การผจญภัยของจอมเวทย์ที่ชอบเล่นชู้กับเมียชาวบ้าน - ตอนที่ 3 เรนกะผู้ไม่ชินกับการต้องพึ่งพาคนอื่น
- Home
- การผจญภัยของจอมเวทย์ที่ชอบเล่นชู้กับเมียชาวบ้าน
- ตอนที่ 3 เรนกะผู้ไม่ชินกับการต้องพึ่งพาคนอื่น
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่ชินจิเข้าร่วมปาร์ตี้ “หมาป่าคะนอง”
ภารกิจการผจญภัยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี อันดับของปาร์ตี้เลื่อนขั้นจากระดับล่างเป็นระดับกลาง และจากการยกระดับนี้จึงได้สิทธิ์ในการเข้าสำรวจดันเจี้ยนแห่งใหม่
“ฉันจะเป็นคนนำหน้า อัลกับมี่อยู่ตรงกลาง และชินจิคอยระวังอยู่ด้านหลัง”
“”””เข้าใจแล้ว!!”””” ทุกคนขานรับ
เรนกะเดินนำหน้า ชินจิอัญเชิญเฟรรี่ซึ่งเป็นภูตินางไม้ออกมาบนไหล่ของเขา และมอบหมายหน้าที่ให้คอยเฝ้าระวังจากด้านหลัง อัลวินและมีลิสเริ่มเดินด้วยสีหน้าตื่นตัว
มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนเมื่อถูกกำจัด จะสลายหายไปเหลือทิ้งไว้แต่หินเวทย์มนตร์ ที่เรียกว่า ก้อนผลึกพลังงาน ยิ่งมอนสเตอร์แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ปริมาณพลังงานในหินเวทย์มนตร์ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย แต่พลังงานจะลดลงเรื่อยๆ หากสัมผัสอากาศภายนอกเป็นเวลานาน จึงต้องมีกระเป๋าพิเศษไว้สำหรับเก็บหินเวทย์มนตร์ และต้องมีหนึ่งคนในปาร์ตี้ทำหน้าที่แบกกระเป๋านี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องตัดสินใจว่า จะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบทำหน้าที่นี้
“แน่ใจเหรอว่าชินจิอยากจะรับหน้าที่นี้?”
“ใช่แล้ว มันดูจะเหมาะสมกว่านะ ถ้าพรานสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวกว่าจอมเวทย์ในการต่อสู้”
เมื่อเรนกะกำลังจะคว้ากระเป๋า ชินจิได้หยุดไว้ และอธิบายเหตุผลให้ฟัง เธอจึงตัดสินใจฝากกระเป๋าไว้ที่ชินจิ
จนถึงตอนนี้ ก่อนที่ชินจิจะเข้าร่วมปาร์ตี้ เรนกะเป็นคนแบกกระเป่ามาตลอด เพราะถ้าให้อัลวินซึ่งเป็นแนวหน้าในการต่อสู้รับหน้าที่นี้ มันจะกลายเป็นภาระต่อการเคลื่อนไหว และเรนกะก็คงไม่ให้มีลิสที่อายุน้อยกว่าเธอเป็นคนแบกสัมภาระแน่นอน
“บอกตามตรงมันช่วยฉันได้มากเลย เพราะยังไงสัมภาระมันก็เป็นอุปสรรคต่อการจู่โจม”
“จริงเหรอเรนกะ ถ้าเธอบอกฉันแต่แรก ฉันก็จะช่วยแบกให้นะ”
“ต้องขอบคุณเรนกะจัง… ขอโทษนะที่ไม่ทันคิดว่ามันไม่สะดวกมาตลอดเลย”
“นายเป็นแนวหน้าแบกของหนักมันจะทำให้ไม่คล่องตัวนะ! แล้วก็มี่ ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากให้เธอต้องลำบาก”
หลังจากชินจิใช้เวลาร่วมกับปาร์ตี้มาหนึ่งสัปดาห์ ได้สังเกตว่า เรนกะมักจะเป็นผู้ชี้นำหรือสั่งการ คงเพราะเธออายุมากกว่าอัลวินและมีลิส เขาเดาว่าเรนกะอาจจะไม่คุ้นเคยต่อการพึ่งพาคนอื่นมาก่อน
“จากนี้ไปหวังว่าเธอจะพึ่งพาฉันในฐานะพวกพ้องให้มากขึ้น ฉันก็จะคาดหวังในตัวเธอเช่นกัน”
ชินจิพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทำให้เรนกะหยุดเดินและหันกลับไปมอง ด้วยสีหน้าเขินอายและมีความสุข เธอแสดงรอยยิ้มที่ยากจะบรรยาย
“….นั่นสิ พวกเราเป็นพวกพ้องกัน ฉันก็จะเชื่อใจนายเช่นกัน”
หลังจากพูดจบ เธอก็หันกลับไปแล้วเริ่มเดินนำอีกครั้งแต่ก้าวเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อย
“เธอเขินซะแล้ว”
“เรนกะจัง น่ารักมาก”
“เอาล่ะ ทั้งสองคนอย่าประมาท รีบไปกันต่อได้แล้ว”
ชินจิตัดบทให้อัลวินกับมีลิสเลิกกระเซ้าเย้าแหย่กัน ทั้งคู่เลยกลับมาใจจดใจจ่อกับภารกิจ อัลวินจึงเลิกล้อเลียนเรนกะ และมีลิสที่รู้สึกว่าต้องเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ที่จะไม่หยอกล้อคนอื่นให้เขินอาย
“มาหยุดพักกันก่อนเถอะ”
เมื่อมอนสเตอร์ถูกกำจัดไปจำนวนนึงแล้ว อัลวินจึงพูดขึ้นมา ทั้งสามคนตกลงตามนั้นและรวมตัวกันที่มุมห้อง
“ชินจิซัง พวกเราเข้ามาในดันเจี้ยนลึกประมาณไหนแล้ว”
“ก็สำรวจได้ประมาณ 60% ได้แล้วล่ะ ถ้าไปต่อด้วยความเร็วระดับนี้ แล้วจะตรวจสอบอีกทีนะ”
“ดีเลย นี่อาหารและน้ำสำหรับทุกคน”
“ขอบใจนะ! มี่”
ชินจิวางสัมภาระไว้ตรงกลางของทุกคน อัลวินตรวจสอบของในกระเป๋าอีกครั้ง มีลิสเตรียมสำรับอาหารพกพาสำหรับแต่ละคน อัลวินกินดื่มไปแล้วเช็คสัมภาระไปด้วย แต่เรนกะยังไม่รับอาหารและมองไปยังชินจิ
“เธอพักก่อนเถอะเรนกะ ฉันจะให้เฟรรี่คอยเฝ้าระวังให้”
มันเป็นการรับช่วงต่อในการเฝ้ายาม แต่เรนกะอดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง
“ฉันจะเฝ้าระวังให้เอง”
“เธอเคลื่อนไหวไปมามากกว่าฉันใช่ไหมล่ะ? ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันบ้างจะดีกว่านะ”
เรนกะค้อนตาไปยังชินจิ เพราะคิดว่าเขาแค่อยากจะดูเท่ต่อหน้าเธอ แต่ชินจิไม่แสดงปฏิกริยาอะไรและทำตัวเป็นธรรมชาติเหมือนปกติ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรผิด เพราะร่างกายของเรนกะตอนนี้ก็ต้องการน้ำและอาหารเช่นกัน เธอจึงเลิกเถียง แล้วบอกว่า “ฝากด้วยก็แล้วกัน”
“แล้วฉันจะรับช่วงต่อทีหลัง”
ด้วยเหตุนี้ ชินจิจึงออกจากจุดที่พักมุมห้อง
“ฉันขอโทษนะเรนกะจัง ที่ต้องคอยพึ่งพาตลอดเวลา… ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยจนตอนนี้”
เมื่อชินจิออกไปสักพัก ทุกคนกินอาหารเสร็จแล้ว มีลิสจึงเอ่ยขอโทษต่อเรนกะ เรนกะจึงนิ่งอึ้งกับสิ่งนี้
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากจะทำเอง!”
ซึ่งเป็นความจริงว่า เรนกะมักจะริเริ่มทำนั่นนี่เอาเองก่อนโดยไม่เคยปรึกษาอัลวินและมีลิส อัลวินเลยรู้สึกเสียใจและสำนึกผิด
“ไม่เลย ฉันควรจะสังเกตเห็นแต่แรก เพียงแต่เรนกะไม่เคยพูดอะไร ฉันก็เลยมองข้ามไป ฉันเสียใจ”
“พอได้แล้วอัล! ชินจิก็บอกแล้วไงว่าจะช่วยแบ่งเบาตั้งแต่นี้ไป!”
พวกเขาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดที่ออกมาจากปากเรนกะที่กำลังดูร้อนรน
“งั้นพวกเราจะช่วยเท่าที่จะทำได้”
“ชินจิซัง มีความเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้รู้ว่า กำลังเป็นภาระให้กับเรนกะจังมากเกินไป”
“ก็…นะ หมอนั่นก็พึ่งพาได้อยู่”
เฮอะ….เรนกะหันหลังให้ทั้งสองคน เมื่อเห็นเช่นนั้น อัลวินก็รู้สึกได้ว่า เรนกะได้ยอมรับชินจิเป็นสหายอย่างแท้จริงแล้ว