การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 63
ฉันกำลังคิดหลายๆเรื่องในระหว่างที่มุ่งหน้าไปหาเอลน่า
ฉันจะขอร้องเธอยังไงดีนะ
ฉันจะทำยังไงถ้าเธอปฏิเสธ?
ตอนนี้มีหลายเรื่องผุดขึ้นมาในหัวของฉัน
ฉันได้รับการต้อนรับที่หน้าประตูเหมือนปกติแล้วเข้าไปที่คฤหาสน์ผู้กล้าหาญ
“อัล มีอะไรรึเปล่า?”
“เอลน่า……”
เอลน่าออกมาทักทายฉัน
ฉันคงจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าคุณแอนนาออกมาแทน
พูดตามตรง, ฉันไม่กล้าสบตากับเอลน่าตรงๆ
อย่างไรก็ตาม, ท่าทีที่ผิดปกตินี้คงรอดพ้นสายตาเพื่อนสมัยเด็กของฉันไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น?”
“คือว่า……”
“ต่อให้เจ้าพยายามปิดบังก็ไม่มีประโยชน์หรอก มีอะไรก็พูดออกมาซะดีๆ…”
พอพูดจบ, เอลน่าก็พาฉันไปที่ห้องรับแขก
คนใช้กำลังเตรียมชากับขนมให้พวกเราอยู่ที่นั่น
เมื่อเห็นแบบนี้, เอลน่าจึงขอให้พวกเขาออกไปจากห้อง หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว, เอลน่าก็นั่งลงแล้วบังคับให้ฉันเข้าประเด็นในทันที
“ข้าจะถามอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้น?”
“…..เป็นข่าวร้ายหน่ะ”
“งั้นหรอ เจ้าต้องการความช่วยเหลือสินะ?”
“…..อ่า”
ฉันพยักหน้าโดยไม่ได้สบตากับเธอตรงๆ
จะไปขอได้ยังไงกันหล่ะ
แต่ถึงอย่างนั้น, ฉันก็ยังแบกหน้ามาหาเอลน่า
ฉันควรจะทำหน้ายังไงดี?
สุดท้ายแล้วภารกิจของฉันก็คือผลประโยชน์ของพวกเราในสงครามผู้สืบทอด ด้วยความที่มีการประเมินของท่านพ่อเข้ามาพ่วงด้วย, ฉันก็เลยไม่สามารถละทิ้งภารกิจในครั้งนี้ได้
นั่นสินะ ฉันกำลังชั่งน้ำหนักความสำคัญระหว่างความปลอดภัยของน้องสาวกับบัลลังก์อยู่ และเพราะฉันไม่สามารถเลือกทิ้งได้เลยซักอย่าง, ฉันก็เลยมาหาเอลน่า
ตำหนักในคือโลกของผู้หญิง แม้กระทั่งคนคุ้มกันก็ต้องเป็นผู้หญิง แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่เหตุผลภายนอก, ไม่ใช่เหตุผลหลัก
ในที่สุดพวกเราก็เป็นฝ่ายนำแล้ว ท่านพ่อกำลังถูกใจพวกเรา ฉันไม่อยากโยนข้อได้เปรียบนี้ทิ้ง
อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่สามารถละเลยคริสต้าได้เหมือนกัน
ฉันไม่สามารถเลือกได้
นี่คือสาเหตุที่ฉันอยากจะพึ่งเอลน่า การทำตัวน่าสมเพศแบบนี้, ฉันไม่กล้าที่จะมองหน้าเอลน่าเลย
แต่ถึงอย่างนั้น
“ไม่เป็นไร ข้าจะไปหาจักรพรรดิแล้วปฏิเสธภารกิจเอง”
“!? จะดีหรอ…..?”
“อะไรกัน?”
พอเจอการตอบกลับอย่างทันควันเช่นนี้, ฉันก็เลยเผลอเงยหน้าขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
และในตอนนั้นเอง, ฉันก็เห็นสีหน้าตามปกติของเอลน่า
สีหน้าของเธอดูเหมือนไม่มีปัญหาเลย
“แต่ว่า…..ถ้าเจ้าปฏิเสธไปเกียรติของเจ้าจะไม่เสื่อมเสียหรอ……?”
“มันไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องเกียรติแล้ว เจ้าต้องการความช่วยเหลือของข้าใช่ไหมหล่ะ? ถ้างั้นก็ไม่ต้องพิจารณาอะไรอีกแล้ว”
“….ข้าต้องออกจากเมืองหลวงไปจัดการเรื่องคำขอแต่งงานของท่านพี่ เพื่อให้พวกเราคืบหน้าในสงครามผู้สืบทอดไปได้อย่างราบลื่น, ข้าจะต้องทำให้การแต่งงานนี้ผ่านไปได้ด้วยดีที่สุดเท่าที่จะทำได้…..นี่คือเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้า, พอจะเข้าใจสินะ?”
“เจ้าปล่อยมันไปไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญใช่ไหมหล่ะ? ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าอยากให้ข้าทำอะไรแต่ถ้ามันเป็นเรื่องจำเป็นข้าก็จะช่วยเจ้าเอง”
“ทำไมหล่ะ…..”
“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรอ? ข้าจะไม่มีวันทิ้งอัล เจ้าก็น่าจะรู้ตัวนี่? เจ้าทำหน้าสลดมาตั้งแต่ตอนที่มาถึงที่นี่แล้วไม่ใช่รึไง? ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เจ้าต้องการข้าใช่ไหมหล่ะ? ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็พอจะทิ้งซักงานสองงานได้อยู่หรอก เจ้าน่าจะคิดมาดีแล้วก็เลยมาหาข้าเพราะเจ้าสามารถพึ่งพาได้แค่ข้าเท่านั้นถูกไหม?”
เอลน่าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นหน่ะสิ
ถ้ามันง่ายจริงข้าคงไม่มานั่งรู้สึกผิดแบบนี้หรอก
ในฐานะบุตรีของบ้านผู้กล้าหาญและหนึ่งในอัศวินหลวง, การปฏิเสธภารกิจถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเอลน่า, แน่นอนว่า, ท่านพ่อไม่ชอบบังคับคนอื่น บ้านผู้กล้าหาญที่สามารถใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นมีความสำคัญกับจักรวรรดิ, ท่านพ่อคงไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับราชวงศ์
แต่, นี่ก็ยังสร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อของเธอ
“เกียรติยศมันสำคัญกับเจ้าไม่ใช่หรอ…..?”
“ก็ใช่อยู่หรอก แต่สำหรับข้านั้น, คำสาบานสำคัญกว่าเกียรติ ถ้าเจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญข้าก็จะทำให้ทุกอย่าง เถอะหน่า, บอกข้ามา เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?”
เอลน่าเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่ไม่ค่อยแสดงให้เห็นออกมา
รอยยิ้มนี้ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว
แต่ฉันก็ยังอดรู้สึกผิดกับรอยยิ้มนี้ไม่ได้
“……คริสต้ามีพรสวรรค์โดยกำเนิดด้วย มันคือพลังแห่งการทำนาย”
“….นั่นน่าประหลาดใจอยู่นะ นี่เจ้าปกปิดเรื่องนี้มาตลอดเลยหรอ?”
“มันแสดงออกมาเมื่อประมาณสามปีก่อนในตอนที่คริสต้าเห็นความตายของมงกุฎราชกุมาร ตั้งแต่นั้นมา, ก็มีอีกหลายอนาคตที่เธอเห็นทั้งที่เป็นจริงและไม่จริงแต่อนาคตส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเธอโดยตรงนั้นมักจะเป็นความจริงตลอด”
“แล้วมันก็เกิดขึ้นในครั้งนี้ใช่ไหม”
“ใช่ เจ้าจำริต้าได้รึเปล่า? เด็กสาวที่เคยเล่นกับลีโอเมื่อไม่กี่วันก่อน”
“จำได้สิ เด็กสาวคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรอ?”
“…..คริสต้าบอกว่าเธอตาย ต่อหน้าต่อตาเธอ”
สายตาของเอลน่าจริงจังขึ้นมาในตอนที่ได้ฟังคำพูดของฉัน
คริสต้าไม่เคยออกจากปราสาทหรือตำหนักใน ความจริงที่ว่าคริสต้ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงนั้นก็หมายความว่ามีคนจากปราสาทหรือตำหนักในเกี่ยวข้องด้วย
ในแง่นี้, มันถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับพวกเราที่มีเอลน่าซึ่งเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในบ้านผู้กล้าหาญคอยคุ้มกันเธอ
ต่อให้มีคนพยายามจะทำเรื่องไม่ดี, แต่ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความสามารถพอที่จะทำได้ถ้ามีเอลน่าคอยคุ้มกันอยู่
“จะให้ข้าอยู่คุ้มกันองค์หญิงคริสต้าใช่ไหม? ด้วยวิธีนี้ข้าก็จะสามารถปกป้องริต้าได้ด้วย”
“ใช่…..มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องความสามารถในการทำนายของคริสต้า แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่รู้ เจ้าจะใช้เรื่องนี้มาเป็นเหตุผลในการบอกปัดภารกิจไม่ได้นะเข้าใจใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร ภารกิจต่อไปของข้าอยู่ใกล้กับทะเลสาบใหญ่พอดี”
“….นี่เจ้า, ทำไมไม่บอกข้าหล่ะ?”
“ถ้าข้าบอกองค์จักรพรรดิไปว่าไม่ค่อยถูกกับน้ำ, ก็น่าจะไม่เป็นปัญหาอะไรใช่ไหมหล่ะ?”
“นั่นก็จริงอยู่แต่ว่า…..มันจะเป็นการเปิดเผยจุดอ่อนของเจ้าไม่ใช่หรอ? จะไม่เป็นอะไรแน่นะ? เจ้ารังเกียจมันไม่ใช่รึไง?”
“แม้แต่ตอนนี้ข้าก็ยังไม่ชอบความคิดนี้ ถ้าข้าบอกปัดภารกิจไปมันก็คงจะเหมือนกับการยอมรับความพ่ายแพ้ของข้าและข้าก็จะกลายเป็นที่หัวเราะถ้าผู้คนรู้ว่าลูกสาวของบ้านผู้กล้าหาญไม่ถูกกับน้ำ”
“ถ้างั้น…..”
“แต่ว่าคำสาบานของข้าสำคัญกว่าเรื่องนั้น เจ้ากำลังมีปัญหาใช่ไหมหล่ะ? เจ้าจะไหวหรอถ้าไม่มีข้าคอยช่วย? เจ้าจะทำยังไง? ที่เจ้ามาหาข้าก็เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถูกไหม? ถ้างั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง ถ้าคำสาบานของข้าเป็นแค่คำพูดเลื่อนลอยมันก็คงไม่มีความหมายอะไรหรอก”
พอพูดจบ, เอลน่าก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาฉัน
จากนั้นเธอก็ยื่นหน้าเข้ามาหา
ฉันตกใจกับการเคลื่อนไหวอย่างกระทันหันของเธอแต่เอลน่าก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ไม่ต้องห่วงหน่า ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะปกป้องทุกสิ่งที่อัลอยากปกป้อง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าสูญเสียอะไรไปหรอก ข้าจะเป็นพลังให้เจ้า เพราะฉะนั้นอย่าทำหน้าตาเจ็บปวดแบบนั้นอีกนะ”
“เอลน่า….”
“ไม่เป็นไรหรอก อัล, เจ้าไม่ได้ทิ้งองค์หญิงคริสต้าซักหน่อย สงครามผู้สืบทอดเป็นเรื่องสำคัญ, และองค์หญิงคริสต้าเองก็เหมือนกัน ถ้าเจ้าไม่สามารถรักษาทั้งสองอย่างเอาไว้ได้พร้อมกัน, ข้าก็จะปกป้องพวกเขาเพื่อเจ้า อัลเจ้าต้องทุ่มเทให้กับเรื่องแต่งงานเพื่อสงครามผู้สืบทอดใช่ไหมหล่ะ? เดี๋ยวข้าจะปกป้ององค์หญิงคริสต้าให้เจ้าเอง”
“…..ข้าไม่อยากให้เด็กคนนั้นต้องมานั่งเสียใจอีกแล้ว…..ในตอนที่แม่ของเธอตาย, เธอดูเหมือนกับเปลือกที่ว่างเปล่าแต่ในที่สุดเธอก็เริ่มยิ้มออกมาได้….ดูแลน้องสาวของข้าให้ทีนะ…..ดูแลคริสต้าเพื่อข้า คงไม่มีใครทำได้แล้วนอกจากเจ้า……”
“ไว้ใจข้าได้เลย พวกเราเป็นทั้งเพื่อนสมัยเด็กและผู้ร่วมมือ, ถูกไหม? เจ้าบอกข้าได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น, ข้าก็จะเป็นพลังให้กับเจ้า”
พอพูดจบ, เอลน่าก็ถอยไปหนึ่งก้าว
จากนั้นเธอก็ยิ้มให้ฉันอย่างสดใส
ฉันเคยเห็นรอยยิ้มนั้นมาก่อน
ตั้งแต่ที่ฉันได้รู้จักกับเธอ, นั่นคือรอยยิ้มในตอนที่เธอบอกว่าจะปกป้องฉัน
เข้าใจหล่ะ เธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสินะ
ถึงยังไงเอลน่าก็ยังคงเป็นเพื่อนของฉัน
…
“พี่อัล! อย่าไปเลยนะ…..!”
“คริสต้า ทำแบบนั้นอัลจะลำบากใจเอานะ”
ท้ายที่สุดแล้ว, เอลน่าก็บอกปัดภารกิจโดยใช้เหตุผลเรื่องทะเลสาบ
เธอสารภาพกับท่านพ่อตามตรงว่าเธอกลัวน้ำ
สำหรับฉันกับลีโอ, เธอฝืนตัวเองทำหน้าที่เป็นคนคุ้มกันของพวกเราเมื่อครั้งที่ผ่านมาแต่เนื่องจากเธอรู้ว่าเธอจะเป็นตัวถ่วงในภารกิจครั้งนี้แน่ๆ, เธอก็เลยอยากจะบอกปัดงานของเธอ
ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้, ท่านพ่อรู้เรื่องนั้นและส่งอัศวินหลวงคนอื่นไปทำภารกิจแทน
จากนั้นท่านแม่ก็มาบอกท่านพ่อว่าเธออยากให้เอลน่ามาเป็นคนคุ้มกันของเธอซักพักเพราะเธออยากฟังเรื่องราวของพวกเรา, ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เชื่อถือได้
ซึ่งท่านพ่อก็ยอมอนุญาต บางทีเขาคงคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะให้เอลน่าได้พักผ่อนเหมือนกัน
และตอนนี้ฉันก็กำลังบอกลาท่านแม่กับคริสต้าก่อนที่จะออกจากเมืองหลวง
“เอลน่าจะอยู่กับพวกเรานะ”
“ไม่เอา…..! ข้าอยากอยู่กับท่านพี่อัล……!”
“…คริสต้า เชื่อใจข้าไหม?”
“อื้ม…..”
“ดีมาก”
ในขณะที่กำลังลูบศรีษะของเธอแล้วเธอก็เข้ามากอดฉัน, ฉันก็รู้สึกใจหาย
ต่อให้ฉันฝืนจากไปทั้งแบบนี้เลย, คริสต้าก็อาจจะไม่ไว้ใจเอลน่า
เอาเถอะ, ฉันก็ไม่ได้อะไรมากแต่ฉันอยากทำให้เธอไว้ใจเอลน่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะฉะนั้นฉันก็เลยพูดความในใจออกมา
“ถ้างั้นข้าจะฝากดาบที่ข้าไว้ใจมากที่สุดเอาไว้กับเจ้านะ”
“ดาบหรอคะ…..?”
“ใช่แล้ว มันคือดาบที่ดีที่สุดในทวีปนี้ มันจะปกป้องเจ้าจากอันตรายทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรเจ้าก็สามารถพึ่งพามันได้ ถ้าเจ้ารู้สึกสิ้นหวังเจ้าก็สามารถเรียกชื่อของมันแทนข้าได้ มันจะเข้ามาช่วยเหลือเจ้าอย่างแน่นอน”
“แต่ว่า….”
“ยังไม่พอใจอีกหรอ? มันคือดาบที่ข้าเชื่อใจที่สุดเลยนะรู้รึเปล่า? มันเคยปกป้องข้ามาหลายครั้งแล้ว ถึงขนาดนี้, เจ้ายังไม่พอใจอีกหรอ?”
“…..อ..อื้ม”
“เด็กดี ไม่เป็นไรนะ เอลน่าจะปกป้องเจ้ากับริต้าแทนข้า”
พอพูดจบ, ฉันก็กอดคริสต้าแน่นแล้วหันหลังเตรียมแยกกับเธอ
เอลน่าอยู่ที่นี่ด้วย
“ฝากดูแลน้องสาวของข้าด้วยนะ”
“ไว้ใจได้เลย
ด้วยการพูดคุยกันสั้นๆ, ฉันก็เริ่มเดินต่อ
ฉันไม่ได้หันกลับมา
ตอนนี้มันไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว