การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 75
“ท่านพี่! ท่านพี่ลีเซ!”
“อะไรอีกหล่ะ? เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรอ?”
ท่านพี่ลีเซตอบกลับอย่างหงุดหงิด
น้ำเสียง, สีหน้า, ความอดทน, ทุกอย่างของเธอกำลังบอกเป็นนัยๆว่า [ตอนนี้อย่าพึ่งมายุ่งกับข้า] เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ, ฉันก็คงจะไม่เข้าใกล้เธอในสภาพนี้
แต่ครั้งนี้ถือเป็นข้อยกเว้น
“ครับ, ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับท่านพี่เยอะเลยหล่ะ เอาจริงๆท่านยังสะสางไม่จบซักเรื่องเลยด้วยซ้ำ”
“ข้าก็ปฏิเสธเยอร์เกนไปอย่างชัดเจนเหมือนที่เจ้าบอกข้าแล้วไม่ใช่รึไง? เจ้ายังมีอะไรที่ไม่พอใจอีก?”
“ถ้ามันมาจากใจจริงของท่านพี่ข้าก็คงจะไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นไม่ใช่หรอ?”
“พูดอะไรของเจ้ากัน? มันมาจากใจจริงของข้าล้วนๆเลยต่างหากหล่ะ”
“ท่านพี่นี่โกหกไม่เก่งเอาซะเลยนะครับ”
ถ้าดูจากสีหน้า, มันไม่มีทางอยู่แล้วที่เธอจะพูดจากใจจริง
นอกจากนี้, ดูเหมือนเธอจะรู้สึกเสียใจกับมันมากกว่าด้วยซ้ำ
“พวกเราเดินไปคุยไปดีไหมครับ? ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านพี่ด้วย”
“ข้าไม่มีอารมณ์”
“งั้นหรอครับ…..อันที่จริง, คริสต้าพึ่งจะมีเพื่อนใหม่เป็นผู้ชายด้วยนะครับท่านพี่รู้รึเปล่า”
“ว่าไงนะ!? ผู้ชายแบบไหน!? เป็นคนไม่ได้ความรึเปล่า!? แล้วอายุเท่าไหร่”
“ข้าโกหกครับ”
สีหน้าของท่านพี่นิ่งค้างไปพักนึง
จากนั้น,
“อย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนเจ้าจะอยากรับบทเรียนจากข้าหลังจากที่ไม่ได้เจอมานานสินะ?”
“เหวอ!? ข้าก็แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง! ขำๆไงครับ! แต่ถ้าท่านพี่มองไม่ออกว่ามันเป็นเรื่องโกหกก็แสดงว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ท่านพี่ไม่รู้ไม่ใช่หรอครับ?”
พอหยุดมือของท่านพี่ไม่ให้ขยับไปที่ดาบตรงเข็มขัดของเธอได้, ฉันก็ยิ้มเจื่อนๆ
ท่านพี่คิดอยู่พักนึงแล้วจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
“…..แค่แป๊บเดียวนะ”
“นั่นมันขึ้นอยู่กับท่านพี่ครับ เอาเป็นว่ามาเดินคุยกันเลยดีกว่า”
พอพูดจบฉันก็เริ่มมาเดินข้างเธอ
ท่านพี่ยังคงเงียบอยู่ตลอดเวลา
ว่าแล้วเชี่ยว, ฉันต้องสร้างบรรยากาศที่เธอสามารถพูดได้สินะ
“ข้ามีหลายเรื่องที่กำลังสงสัยอยู่ครับ”
“ย่อมาให้เหลือแค่เรื่องเดียว”
“ก็ได้ครับ….งั้นเอาแค่เรื่องนี้ละกัน เมื่อสามปีก่อนเกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านพี่กับลีโอหรอครับ?”
เธอน่าจะคิดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามนี้
ท่านพี่ลีเซถลึงตากว้าง
จากนั้นเธอก็หันหนีฉัน
“เจ้าบอกว่าเจ้าจะถามแค่คำถามเดียวใช่ไหม?”
“…..มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ”
“บางที ท่านพี่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเมืองหลวงบ่อยๆตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหมหล่ะครับ? พวกเราพึ่งจะมาแลกเปลี่ยนจดหมายกันอย่างเดียวตั้งแต่ตอนนั้นด้วย จากมุมมองของข้า, มันดูเหมือนกับว่าท่านพี่พยายามจะหลีกเลี่ยงผู้คนอยู่นะครับ”
ท่านพี่ลีเซมองฉันอย่างรำคาญใจแล้วแหงนหน้ามองฟ้า
จากนั้น
“…เมื่อสามปีก่อน, ที่งานศพของมงกุฎราชกุมาร ข้าพยายามจะทำอะไรบางอย่างแล้วลีโอก็เข้ามาห้ามข้าเอาไว้”
“ท่านพี่พยายามจะทำอะไรหรอครับ?”
“ข้ากำลังจะฆ่าซูซาน”
“แบบนั้นมัน….”
แบบนั้นมันสมกับเป็นท่านพี่จริงๆ
และการห้ามเธอก็สมกับเป็นลีโอด้วย
เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ
หมอนั่นก็มีความลับของตัวเองอยู่หรอเนี่ย
“เธอเกี่ยวข้องกับความตายของทั้งแม่ข้าและมงกุฎราชกุมาร ข้าเชื่อว่าข้าควรกำจัดเธอก่อนที่หายนะจะเกิดขึ้นกับจักรวรรดิ….แต่ลีโอก็เข้ามาขวางข้า”
“ไม่ว่ายังไง….ข้าก็อยากฆ่าผู้หญิงคนนั้น ข้าคิดว่าข้าไม่สามารถอภัยให้เธอได้ นี่คือสาเหตุที่ข้าพยายามจะใช้กำลังฝ่าลีโอไปแต่…..ลีโอก็ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าข้าจะเอาชนะเขากี่ครั้ง, เขาก็จะบอกว่าข้าเป็นคนผิดแล้วเข้ามาขวาง”
“สมกับเป็นหมอนั่นจริงๆ”
“….ลีโอบอกว่าการพิพากษาควรจะดำเนินการผ่านกฏหมาย แต่กฏหมายมันไร้พลัง ท่านพี่ใหญ่ถูกฆ่าแต่กลับไม่มีหลักฐานการฆาตรกรรมเลย นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากฆ่าเธอด้วยตัวเอง….นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด และนี่ก็คือเหตุผลที่ข้าพยายามจะทำให้เขาหมดสติ แต่เขาก็ยังประคองสติเอาไว้ได้ แม้ว่าข้าจะเอาชนะเขาไปได้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม”
พอมาคิดดูแล้ว, หมอนั่นก็ขังตัวเองเอาไว้ในห้องอยู่พักนึงหลังจากงานศพของมงกุฎราชกุมารนี่นะ
ฉันคิดว่าเขากำลังตกใจแต่บางทีเขาอาจจะแค่ปกปิดรอยแผลจากการต่อสู้ก็ได้
“แม้จะโดนไปขนาดนั้น…ลีโอก็ไม่ยอมถอย เขาเอาแต่บอกว่าข้าเป็นคนผิดและท่านพี่ใหญ่ไม่ได้ต้องการแบบนี้ แต่ว่า….ราชวงศ์ตายไปแล้วสองคน…..ข้าคงไม่สามารถอยู่เงียบๆแล้วยอมรับมันได้หรอกข้าก็เลยบอกเขาว่าให้หยุดพูดถึงอุดมคติของตัวเองซักที ข้าขอให้เขาเข้าใจความรู้สึกของข้าที่สูญเสียแม่ของตัวเองและพี่ชายที่ข้าสาบานว่าจะคอยสนับสนุนไป แต่ไม่ว่าเขาจะเข้าใจเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกทิ้งให้มีชีวิตอยู่รึเปล่านั้น….เขาก็ถามข้ากลับมาว่า, จะเกิดอะไรขึ้นกับคริสต้าถ้าข้าไม่อยู่แล้ว สมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆของข้าหล่ะ? จักรวรรดิหล่ะ? ท่านพี่พยายามจะปกป้องอะไรกันแน่? เขาบอกว่าสิ่งที่ข้าพยายามจะทำมันก็แค่การโยนความรับผิดชอบของตัวเองทิ้งแล้วเลือกที่จะหนี”
“….แล้วท่านพี่ตอบลีโอกลับไปว่ายังไง?”
ท่านพี่ลีเซลดสายตากลับมามองฉัน สีหน้าของเธอเสียใจมาก
นี่คือครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอแสดงสีหน้าแบบนี้
“….ข้าพูดอะไรไม่ได้…..ข้าปล่อยให้เลือดขึ้นหน้า และก่อนที่ข้าจะรู้สึกตัว…..ข้าก็ไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อีก ข้าไม่มีสิทธิเผชิญหน้ากับลีโอที่อยู่ในสภาพร่อแร่ในตอนนั้น….นั่นคือสาเหตุที่ข้ากลับไปที่ชายแดนเหมือนกับว่าข้ากำลังหนีจากเขา”
“เข้าใจแล้วครับ ท่านยกโทษให้ตัวเองไม่ได้ก็เลยห้ามตัวเองไม่ให้ไปพบคนอื่นสินะครับ”
“….ใช่ ข้ายกโทษให้ตัวเองไม่ได้ ข้ากลัว ถ้าลีโอไม่ห้ามข้าเอาไว้ข้าก็คงจะทำเรื่องโง่ๆไปแล้ว ข้ากลัวตัวเอง…..ข้าหยุดผูกสัมพันธ์กับคนอื่นหลังจากนั้นมา ข้าตีตัวออกห่างใครก็ตามที่พยายามเข้าใกล้ข้า แต่, ข้าก็ไม่สามารถทิ้งเจ้า, คริสต้า….แล้วก็เยอร์เกนได้ ในตอนแรก, ข้าคิดว่าเยอร์เกนน่ารำคาญเพราะเขาเข้ามาตามตื้อข้าไม่ยอมเลิกราแต่ว่า…..ข้าก็รู้สึกขอบคุณเขา”
ก่อนที่พวกเราจะรู้ตัวพวกเราก็ขึ้นมาถึงหน้าผาใกล้กับคฤหาสน์แล้ว
ท่านพี่ปีนขึ้นไปอย่างเงียบๆจนไปถึงยอดจากนั้นเธอก็ไปนั่งตรงม้านั่งที่อยู่บนยอดหน้าผา
ท่าทีของเธอนั้นแตกต่างจากพี่สาวจอมวางมาดของฉัน
“[ข้าจะแต่งงานแค่กับคนที่สามารถตายด้วยกันกับข้าได้] คำพูดพวกนี้คือรากฐานสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้สินะครับ”
“….ถ้าข้าเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้, ข้าไม่รู้ว่าจะทำยังไง และในทางกลับกัน…..ข้าก็ไม่อยากทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวดด้วย ข้าเป็นทหาร ข้าเตรียมใจตายเอาไว้แล้ว แต่ว่า….ข้าไม่สามารถยอมรับความตายของคนอื่นที่ไม่ใช่ทหารได้”
“นั่นคือเหตุผลที่ท่านพี่เตะดยุคไรน์เฟลด์ออกจากกองทัพสินะครับ?”
“เยอร์เกนเป็นคนเก่ง ข้าสามารถปล่อยให้เขาจัดการกองทัพหรือจะให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของข้าก็ยังได้ แต่เขาไม่สามารถตายด้วยกันกับข้าได้ ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่ข้ารู้สึกได้”
“แต่ท่านพี่ก็ยังตัดสัมพันธ์กับเขาไม่ได้ เขาเป็นเพื่อนสนิทของท่านพี่ไม่ใช่หรอ?”
“….ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเขาคิดยังไงแต่จากมุมมองของข้า, เขาเป็นเพื่อนสนิท แต่ก็อย่างที่เจ้าว่า ข้าไม่ควรผูกสัมพันธ์กับเขา ข้า….ข้าถูกเขาตามใจมากเกินไป”
นี่คือสาเหตุที่เธอพูดแบบนั้นสินะ
จะบอกว่าไม่ถนัด, หรือว่ายังไงดี
บางทีเวลาของเธอน่าจะถูกหยุดไว้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน
เธอปิดกั้นใจจากทุกสิ่งทุกอย่างและให้ความสำคัญแค่กับหน้าที่ของเธอในฐานะทหาร
ฉันไม่สามารถโทษเธอได้ ท่านพี่คือคนที่สนิทกับมงกุฎราชกุมารมากที่สุด เธอเฝ้ามองเขา, สนับสนุนเขา เหมือนที่ฉันทำกับลีโอ
ถ้าลีโอจากไป…..ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงดี?
นี่มันเป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ ฉันเองก็น่าจะทำตัวเหมือนกับท่านพี่
แต่ฉันจะทำยังไงหล่ะถ้ามีคนมาหยุดฉัน?
ท่านพี่ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกที่ว่าไม่มีที่จะไปแล้ว
“จะให้ข้าบอกว่าข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านพี่ก็คงไม่ได้ ข้ายังไม่เคยสูญเสียคนสำคัญเลย มงกฎราชกุมารเป็นคนที่ข้ามองจากข้างล่างแต่ความสัมพันธ์ของเราในฐานะครอบครัวนั้นตื้นเขิน ข้ามีแค่ท่านแม่กับน้องชายเท่านั้น ยังไม่เคยมีคนสำคัญของข้าที่ถูกพรากไป แต่ข้าก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ข้าสามารถพูดได้”
“อะไรหล่ะ….?”
“ข้าคิดว่าท่านพี่เป็นคนในครอบครัว คริสต้าก็คงจะคิดแบบนั้น, ท่านแม่เองก็เช่นกัน, และบางทีลีโอก็น่าจะยังคิดแบบนั้น นี่คือสาเหตุที่การใช้ชีวิตของท่านพี่ทำให้เข้าเศร้า ข้าไม่คิดว่าท่านพี่จะค้นพบความสุขได้ถ้าท่านพี่ยังใช้ชีวิตแบบนี้”
“ข้าไม่ได้มองหาความสุข ความสุขที่ข้าวาดฝันเอาไว้หน่ะ…..มันพังทลายไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว”
“ลีโอจะสร้างความสุขขึ้นมาใหม่ให้ท่านพี่เอง เพราะฉะนั้นช่วยมองไปที่อนาคตข้างหน้าด้วยเถอะครับ, ท่านพี่”
มันไม่มีพลังการโน้มน้าวแฝงอยู่ในคำพูดพวกนี้
มันเป็นแค่การโฆษณาว่าลีโอที่พึ่งเข้าร่วมสงครามผู้สืบทอดนั้นจะสามารถสร้างอุดมคติที่ดีกว่ามงกุฎราชกุมารที่จากไปได้
ลีโอมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับมงกุฎราชกุมารและตัวเขาเองก็พยายามที่จะเป็นแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม, ไม่มีใครเคยพูดว่าเขาสามารถเทียบกับมงกุฎราชกุมารได้ ลีโอในตอนนี้เป็นเหมือนกับเวอร์ชันที่รองลงมาจากเขา
แต่ว่า
“ข้าจะชดเชยในส่วนที่ลีโอขาดไป พวกเราสามารถก้าวข้ามได้แม้กระทั่งพี่ชายคนโตสุดของเรา พวกเราจะแสดงให้ท่านพี่เห็นบางสิ่งที่ดียิ่งกว่าอนาคตในอุดมคติที่ท่านพี่วาดฝันเอาไว้กับเขา เพราะฉะนั้นช่วยลองเปิดใจดูอีกซักครั้งเถอะนะครับ”
“….เจ้าโตขึ้นนะ แต่อุดมคติที่ข้าวาดฝันเอาไว้กับพี่ใหญ่มันใหญ่กว่าที่เจ้าคิดเอาไว้มากรู้ไหม?”
“ถึงงั้นข้าก็จะลองดูซักตั้งครับ”
พอพูดจบ, ฉันก็จ้องตาของท่านพี่ลีเซ
สายตาของเธอนั้นแตกต่างจากปกติ
พวกมันคือความสงบสุข
“……การได้เห็นน้องชายโตขึ้นนี่มันเป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆนะ”
“งั้นหรอครับ? ถ้างั้นท่านพี่อาจจะรู้สึกแปลกกว่านี้ก็ได้นะครับถ้าได้เห็นลีโอ หมอนั่นเองก็โตขึ้นเหมือนกัน ทุกคนเติบโตขึ้นตั้งแต่ตอนที่มงกุฎราชกุมารจากไป ดยุคไรน์เฟลด์เองก็เหมือนกัน สำหรับผู้ชายที่พยายามจะกลายเป็นคนที่เหมาะสมกับท่านพี่อย่างเอาเป็นเอาตายนั้นมันไม่มีทางที่จะเป็นกันง่ายๆหรอกครับ ข้าไม่ได้สนหรอกว่าท่านพี่อยากแต่งงานกับเขารึเปล่าแต่ท่านพี่ก็ไม่ได้เกลียดเขาใช่ไหมหล่ะครับ?”
“นั่นสินะ….เขาคือคนที่ทุ่มเทเพื่อข้าอย่างมาก ข้าคิดว่าข้าค่อนข้างชอบเขาอยู่ แต่ก็แน่นอนว่า, ข้าไม่ได้มองเขาในฐานะเพศตรงข้ามหรอกนะ”
“ถ้างั้นก็ไปบอกเขาแบบนั้นแหล่ะครับ ถึงยังไงการไปตัดสัมพันธ์กับเขาแบบนี้มันก็น่าเสียดายนะครับ”
“ก็จริงอยู่แต่ว่า…..”
ท่านพี่ดูกังวล
อย่าบอกนะว่า
“ท่านพี่รู้สึกอึดอัดใจสินะครับ?”
“ก, ก็แน่หล่ะสิ, มันน่าอึดอัดอยู่ไม่ใช่รึไง!? ข้าพึ่งจะพูดแบบนั้นกับเขาไปนะ? แล้วตอนนี้ถ้าไปเจอเขาจะให้ข้าพูดยังไงหล่ะ!?”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ ถ้าท่านพี่จริงใจกับเขา, ข้ามั่นใจว่าคนๆนั้นคงไม่ถือสาอะไรหรอก”
“แต่ข้าถือ! ข้าไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง! เจ้าต้องไปพูดกับเขาแล้วบอกเขาในสิ่งที่ข้าพูด! นี่แหล่ะคือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว”
“ท่านพี่นี่เป็นตัวปัญหาจริงๆเลยนะครับ…..”
“เจ้าว่าไงนะ? ถ้าเจ้าเป็นน้องชายของข้าเจ้าก็ควรพยายามช่วยพี่สาวของเจ้าสิ! ในเมื่อเจ้ายื่นมือช่วยเยอร์เกน, ข้าก็คงไม่ยอมให้เจ้าปฏิเสธข้าหรอกเข้าใจไหม!?”
เห้อ, ฉันควรช่วยเยอร์เกนเรื่องคำขอแต่งงานของเขาแต่มันมากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย
ถ้าเป็นเยอร์เกนหล่ะก็แค่ท่านพี่บอกว่า ‘ขอโทษนะ, ข้าพูดแรงไปหน่อย’ เขาก็คงจะน้ำตาแตกด้วยความสุขในทันที แต่ดูเหมือนว่าศักดิ์ศรีของเธอจะไม่ยอมให้เธอพูดแบบนั้นสินะ
ว่าแล้วเชียว, เธอนี่มันตัวปัญหาจริงๆ
เอาเถอะถึงแม้มันจะแค่เล็กน้อย, แต่ก็ยังดีที่ท่านพี่เริ่มกลับมาเป็นตัวเองแล้ว
ค่อยๆจัดการเรื่องนี้ไปละกัน ถึงยังไงเรื่องแบบนี้รีบไปก็ไม่ดี
ในขณะที่ฉันกำลังคิดแบบนั้น, ก็มีคนๆนึงขึ้นมาบนหน้าผา
“หืม? เจ้าเป็นพ่อบ้านของดยุคไรน์เฟลด์ไม่ใช่หรอ?”
“ในที่สุดข้าก็เจอพวกท่านซักที! ม, มีรายงานเข้ามาหาพวกท่านทั้งสองคนครับ! มีสัญญาณไฟสีม่วงถูกจุดขึ้นจากทางใต้ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างที่น่าจะคุกคามทั้งจักรวรรดิ!”
สัญญาณไฟสีม่วงคือสัญญาณของภัยฉุกเฉินระดับสูงสุด ในตอนที่จุดมันขึ้นมา, มันก็จะถูกส่งต่อไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิผ่านสถานีที่ติดตั้งเอาไว้ตามที่ต่างๆ
มันคือสัญญาณที่เคยใช้ในตอนที่มงกุฎราชกุมารตายในสนามรบเมื่อสามปีก่อน
และตอนนี้สัญญาณนั้นก็ถูกจุดขึ้นมาจากทางใต้
“ลีโอ…..?”
ฉันหันไปมองทางใต้โดยไม่รู้ตัว
มันเหมือนกับเมื่อวันนั้นเลย
ดูเหมือนว่าจุดเปลี่ยนของโชคชะตามักจะเข้ามาในตอนที่ไม่ทันได้เตรียมตัวตลอดสินะ
ด้วยกันกับท่านพี่, พวกเราก็เริ่มวิ่งออกไปพร้อมกัน