
“ข้อจำกัดของดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ความลับของจักรวรรดิซักหน่อย จักรวรรดิไม่ได้ปกปิดเรื่องนี้เลย, มันก็แค่ข้อมูลไม่ได้แพร่หลายเท่านั้นเอง ถึงยังไงมันก็มีอยู่ไม่กี่วิธีที่จะใช้ประโยชน์จากมันได้”
“…..นั่นสินะคะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ลินเฟียยังคงมองฉันอย่างสงสัยแต่เธอก็เลิกกดดันฉันในเรื่องนี้
บางทีเธอน่าจะคิดว่าถึงจะพยายามสอบปากคำฉันในตอนนี้มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
แทนที่จะมาสอบสวนว่าฉันเอาข้อมูลมาจากไหน, สู้รีบหาทางคลี่คลายสถานการณ์ทางใต้ให้จบเร็วๆยังจะดีกว่า
“ในเมื่อท่านอุตส่าห์ดั้งด้นมาถึงที่นี่, ก็แสดงว่าต้องมีเรื่องบางอย่างอยากจะขอกับท่านฟีเน่สินะคะ? แต่มันจะไม่เป็นไรจริงๆหรอคะถ้าพวกระดับสูงของจักรวรรดิเข้าแทรกแซงปัญหาทางใต้แบบนี้?”
“เดาเก่งดีนี่ ใช่, ตามนั้นแหล่ะ แต่ว่าดูเหมือนความลับภายในของกิลด์จะรั่วไหลไปถึงจักรวรรดิด้วยวิธีการบางอย่างดังนั้นตอนนี้กิลด์เองก็กำลังระวังการแทรกแซงของจักรวรรดิอยู่ กิลด์ไม่ได้มีความตั้งใจจะปล่อยให้จักรวรรดิเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แต่อย่างน้อยข้าก็อยากให้พวกเขาอนุญาตให้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็นะ, ถ้าขืนสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปบางทีจักรวรรดิน่าจะส่งหนึ่งในราชวงศ์ตามไปกับกองทัพเพื่อเข้าแทรกแซงก็ได้ แต่ว่ากองทัพนั้นไม่จำเป็นเลย ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากให้พวกเขาถอนกำลังกลับไปซะ”
“ที่มาที่นี่ก็เพื่อขอให้ท่านฟีเน่ทำเรื่องแบบนั้นหรอคะ? นี่ท่านตั้งใจจะใช้งานพวกเราแบบไหนกัน?”
“ตอนนี้ผู้เข้าแข่งศึกชิงบัลลังก์ทั้งสามคนน่าจะกำลังเสนอชื่อของตัวเองอยู่ ซึ่งคนที่น่าจะถูกส่งออกไปมากที่สุดในตอนนี้ก็คือกอร์ดอนที่เป็นนายพลอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น, อีกสองคนเองก็เคลื่อนไหวกองทัพได้เหมือนกัน ซึ่งข้าอยากจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้น สิ่งที่ข้าอยากให้เกิดขึ้นที่นี่ก็คือจักรวรรดิยอมอนุญาตให้ปลดปล่อยดาบศักดิ์สิทธิ์และส่งสมาชิกของราชวงศ์ไปเป็นตัวแทนพร้อมกับผู้คุ้มกันระดับสูงจำนวนนึงเพื่อส่งคำอนุญาตนี้ ถ้าสถานการณ์เป็นไปตามนั้นข้าก็จะสามารถพาพวกเขาไปได้ด้วยเวทย์เคลื่อนย้าย มีแค่ตัวหลักที่สำคัญระดับนั้นเท่านั้นที่จะคลี่คลายปัญหาในครั้งนี้ได้”
“หรือถ้าให้พูดก็คือ, ท่านอยากให้ท่านฟีเน่ไปโน้มน้าวราชวงศ์คนอื่นนอกเหนือจากผู้เข้าแข่งสามคนนั้นสินะคะ?”
สมกับเป็นลินเฟีย
การที่เธอทำความเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขนาดนี้ถือว่าช่าวยได้มากจริงๆ
พอฉันพยักหน้า, ลินเฟียก็ดูเหมือนจะยินยอมทำตาม
คำถามก็คือว่าพวกเราควรเข้าหาใครดี
“สามคนนั้นที่เข้าร่วมในสงครามผู้สืบทอดอย่างจริงจังคงไม่มีวันฟังข้อเสนอของข้าแน่ ถึงยังไงพวกเขาทุกคนก็คงอยากได้เครดิตในตอนที่ผู้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์คลี่คลายสถานการณ์ได้ และเอาจริงๆพวกเขาน่าจะอยากยกกองทัพไปด้วยตัวเองมากกว่า เพราะต่อให้ผู้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์จะทำสำเร็จ, ถึงยังไงสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถอ้างได้อยู่ดีว่าเป็นความสำเร็จของตัวเองจริงๆ และด้วยเหตุนี้หล่ะ, ข้าก็เลยอยากให้เป็นเจ้าชายที่ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามผู้สืบทอดถึงขนาดนั้น”
อย่างไรก็ตาม, มีเจ้าชายแบบนั้นอยู่ไม่กี่คน
เพราะหลายๆคนมีความสัมพันธ์กับเอริค, กอร์ดอน, หรือซานดร้าผ่านแม่ของพวกเขา
แต่ว่าในบรรดาเจ้าชายทั้งหลายนั้น, มีอยู่คนนึงที่เหมาะกับข้อต้องการนี้
“ถ้างั้น, เจ้าชายลำดับสี่ก็คงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้วหล่ะ”
เธอหาคำตอบได้ในทันที
บางทีเธอน่าจะศึกษาสถานการณ์ของสงครามผู้สืบทอดมาแล้วสินะ
เธอขยันจริงๆ
แม่ของเจ้าชายลำดับสี่คือองค์ราชินี หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, เขามีแม่คนเดียวกับมงกุฎราชกุมาร และด้วยเหตุนี้เอง, เขาจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทะเลาะกันของตำหนักใน
และตัวเขานั้นก็สนใจแค่การเขียนหนังสือของตัวเอง, เขาไม่ได้สนใจบัลลังก์เลย
พูดแบบนี้อาจจะดูไม่ดีเท่าไหร่แต่แค่ขอให้ทำงานง่ายๆอย่างการส่งดาบศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่แสดงท่าทีคัดค้านหรอกมั้ง
คำถามก็คือว่าเขาจะยอมออกนอกจักรวรรดิรึเปล่า, ไม่ต้องพูดถึงสถานที่ที่มีมังกรทะเลก่อความวุ่นวายอยู่เลย
ตรงส่วนนี้คงต้องพึ่งการโน้มน้าวของฟีเน่หล่ะนะ
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะค่ะ”
ฟีเน่พูด
สายตาของเธอจริงจัง
ตอนนี้, ถึงเวลาต่อรองแล้ว
…
“ไม่เอาด้วยหรอก”
การปฏิเสธที่รวดเร็วมาจากชายที่มีรูปร่างใหญ่โต
ถ้าให้พูด, ร่างกายของเขานั้นไม่ได้ดูกำยำแข็งแรงเหมือนกับกอร์ดอน ก็นะ, ขนาดร่างกายของเขาใกล้เคียงกับกอร์ดอนก็จริงแต่ตรงส่วนท้องของเขาใหญ่กว่ามาก
เขาคือชายที่ตัวใหญ่ที่สุดและอ้วนที่สุดในราชวงศ์
ร่างกายของเขานั้นทั้งใหญ่และอ้วนกลม
นี่คือเจ้าชายลำดับสี่, เทราก็อตต์ เลคส์ แอดเลอร์
ดวงตาสีน้ำเงิน, ผมสีน้ำตาลและสวมแว่นที่ดูน่าเกลียด
คนที่โดนดูถูกมากที่สุดในราชวงศ์อาจจะเป็นฉันก็จริงแต่คนที่เป็นตัวตลกของราชวงศ์น่าจะเหมาะกับเขามากกว่า และด้วยความที่ว่าพี่ชายคนโตของเรามีหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น, ทุกคนก็เลยพากันสงสัยว่าเขาเกิดมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง
“แต่ว่า, องค์ชายคะ”
“ต่อให้เป็นคำขอร้องจากคุณฟีเน่, สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดี, และตอนนี้ข้าก็กำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงใกล้เสร็จแล้วด้วย”
พอพูดจบท่านพี่เทราก็แสดงสิ่งที่เขาเขียนอยู่ให้เราด้วย
ด้วยการรับสิ่งนั้นมาอย่างสุภาพ, ฟีเน่ก็อ่านดูคร่าวๆแล้วปิดหนังสือในทันที ใช่แล้ว มันน่าอายก็จริงแต่ท่านพี่เทราไม่มีพรสวรรค์เลย เมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องนี้, พรสวรรค์ในด้านขี่ม้ากับการใช้ดาบของเขายังมีมากกว่า อย่างน้อยที่สุดประสาทสั่งการของเขาก็ยังดีกว่าฉัน ฉันสงสัยจังเลยนะว่าทำไม…..
พี่เทราหันมามองฉันที่เงียบอยู่
“บางทีคงเป็นคุณซิลเวอร์ที่เคยได้ยินจากข่าวลือใช่ไหม?”
“ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“คำขอในครั้งนี้ก็คงมาจากคุณซิลเวอร์หล่ะสิ, ข้าเดาถูกไหม?”
“ส่วนใหญ่ก็ใช่ครับ ในสถานการณ์ที่มีมังกรทะเลปรากฎตัวขึ้นทางใต้นั้น, มันจะเป็นปัญหาเอาได้ถ้าจักรวรรดิส่งกองทัพไปด้วย ถ้าเป็นท่าน, ท่านสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของจักรพรรดิในการส่งดาบศักดิ์สิทธิ์และมุ่งหน้าลงใต้ด้วยผู้คุ้มกันระดับสูงจำนวนนึง”
“ข้าเข้าใจความต้องการแล้วแหล่ะ แต่ตอนนี้, ข้ากำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงอยู่เพราะฉะนั้นข้าขออนุญาตปฏิเสธนะ”
ภายนอกท่านพี่เทราอาจจะดูเหมือนคนหัวไม่ดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้างในของเขาจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาเป็นถึงน้องชายแท้ๆของพี่ชายคนโตของพวกเรา ดังนั้นเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก
หลังจากมองความต้องการของฉันออกอย่างทะลุปรุโปร่ง, เขาก็ใช้เหตุผลโง่ๆนั่นในการบอกปัดฉัน
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นกันนะ……
“องค์ชาย! ข้าขอร้องหล่ะค่ะช่วยทำหน้าที่นี้เพื่อผู้คนทางใต้และเหล่าทหารเรือของพวกเราเถอะนะคะ!”
“ข้าก็อยากจะทำตามคำขอของคุณฟีเน่นะแต่ข้าเป็นสมาชิกของราชวงศ์และผู้คนทางใต้ก็ไม่ใช่ประชาชนของข้า ข้าไม่มีภาระผูกพันที่ต้องไปทำอะไรให้พวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น, พวกทหารเองก็เต็มใจที่จะทำหน้าที่ของพวกเขาถูกไหม? มันคงไม่จบง่ายๆหรอกนะถ้าคุณไปห้ามไม่ให้พวกเขาทำแบบนั้นแค่เพียงเพราะมันอันตราย”
เป็นคำตอบที่ทั้งเรียบง่ายและตรงประเด็น
ฉันสงสัยจังว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถเขียนเรื่องแบบนี้ได้ในหนังสือของเขา
“แบบนั้นมัน…..”
“ช่วยยอมรับมันเถอะนะ ถึงยังไงข้าก็ไม่มีความคิดที่จะเคลื่อนไหวอยู่แล้ว”
“….แล้วท่านจะทำยังไงกับน้องชายของท่านที่อยู่ทางใต้หล่ะคะ?”
ฟีเน่ยังไม่ยอมอ่อนข้อง่ายๆ
พอรู้ว่าเขาจะไม่เคลื่อนไหวเพื่อประชาชนหรือทหาร, เธอก็หยิบยกฉันกับลีโอขึ้นมาพูด
ครั้งนี้มีการตอบสนองที่มากขึ้นจากท่านพี่เทรา
“เล่นจี้กันตรงจุดเลยนะเนี่ย แต่ว่าอาร์โนลด์กับลีโอนาร์ดก็โตๆกันแล้ว พวกเขาคงหาทางจัดการได้ด้วยตัวเองแหล่ะ”
“แล้วถ้าเป็นคนที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่หล่ะคะ? ถ้าท่านปฏิเสธ, ข้าก็คงไม่มีทางเรื่องนอกจากนำคำขอแบบเดียวกันนี้ไปขอกับคนที่ท่านต้องปกป้อง”
ฟีเน่น่าจะกำลังพูดถึงคริสต้ากับน้องชายคนเล็กสุดของฉัน
เธอกำลังจะบอกว่าถ้าเขาปฏิเสธตรงนี้เธอก็จะต้องดึงให้หนึ่งในพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
พอได้ฟังแบบนี้ท่านพี่เทราก็จ้องฟีเน่ตาเขม็ง
“นี่เจ้ากำลังเอาน้องชายกับน้องสาวของข้ามาขู่หรอ?”
“ถ้าท่านมองแบบนั้นข้าก็ไม่ถือค่ะ”
“….น้องชายคนเล็กสุดของข้าหน่ะช่างเถอะ, แต่คริสต้าเป็นสมบัติของราชวงศ์ ข้าจะไม่ยอมให้ใครส่งเด็กสาวผมบลอนด์สุดน่ารักคนนั้นไปเจออันตรายหรอก ถ้ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น, มนุษย์ชาติทุกคนก็คงจะถูกสาปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ห, หรอคะ….”
นี่มันก็เวอร์ไปหน่อยนะ, เขาพูดเรื่องบ้าๆออกมาอีกแล้ว
ยิงไปกว่านั้น, เขาไม่ได้สนใจน้องชายคนเล็กสุดเลยหรอ? รู้รึเปล่าว่าเขายังมีอายุแค่ 13 เองนะ?”
ฉันเกือบจะถอนหายใจออกมาแต่ฉันสามารถอดกลั้นเอาไว้ได้
“แต่เรื่องที่ข้ากำลังสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงอยู่มันก็เป็นความจริงเหมือนกัน…..นี่มันชักเป็นปัญหาแล้วสิ”
“ถ้าท่านกังวลเรื่องผลงานชิ้นโบว์แดงของท่านมันก็ยิ่งเป็นเหตุผลที่ท่านต้องเคลื่อนไหวค่ะ! ตั้งแต่อดีตแล้ว, นักเขียนเก่งๆทุกคนล้วนแบ่งปันประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา! การที่ท่านสามารถช่วยน้องสาวของตัวเองได้และได้รับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกันมันก็ถือเป็นโอกาสที่ดีไม่ใช่หรอคะ!? ยิ่งไปกว่านั้น ,ถ้าองค์ชายช่วยทางใต้ได้สำเร็จชื่อเสียงของท่านก็จะดึงดูดผู้คนมาติดตามอ่านผลงานของท่านอย่างแน่นอน แบบนี้มันน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าการทำผลงานชิ้นโบว์แดงของท่านให้เสร็จไม่ใช่หรอคะ!?”
เพื่อกดดันด้วยคำตอบในแง่บวก, ฟีเน่ก็สาธยายสิ่งต่างๆที่จะเป็นประโยชน์กับเขา
พอได้ฟังแบบนี้, ท่านพี่เทราก็ไขว้เขวเล็กน้อย
และแล้ว
“ขอข้าถามคำถามนึงได้ไหม? คุณฟีเน่”
“ค่ะ”
“ทำไมคุณฟีเน่ถึงยอมลงทุนทำถึงขนาดนี้? เพื่อสงครามผู้สืบทอดหรอ? หรือว่ามีเหตุผลอื่น?”
“ข้าจะมีเหตุผลอะไรอีกหล่ะคะนอกจากช่วยเหลือผู้คนที่สำคัญกับข้า?”
นี่คือคำตอบที่ซื่อตรง
หลังจากได้ยินแบบนี้, ท่านพี่เทราก็ประหลาดใจเล็กน้อยแล้วพยักหน้าให้เธอหนึ่งครั้ง
“วิเศษ, วิเศษมาก ก็ได้ สำหรับคำตอบที่ซื่อตรงและสวยงามนี้ ถ้าข้าไม่เคลื่อนไหว, ข้า, เทราก็อตต์, ก็คงจะเป็นที่น่าอับอายในฐานะชายรสนิยมดีแล้ว ข้ายอมรับคำขอนี้ เจ้าจะมองว่าเป็นรางวัลจากข้าก็ได้นะ”
พอพูดจบ, ท่านพี่เทราก็ลุกขึ้นแล้วสวมแว่น
ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่อยู่ในใจของท่านพี่เทราจะหวั่นไหว
และแล้ว, ด้วยการโน้มน้าวของฟีเน่, พวกเราก็ได้ชายที่เป็นกุญแจสำคัญมาแล้ว