การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 1 ยุคแห่งการเกิดใหม่ของหญิงสาวในวันสิ้นโลก
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 1 ยุคแห่งการเกิดใหม่ของหญิงสาวในวันสิ้นโลก
บทที่ 1 ยุคแห่งการเกิดใหม่ของหญิงสาวในวันสิ้นโลก
บทที่ 1 ยุคแห่งการเกิดใหม่ของหญิงสาวในวันสิ้นโลก
“ซวงเอ๋อร์…”
“พี่สาว…”
เสียงกรีดร้องเสียดหูดังขึ้นที่ข้างหูของหญิงสาว เธอรู้สึกว่าหัวของเธอตื้อไปหมด ทั้งยังปวดอย่างรุนแรง เธอตายไปพร้อมกับราชาซอมบี้ไม่ใช่รึไง? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แล้วทำไมถึงรู้สึกเจ็บอย่างนี้ล่ะ?
พอคิดถึงเรื่องนั้น เธอก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ก่อนที่เธอจะได้สติ เสียงทุบตีและเสียงก่นด่าก็ดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง
“เรียกมันขึ้นมา อย่าคิดว่าแกล้งตายแล้วจะรอด เหอะ…ยัยผู้หญิงไร้ประโยชน์กับไอ้พวกขี้แพ้ ฉันรู้สึกโชคร้ายทุกวันที่ต้องมาทนเห็นหน้าพวกแกสามคนแม่ลูก จนฉันทนแทบไม่ไหวแล้ว” ขณะเดียวกัน ก็มีชายคนหนึ่งสบถออกมาเหมือนว่าเขากำลังค้นหาบางอย่างอยู่
โครม…
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วหาเงินไม่เจอ เขาจึงเตะเก้าอี้ผุผังที่อยู่แถวนั้นกระเด็น และมองที่เฮ่อหลานแล้วพูดว่า “เงินอยู่ที่ไหน ส่งมาเร็วเข้าไม่งั้นพวกแกสามคนแม่ลูกได้เห็นดีกันแน่”
ใบหน้าช้ำเลือดช้ำหนองของเฮ่อหลานที่ยังเจ็บปวดอยู่ และร่างกายผอมบางของเธอก็สั่นเทา “ฉันไม่มีเงินแล้ว”
ตั้งแต่แต่งงานกับถังเจี้ยนกั๋ว เธอทำงานเหมือนวัวเหมือนควายในครอบครัวนี้ เพียงเพราะเธอให้กำเนิดของบุตรสาวถึงสองคน คนทั้งตระกูลถังจึงดูถูกเธอขนาดนี้ ถังเจี้ยนกั๋วเองก็ทุบตีเธออยู่ตลอด และตอนนี้เขาก็จะทำร้ายลูกสาวของเธอด้วย
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วได้ยินเฮ่อหลานพูดดังนั้น เขาก็ปรี่เข้ามาด้วยความโกรธแล้วจับตัวเฮ่อหลานขึ้น “อย่ามาโกหก! ฉันเห็นนะ ว่าแกทำผ้าเช็ดหน้าปักลายขาย ส่งเงินนั่นมาให้ฉันซะ”
“ไม่!”
เฮ่อหลานกัดฟันไม่ยอม ตอนนี้เธอมีเงินอยู่เพียงไม่กี่หยวน เพื่อปกป้องเธอ ซวงเอ๋อร์ถูกถังเจี้ยนกั๋วผลักล้มลงจนหัวกระแทกกับพื้นสลบไป ดังนั้นเธอต้องเก็บเงินนี้ไว้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของซวงเอ๋อร์ลูกสาวของเธอ
“เจี้ยนกั๋วหัวของซวงเอ๋อร์บวมมาก ฉันต้องพาเธอไปที่สถานีอนามัย” อยู่ ๆ เฮ่อหลานก็ใจแข็งขึ้นมา และพยายามเอื้อมมือไปพยุงถังซวงให้ลุกขึ้นมา
“ฮึ่ม…ก็แค่เด็กเหลือขอ ทำไมไม่ปล่อยให้มันตายไปซะ!”
ถังเจี้ยนกั๋วโกรธเลือดขึ้นหน้า เขาผลักเฮ่อหลานออกไป และตอบเธอ “ได้ บอกว่าไม่มีเงินสินะ ถ้าแกไม่มีเงินแล้วจะไปที่สถานีอนามัยได้ยังไง? รีบเอาเงินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นวันนี้ฉันฆ่าแกแน่”
“ฉันไม่มีเงินจริง ๆ”
เฮ่อหลานมองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง ลูกสาวของเขาหัวกระแทกจนสลบไปเลยนะ ทำไมยังมีหน้ามาคิดถึงแต่เรื่องเงินอยู่
“ฉะ…ฉันจะไม่ให้เงินคุณ ฉันจะไม่ให้เงินคุณ”
เมื่อเห็นว่าเห็นเฮ่อหลานโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า ถังเจี้ยนกั๋วจึงเข้าไปทำร้ายร่างกายเธออีกรอบ
“อา…ไม่นะ อย่าตีแม่”
ถังเซวี่ยที่ดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ ร้องตะโกนห้าม แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
ในเวลานี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าถังซวงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ประกายเย็นยะเยือกวูบไหวอยู่ในนัยน์ตาของเธอ จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ พยุงร่างกายตัวเองยืนขึ้นแล้วหยิบเก้าอี้ที่ถังเจี้ยนกั๋วเตะล้มไปเมื่อกี้ขึ้นมา ฟาดเข้าที่ศีรษะเขาอย่างแรง
“โอ๊ยย…”
เสียงกรีดร้องราวกับหมูโดนเชือดดังขึ้น ถังเจี้ยนกั๋วทรุดลงไปนั่งกับพื้น เอามือกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด พอเห็นว่าเป็นถังซวงที่ตีเขาด้วยเก้าอี้ไม้ ก็ระเบิดอารมณ์ออกมา “หน็อยแน่! แกนี่มันเป็นเด็กเวรจริง ๆ กล้ามากนะ แกกล้ามากนะที่มาตีฉัน ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ซ้อมแกให้ตายอย่ามาเรียงฉันว่าถังเจี้ยนกั๋วเลย”
หลังจากนั้นไม่นาน ถังเจี้ยนกั๋วก็พุ่งไปข้างหน้าหมายจะจัดการเธอ
“ซวงเอ๋อร์… หนีไปลูก!”
เฮ่อหลานมองลูกสาวคนโตอย่างกังวลใจ ไม่กล้าจินตนาการไปถึงสภาพของลูกสาวหลังถูกซ้อมเลยแม้แต่น้อย
ทว่าท่าทางของของถังซวงนั้นดูแปลกไป ไม่เพียงแต่จะไม่หลบหนีเท่านั้น แต่กลับมีรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปาก “ทันเวลาพอดี สวะอย่างแกอยู่ไปก็รกโลก”
เมื่อกี้นี้มีความทรงจำแปลก ๆ แล่นเข้ามาในหัวของเธอ และความทรงจำนี้น่าจะเป็นความทรงจำทั้งหมดในชีวิตอันแสนสั้นของเจ้าของร่างเดิม
เธอมีชื่อว่า ‘ถังซวง’ ลูกสาวคนโตของถังเจี้ยนกั๋ว ลูกชายคนโตของตระกูลถังแห่งหมู่บ้านหลู่ฮวา ในช่วงปี 1970 เธอช่วยแม่ซักผ้า ทำอาหาร ให้อาหารหมูและไก่มาตั้งแต่จำความได้ ดังนั้น เจ้าของร่างเดิม แม่ และถังเซวี่ยผู้เป็นน้องสาว ต่างมีสถานะต่ำสุดในตระกูลนี้ พวกเธอสามคนแม่ลูกไม่มีกระทั่งอาหารหรือเสื้อผ้าเพียงพอ แถมร่างกายของทั้งสามยังซูบผอมราวกับผู้ลี้ภัย
ส่วนถังเจี้ยนกั๋ว ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าพ่อก็ทุบตีและก่นด่าสามแม่ลูกมาตั้งแต่เธอยังแบเบาะ
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ถังเจี้ยนกั๋วทำร้ายพวกเธอ เพราะไม่มีเงิน และเมื่อตะกี้นี้ถังซวงก็ถูกผลักลงกับพื้นเพราะเธอเข้าไปหยุดถังเจี้ยนกั๋วเพื่อช่วยมารดา จนศีรษะของเธอไปกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง ชีวิตอันแสนสั้นของเธอล่องลอยจากไปอย่างสงบ
พอรู้แบบนั้น เธอก็รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา
พ่ออย่างถังเจี้ยนกั๋วควรมีชีวิตอยู่ต่อไปงั้นเหรอ? น่าเสียดายนี่เป็นปี 1970 ไม่ใช่วันสิ้นโลกที่มีเต็มไปด้วยความโกลาหล เธอจึงไม่สามารถฆ่าเขาได้
“จุ ๆ …แกนี่มันชั้นต่ำจริง ๆ”
เธอหยิบเก้าอี้ตัวเล็กขึ้นมาอีกครั้งแล้วฟาดลงไปที่เขาอีกรอบ แต่เธอควบคุมพละกำลังของเธอไว้เพื่อไม่ให้ฟาดถังเจี้ยนกั๋วตายไปในทันที แต่ทุกครั้งที่เธอฟาดลงไปก็จะเล็งให้โดนจุดที่เจ็บที่สุด ถังเจี้ยนกั๋วที่ถูกทุบตีอย่างหนักก็ตะโกนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“อ๊ากกก… นังถังซวง นังสารเลว ฉันจะฆ่าแก”
ไม่ว่าถังเจี้ยนกั๋วจะตะโกนสุดเสียงแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เขาถูกถังซวงไล่ต้อนจนมุมและจัดการอย่างอยู่หมัด
เฮ่อหลานกับถังเซวี่ยถึงกับตกตะลึง ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“อ๊ากกก…”
เมื่อถูกตีเข้าที่หลังอีกครั้ง ในที่สุดถังเจี้ยนกั๋วก็รู้ถึงสถานการณ์ของตัวเขาดี เขาจ้องมองที่ถังซวงอย่างโกรธแค้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความอำมหิต “รอฉันก่อนเถอะ นังชาติชั่ว” หลังจากพูดจบ เขาก็หนีเตลิดไป
หลังจากที่ถังเจี้ยนกั๋วจากไป ในที่สุดเฮ่อหลานก็ได้สติ เธอรีบเข้าไปดูถังซวง และถามอย่างเป็นห่วงว่า “ซวงเอ๋อร์ อาการบาดเจ็บที่หัวของลูกเป็นอย่างไรบ้าง แม่จะพาลูกไปที่สถานีอนามัยเดี๋ยวนี้”
เมื่อมองไปที่เฮ่อหลาน ถังซวงส่ายหัวและพูดว่า “หนูสบายดีค่ะ”
ขณะที่พูด เธอหันมองไปรอบตัวเธออย่างช้า ๆ บ้านอิฐคับแคบและมืดมน เตียงไม้เก่า ๆ ตู้เก็บของที่อับชื้น มีโต๊ะกลมเล็ก ๆ ที่สีลอก และเก้าอี้โทรม ๆ สองสามตัวตรงมุมห้อง แต่สิ่งที่เตะตาเธอที่สุดคือ ปฏิทินติดผนังที่เต็มไปด้วยลำดับเหตุการณ์
เมื่อเข้าไปมองใกล้ ๆ ถังซวงก็รู้ว่าตอนนี้เป็นเดือน 7 ปี 1975
แต่ก่อนที่ถังซวงจะได้มองอย่างละเอียด ถังเซวี่ยก็วิ่งเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“พี่สาว พี่แข็งแกร่งมากเลยค่ะ ฉันคิดว่าวันนี้ฉันจะถูกพ่อซ้อมจนตายซะแล้ว ไม่คิดเลยว่าพี่จะจัดการพ่อได้”
เมื่อเห็นนัยน์ตาที่สดใสของเด็กสาวตัวน้อย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะพลางพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้ถังเจี้ยนกั๋วทำร้ายเธออีกแล้ว”
“ซวงเอ๋อร์ นี่ลูก…”
เฮ่อหลานมองไปที่ลูกสาวคนโตตรงหน้า และรู้สึกว่าลูกสาวตนเองเปลี่ยนไป เธอทุบตีพ่อตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเรียกถังเจี้ยนกั๋วด้วยชื่อของเขาตรง ๆ อีก ทั้งหมดนี้ทำให้เธอประหลาดใจมาก
ถังซวงคิดเรื่องนี้อยู่สักพัก เธอจึงมองไปที่เฮ่อหลานและพูดว่า “แม่คะ ที่จริงแล้วหนูเกือบตายแล้วล่ะ”
“อะไรนะ…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเฮ่อหลานก็กระตุกวูบ ดึงถังซวงเพื่อออกไปข้างนอก ก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกว่าลูกสาวของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะหลังจากที่เธอล้มลงก็หมดสติไปทันที แสดงว่าตอนนี้เธอยังเจ็บศีรษะอยู่
ถังซวงลูบที่หลังมือของเฮ่อหลานอย่างปลอบประโลมและพูดว่า “แม่ ฟังหนูก่อน”
เมื่อเห็นท่าทีที่ผ่อนคลายของลูกสาวคนโต ความกระวนกระวายของเฮ่อหลานก็หายไปแบบไม่รู้ตัว มองไปที่เธอและรอฟังอย่างเงียบ ๆ
“แม่เคยคิดจะหย่ากับถังเจี้ยนกั๋วไหม?”