การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 61
“ฝ, ฝีมือไม่เบาเลยนี่……!”
“องค์ชายก็เหมือนกันครับ! ไม่เคยมีใครที่เสมอกับข้ามาก่อนเลย!”
พอพูดจบ, พวกเราก็เริ่มเหวี่ยงดาบสำหรับฝึกอีกครั้ง
ด้วยความที่พวกเราห่วยด้านศิลปะการต่อสู้กันทั้งคู่, ท่ายืนของพวกเราจึงไม่มั่นคงและขาดพลัง
ดังนั้นฉันก็เลยตั้งใจจะจัดการแข่งขันที่เร่าร้อนระหว่างฉันกับเขา ฉันตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ
หลังจากการแข่งขัน, ฉันก็ถามความเห็นเซบาสที่เฝ้าสังเกตพวกเรา
“แฮ่ก, แฮ่ก……เป็นยังไงบ้าง!?”
“ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยครับ มันให้ความรู้สึกหน่อมแน้มมากเหมือนข้ากำลังดูเด็กเล่นต่อสู้กัน”
“ว่าแล้วเชียว…….”
เยอร์เกนไหล่ตก
พอมาคิดดูดีๆแล้วการต่อสู้ระหว่างนักดาบที่มีฝีมือห่วยพอๆกันนั้น, ดูเหมือนว่าเด็กเล่นต่อสู้กันจะยังดูเร่าร้อนกว่าอีก
เอาเถอะ, นี่มันก็ถือว่าไปได้ดีแล้วในความคาดหมายของฉัน เนื่องจากเขาเอาแต่บอกว่าเขาไม่เก่งด้านนี้เลย, ฉันก็เลยอยากให้เขาเห็นว่าจริงๆแล้วฉันเองก็ไม่ได้เก่งไปกว่ากัน
พวกเราเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเหงื่อของตัวเองและคิดหาแนวทางต่อไปของพวกเรา
“ดูเหมือนว่าการใช้ดาบจะเป็นทางตันนะ…..ท่านมีอะไรที่คิดว่าตัวเองเก่งบ้าง?”
“สิ่งที่ข้าเก่งหรอ?…..มีอยู่อย่างนึงที่ข้าฝึกฝนมาได้ซักพักแล้ว”
“แล้วมันคืออะไรหรอ?”
“ง้าวครับ”
เซบาสไปเบิกง้าวสำหรับฝึกซ้อมเตรียมเอาไว้ให้พวกเราล่วงหน้า
ง้าวนั้นเป็นอาวุธที่ผสมผสานระหว่างหอกกับขวานโดยการเอาคมของขวานไปติดที่ปลายหอก มันคืออาวุธอรรถประโยชน์แต่ว่ามันหนักและควบคุมได้ยาก คนแคระพัฒนามันขึ้นมาเพื่อชดเชยช่วงตัวที่สั้นของพวกเขา
ถ้าเชี่ยวชาญมันได้, มันก็ถือเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งแต่สำหรับมนุษย์ที่พึ่งเริ่มฝึก, หอกคงจะดีกว่า
“ทำไมท่านถึงเลือกง้าวหล่ะ?”
“ในตอนที่ข้าอายุสิบห้า, ยามที่ข้าขอท่านลีเซล็อตต์แต่งงาน, ข้าได้ไปหาเธอโดยตรงและเธอก็บอกข้ามาว่าเธอจะไม่แต่งงานกับคนที่จับอาวุธไม่เป็น ซึ่งข้าก็คาดการณ์เอาไว้แล้วดังนั้นข้าจึงฝึกใช้หอกแต่ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะท่านลีเซล็อตต์ได้เลย”
“มันก็แน่แหล่ะนะ…….”
ท่านพี่ลีเซนั้นแน่นอนว่าเป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่งแต่นอกจากนี้แค่ตัวเธอเองก็ถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวเหมือน
ไม่ว่าเธอจะใช้อาวุธอะไร, เธอก็เชี่ยวชาญมันได้หมด
คนที่รู้จักอาวุธเพียงผิวเผินนั้นคงจะไม่สามารถแข่งกับเธอได้
“ตอนนั้นเธอบอกข้าว่าการโจมตีของข้ามันเบาเกินไป ตอนนั้นข้าผอมมาก แถมยังตัวเตี้ยด้วย เพราะเหตุนั้นเอง, ข้าจึงไม่สามารถใส่การโจมตีที่จะทำให้ท่านลีเซล็อตต์สนใจได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าเลือกอาวุธหนักแต่เนื่องจากมันค่อนข้างหนักข้าจึงเสียบสมดุลย์ในตอนที่เหวี่ยงมันอยู่บ่อยๆดังนั้นข้าก็เลย……”
“อย่าบอกนะว่า…..”
“ใช่ครับ, ข้ากินให้เยอะขึ้นเพื่อเพิ่มน้ำหนัก ถึงยังไงการที่ข้าจะสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกายของตัวเองมันก็มีจำกัดอยู่แล้ว”
น่าสงสารชะมัด…..
ก็จริงอยู่, ง้าวที่เยอร์เกนถืออยู่ในตอนนี้คือจะว่ายังไงดี, มันดูเหมือนว่าเขาสามารถรักษาสมดุลย์ในขณะที่เหวี่ยงมันได้จริงๆและจากท่าถือของเขา, ฉันคิดว่ามันน่าจะรุนแรงใช้ได้เลยด้วย ฉันพอจะนึกภาพเขาเหวี่ยงมันได้แต่…..อย่าบอกนะว่าเขายอมเสียสละรูปลักษณ์ของตัวเองเพื่อสิ่งนี้
ท่านพี่…….มีคนๆนึงซึ่งเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเพียงเพราะคำพูดของท่านพี่อยู่ที่นี่ด้วย ฉันอดรู้สึกสงสารเขาไม่ได้จริงๆ
ด้วยการนึกถึงพี่สาวที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่, ฉันก็หันไปมองเซบาส
“เจ้าคิดว่าไง?”
“ท่าของเขาค่อนข้างดีเลยครับ แต่ข้าไม่มั่นใจว่าทักษะระดับนี้จะสามารถทำให้องค์หญิงลีเซล็อตต์ประทับใจได้รึเปล่า”
“ถ้าพวกเรากำลังพูดถึงมาตรฐานของท่านพี่ก็คงจะมีแค่พวกแม่ทัพกับอัศวินหลวงของพวกเราเท่านั้นแหล่ะที่จะมีคุณสมบัติ ข้ามั่นใจว่าเธอคงไม่ใช้มาตรฐานระดับนั้นกับเขาหรอก”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีครับแต่นี่ดูมีแววมากกว่าดาบจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะอะไรตราบใดที่สามารถลงน้ำหนักไปกับการโจมตีได้ ซึ่งมันน่าจะได้ผลถ้าสามารถรักษาสมดุลย์ในการควบคุมน้ำหนักได้ และดยุคก็ต้องฝึกมันหนักในระดับนึงด้วย เท่าที่ข้าดูทักษะดาบ, กับศิลปะการต่อสู้ของเขาน่าจะมีพรสวรรค์พอๆกับท่านครับ, ท่านอาร์โนลด์”
“จะบอกว่าไม่มีพรสวรรค์สินะ แต่ว่าต่อให้จะเป็นแค่อาวุธประเภทเดียว, แต่การที่สามารถเอามันมาใช้เป็นอาวุธได้จริงๆแบบนี้….เขาก็ถือว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่คนนึงเลยหล่ะ ข้าเลียนแบบในเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ”
เยอร์เกนเรียนรู้ธุรกิจและพัฒนาตระกูลดยุคที่พึ่งเข้ามาใหม่ของเขา เขาน่าจะมีพรสวรรค์ในฐานะพ่อค้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่เก่งในเรื่องนั้น
แต่, เยอร์เกนก็ยังคงฝึกฝนต่อไป เขารู้สิ่งที่เขาเก่งจริงๆแต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้พี่สาวของฉันหันมาสนใจด้วยการเปลี่ยนจุดอ่อนของเขาให้กลายเป็นจุดแข็ง
“ดยุคไรน์เฟลด์”
“ครับ? มีอะไรหรอครับ?”
“ท่านเคยชายตามองผู้หญิงคนอื่นไหม?”
“ไม่มีวันหรอกครับ ข้าประกาศความรักของข้ากับคนๆนั้นไปแล้ว ในเมื่อข้าบอกเธอไปแบบนั้น, ข้าก็ไม่สามารถทำให้คำพูดของข้ากลายเป็นคำโกหกได้ ท่านพ่อบอกข้าว่าความจริงใจคือข้อดีเพียงอย่างเดียวของข้าซึ่งข้าก็ชอบการเป็นคนที่จริงใจของข้า นี่คือเหตุผลที่ข้าอยากใช้ชีวิตแบบนี้ ข้ารักผู้หญิงแค่คนเดียวและข้าก็อยากมอบความรักให้เธอ ข้าคิดว่าความรักนี้สวยงามและข้าก็เชื่อว่าถ้าข้าไม่ลงทุนทำถึงขนาดนี้, ท่านลีเซล็อตต์ก็คงจะไม่ชายตามองข้า”
“…..เซบาส ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้าพึ่งทำเรื่องที่ไม่ดีลงไปยังไงไม่รู้สิ…….”
“องค์หญิงจะเลือกยอมรับหรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับเธอครับ ถ้าเธอจะแต่งงานกับใครก็ได้ขอแค่ขยัน, เธอก็คงแต่งงานไปแล้ว เธออาจจะให้ความสำคัญกับความพยายามแต่มันก็ไม่แน่นอนเสมอไป จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึงเหมือนกับท้องฟ้ายามฤดูใบไม้ร่วง มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับผู้หญิงที่เลือกผู้ชายเหลาะแหละแทนที่จะเป็นคนขยัน”
“นี่, ดยุคไรน์เฟลด์เข่าทรุดแล้วนะเห็นไหม!?”
“นี่มันก็แค่ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นครับ, ท้ายที่สุดแล้ว, มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์หญิง”
บางทีเขาอาจจะพยายามปิดกั้นเสียงทั้งหมดที่อยู่รอบตัว
ด้วยความที่ไม่เคยคิดว่าเขาอาจจะเลือกเดินทางผิด, เขาก็เลยพยายามอย่างเต็มที่
ดังนั้นเรื่องราวพวกนี้ก็เลยค่อนข้างโหดร้ายเกินไปหน่อยสำหรับเยอร์เกน
ฉันพยายามเข้าไปใกล้แล้วเรียกเขา
“ดยุคไรน์เฟลด์, ฮึดหน่อยสิ”
“เห้อ! ถ้าข้ารู้สึกเศร้าจากเรื่องนี้ข้าก็คงไม่เหมาะสมกับท่านลีเซล็อตต์แล้วหล่ะ! ทำไมข้าถึงได้อ่อนแอขนาดนี้!”
“……”
“ถ้าเธอบอกว่าชอบผู้ชายเหลาะแหละถ้างั้นข้าก็จะเป็นมันทั้งคู่เลย! องค์ชายอาร์โนลด์! ช่วยบอกวิธีทำให้ข้ากลายเป็นคนเหลาะแหละมากกว่านี้หน่อยเถอะครับ!”
เยอร์เกนลุกขึ้นแล้วขอร้องฉัน
ด้วยความที่เขาเข้ามาหาฉันอย่างกระทันหันฉันก็เลยเผลอถอยไปหาเซบาสโดยไม่รู้ตัว
“เขาเป็นคนที่ไม่ถูกทำลายง่ายๆจริงๆสินะ”
“แถมเขายังขอให้ข้าสอนวิธีการเป็นคนเหลาะแหละด้วย, แบบนี้มันหยาบคายไม่ใช่หรอ?”
“ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่ครับ ในเมืองหลวงของจักรวรรดิคงไม่มีใครที่เดินบนเส้นทางแห่งความเหลาะแหละได้ดีไปกว่าองค์ชายแล้ว”
“เส้นทางเหลาะแหละอะไรกัน, อย่าทำเป็นเล่นไปหน่อยเลย ข้าจำไม่เห็นได้นะว่าข้ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแบบนั้น ข้าก็แค่ไม่เคยเลือกซักทางต่างหากหล่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ! ท่านไม่ได้เลือกอะไรมาตั้งแต่แรกแล้วสินะครับ! นี่มันถือว่าเป็นการเรียนรู้ใหม่สำหรับข้าเลย!”
“………”
“………”
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย
พูดแบบนั้นก็โหดร้ายอยู่นะ
ในตอนที่คนเรามีความรักมันสามารถไปได้ไกลถึงขนาดนี้เลยหรอ ดูเหมือนข้าจะดูถูกความรักมากเกินไปซะแล้ว
“หลักๆแล้วพี่สาวของข้าชอบคนที่แข็งแกร่ง ถ้าพวกเราหาอะไรบางอย่างในตัวดยุคไรน์เฟลด์ที่สามารถแสดงด้านนั้นให้เธอเห็นได้พวกเราก็น่าจะมีโอกาสใช่ไหมหล่ะ?”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ, องค์หญิงสังเกตุดูความพยายามของดยุคมาเป็นเวลาถึงยี่สิบปีแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนนี้เธอก็น่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ?”
“เธอเห็นแค่ผลลัพธ์ พวกเราจำเป็นต้องแสดงกระบวนการให้เธอดู เธอน่าจะมีใจอ่อนบ้างแหล่ะถ้าพวกเราแสดงให้เห็นว่าเขาทุ่มเทขนาดไหน, ไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”
“ก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่นะครับ”
“องค์ชายอาร์โนลด์, คือว่า, มันอาจจะฟังดูหยาบคายไปหน่อยแต่ข้าขอถามซักเรื่องได้ไหมครับ”
“ท่านหยาบคายกับข้ามามากเกินพอแล้วหล่ะเพราะฉะนั้นมีอะไรก็พูดมาเถอะ”
“งั้นหรอครับ, ถ้างั้นค่อยโล่งอกหน่อย ข้าแค่อยากถามว่าท่านทำยังไงถึงกลายเป็นที่ถูกใจของท่านลีเซล็อตต์หรอครับ, องค์ชาย?”
เป็นคนตรงขนาดนี้มันก็เกินไปนะ
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น, ฉันก็นึกถึงตอนที่ท่านพี่ลิเซเริ่มถูกใจฉัน
มันคือเรื่องเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน ในตอนนั้นฉันถูกขังเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เพื่อช่วยเด็กสาวคนนึง
ดูเหมือนว่าพี่ชายคนโตของฉันจะรู้เรื่องจากท่านพ่อและไปบอกท่านพี่ว่าฉันถูกส่งเข้าคุกเพราะปกป้องเด็กสาวคนนึงดังนั้นเธอก็เลยมาเยี่ยมฉันที่คุกทุกวัน
เธอบอกกับฉันว่าถ้าฉันยอมรับว่าฉันทำไปเพื่อปกป้องคนๆนึง, เธอก็จะไปช่วยพูดกับท่านพ่อให้
แน่นอนว่า, ฉันไม่รู้ว่าเธอรู้เรื่องทุกอย่างแล้วดังนั้นฉันก็เลยพูดออกไปตลอดว่าฉันทำคนเดียวจนกระทั่งวันสุดท้าย ตอนนี้พอมาคิดดูดีๆแล้ว, ฉันเองก็อาจจะมีทิฐิเกินไปหน่อยก็ได้
การถูกขังคุกเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อปกป้องเด็กสาวคนนึง, ฉันคิดว่าถ้าฉันบอกความจริงกับเธอ, ทุกอย่างที่ทำมาก็จะไร้ความหมาย
นั่นคือเหตุผลที่ฉันเก็บความลับเอาไว้จนกระทั่งได้ออกจากคุก
ในตอนนั้นท่านพี่ก็เข้ามาลูบศรีษะของฉันอย่างอ่อนโยน
“สมแล้วที่เป็นน้องชายของข้า……”
“ครับ?”
“ข้าถูกบอกมาว่าในตอนที่ข้าเป็นเด็กนั้น ท่านพี่ชื่นชมข้าสำหรับความมุ่งมั่นของข้าในการผ่านพ้นเรื่องต่างๆจนถึงที่สุด ตั้งแต่นั้นมา, เธอก็ให้ความสนใจข้ามากขึ้นเรื่อยๆ บางทีอาจเป็นเพราะทัศนคติของข้าในตอนนั้นท่านพี่ก็เลยเริ่มถูกใจข้า”
“นี่เป็นข่าวดีนะครับ อย่างน้อยที่สุด, เรื่องนี้ก็ช่วยบ่งบอกว่าการกระทำของดยุคไรน์เฟลด์จนถึงตอนนี้ไม่ได้ผิดพลาด”
“นั่นสินะ การกระทำของดยุคไรน์เฟลด์น่าจะเป็นสิ่งที่พี่สาวของข้าชอบ เธอชอบคนขยัน เอาเถอะ, ข้าก็ไม่รู้หรอกสเป็คผู้ชายจริงๆของเธอเป็นยังไงแต่……การปล่อยให้ทั้งสองคนเจอกันน่าจะช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้เร็วที่สุดนะ”
พอพูดจบ, ฉันก็ลุกขึ้น
ถึงยังไงการจัดการเรื่องสำคัญแบบนี้ผ่านจดหมายมันก็ผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว
“เซบาส, ไปเตรียมตัวซะ พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่ดินแดนของดยุคไรน์เฟลด์ก่อน”
“ได้ครับ ข้าจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”
“อ, องค์ชาย!?”
“ดินแดนของเจ้าอยู่ใกล้กับที่ที่ท่านพี่อยู่มากกว่าเมืองหลวงของจักรวรรดิ ถ้าข้าไปที่นั่น, เธออาจจะมาเยี่ยมข้าก็ได้ และถึงเธอจะไม่มาพวกเราก็สามารถไปยังที่ที่เธออยู่ได้เหมือนกัน”
พอพูดจบฉันก็ยิ้มออกมา
ในการรับมือกับพี่สาวของฉันนั้น, ถ้าฉันทำทั้งหมดนี้ในขณะที่ยังอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ, ฉันก็คงจะไปดูถูกเธอเข้าอย่างแรง
ฉันต้องลงพื้นที่ด้วยตัวเอง
เอาหล่ะ, ในเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็มาเตรียมตัวกันเลยเถอะ