การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 10 พยาน
บทที่ 10 พยาน
บทที่ 10 พยาน
เมื่อแม่ม่ายหลิวได้ยินคำพูดของพ่อเฒ่าถัง ก็ได้แต่ยืนนิ่ง “ทำไมถึงต้องเข้าไปด้วยล่ะ ถ้าคุณต้องการพูดอะไร ก็พูดให้ชัดเจนที่นี่ตรงนี้เถอะ”
พ่อเฒ่าถังมองไปที่แม่ม่ายหลิว และพูดว่า “ถ้าเธอยังสร้างปัญหาต่อไป ก็ไม่สำคัญว่าเธอจะมีลูกเจี้ยนกั๋วอยู่ในท้องหรือไม่ ไสหัวไปซะ”
“คุณ…”
เมื่อเห็นพ่อเฒ่าถังกล่าวเช่นนี้ หัวใจของแม่ม่ายหลิวก็สั่นสะท้าน และก็รู้สึกว่าชายชราคนนี้จัดการยากยิ่งกว่าแม่เฒ่าถัง เธอไม่รู้จะทำอย่างไร แต่แล้วถังซวงก็พูดขึ้นมา
“พ่อเฒ่าถัง ถ้ามีอะไรจะพูดก็แค่ทำให้ชัดเจนที่นี่ ถ้าเข้าไปในบ้าน จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าคุณต้องการที่จะฆ่าคนเพื่อปิดปากขึ้นมาจะทำยังไง?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ พ่อเฒ่าถังมองไปที่ถังซวงด้วยสายตาที่เฉียบคมและพูดว่า “หุบปากซะ แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” พ่อเฒ่าถังรู้ว่าหลานสาวคนโตคนนี้เปลี่ยนไป แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ แถมเธอยังกล้าตั้งคำถามกับคำพูดของเขา และตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ไม่เรียกเขาว่าคุณปู่ แต่กลับเรียกว่าพ่อเฒ่าถัง ทั้งยังไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะปู่ด้วยซ้ำ
แต่ถังซวงจะกลัวสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?
“คุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปหรอก ฉันเชิญหัวหน้าหมู่บ้านกับพรรคพวกมาแล้ว ฉันจะให้พวกเขาเป็นพยาน วันนี้แม่ของฉันกับถังเจี้ยนกั๋วจะหย่ากัน ไม่อยากให้หย่ายังไงก็ต้องหย่า” ในตอนท้าย ถังซวงพูดเสียงดังและมองไปที่คนตระกูลถังด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ถ้ายังไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ งั้นฉันจะออกไปเดินเล่นกลางหมู่บ้านหน่อยนะ”
“แก…”
พ่อเฒ่าถังและถังอี้กั๋วมองไปที่ถังซวงอย่างไม่เชื่อ ผู้หญิงที่เคยอ่อนแอคนนี้เปลี่ยนไปมาก
แม่เฒ่าถังก็รู้สึกตัวเช่นกัน เธอกรีดร้องและรีบไปหาถังซวง
“นังสารเลว แกกำลังพยายามทำร้ายตระกูลถังของเรา”
ก่อนที่หญิงชราจะเดินเข้ามา ถังซวงได้ดึงแท่งไม้หนา ๆ ออกมาจากด้านหลัง “ถ้าเข้ามาอีกก้าว ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ”
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่เฉยเมยและจริงจังของถังซวง แม่เฒ่าถังรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ดังนั้นเธอจึงต้องหยุดและแสดงสีหน้าลำบากใจ
“ถังซวง นี่แกยังเห็นฉันเป็นผู้อาวุโสบ้างไหม ทำไมไม่เคารพฉันบ้าง?”
ถังอี้กั๋วอดกลั้นไม่ได้และต่อว่าออกมา
“เฮ้อ…ทุกคนที่นี่ดูน่าเคารพด้วยเหรอ? เพราะงั้นมันก็ปกติแล้วสิ ที่ฉันไม่เห็นผู้เฒ่าอยู่ในสายตา” ถังซวงมองอย่างเฉยเมย มองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วอย่างเย็นชาและพูดว่า
“ตอนนี้รีบไปเอาทะเบียนสมรสออกมาซะ แล้วให้หัวหน้าหมู่บ้านประทับตรา จากนั้นก็ไปที่อำเภอเพื่อหย่าร้างกันสักที ไม่อย่างนั้น…”
ถังซวงยังพูดไม่จบประโยค แต่ทุกคนรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
“นังเด็กดื้อด้าน ฉันเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้ทำให้แกจมน้ำตายไปซะ”
ถังเจี้ยนกั๋วมองที่ถังซวงด้วยนัยน์ตาสีแดงราวกับว่าเขาต้องการจะฆ่าคน
“นี่… ตอนนี้ที่ไม่ต้องการหย่ากับแม่ของฉัน ไม่ใช่เพราะว่าต้องการขายฉันให้กับพ่อม่ายในหมู่บ้านตระกูลหลี่ที่อยู่ติดกันหรอกใช่ไหม? ฉันแนะนำให้เลิกคิดซะเถอะ ยิ่งไปกว่านั้น หากชาวบ้านรู้เรื่องนี้ ตระกูลถังจะมีสภาพเป็นยังไง แม้แต่ถังไห่โปกับถังชุนหยานเองก็คงจะหาคู่ที่ดีไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“อะ… อะไรนะ…”
ถังไห่โปกับถังชุนหยานไม่รู้จริง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้แต่พ่อเฒ่าถังสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขามองถังเจี้ยนกั๋วอย่างจริงจัง หากสิ่งที่ถังซวงพูดเป็นความจริงตระกูลถังของพวกเขาก็หนีไม่พ้นว่าขายหลานสาวกิน
แม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋วคิดว่าพวกเขาปกปิดมันได้ดีแล้ว ในตอนแรกพวกเขากะว่าปล่อยให้เฮ่อหลานผู้เชื่อฟังรู้เรื่องนี้ไป เพราะจากนิสัยเธอแล้วเดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเอง แม้แต่เฮ่อหลานก็ไม่สงสัย แต่นังเด็กหน้าตายคนนี้รู้ได้อย่างไร?
เมื่อเห็นการแสดงออกของแม่เฒ่าถังกับถังเจี้ยนกั๋ว พ่อเฒ่าถังจะไม่เข้าใจอะไรอีก
“พวกแก…”
ในตอนท้าย เขากลั้นหายใจไว้ วันนี้พวกเขาเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง สามแม่ลูกนั่นยืนอยู่อีกฝั่ง ดังนั้นเรื่องในวันนี้จึงเป็นเรื่องยากจริง ๆ แต่เขาต้องอยู่เคียงข้างหญิงชราและลูกชายคนเล็ก แต่ก่อนที่พ่อเฒ่าถังจะได้พูดอะไร หัวหน้าหมู่บ้านและรองหัวหน้าหมู่บ้านก็เข้ามา
ถังเยว่หมินมองไปที่สมาชิกของตระกูลถังและแม่ม่ายหลิวตรงหน้า เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นมองไปที่ถังซวง แล้วถามว่า “สาวน้อย มีเรื่องอะไรถึงขอให้เรามาที่นี่ล่ะ? ครอบครัวของเธอจะทำอะไรกัน?” เขายังคงอายเล็กน้อยเกี่ยวกับไก่ฟ้าที่เขารับมาจากถังซวงครั้งก่อน
“วันนี้ฉันมีเรื่องจะรบกวนคุณลุงหน่อยค่ะ”
เธอมีความประทับใจที่ดีต่อถังเยว่หมิน เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ซื่อตรงและใจดี ตอนนี้พวกเธอยังเป็นหนี้เขามากกว่าร้อยหยวน แต่ถ้าเฮ่อหลานกับถังเจี้ยนกั๋วหย่าร้างกันเมื่อไหร่ พวกเธอแม่ลูกก็จะจ่ายเงินคืนโดยเร็วที่สุด
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ…”
ถังซวงบอกอย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น และในที่สุดก็พูดว่า “วันนี้ฉันอยากจะขอให้ทุกท่านช่วยเป็นพยาน เพื่อให้ถังเจี้ยนกั๋วหย่ากับแม่ของฉันค่ะ”
“นี่…”
ถังเยว่หมินเข้าใจเรื่องแบบนี้อย่างไม่คาดคิด เขามองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วและแม่ม่ายหลิวด้วยความไม่เชื่อ
ถังเหยาหัว รองหัวหน้าหมู่บ้านจากหมู่บ้านพูดด้วยความโกรธว่า “พวกแกมันทำอะไรประมาทเกินไป เรื่องพวกนี่มันอะไรกัน” เขาเป็นพวกหัวโบราณ คิดว่าคนเราจะหย่ากันหลังจากแต่งงานแล้วได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงมองตรงไปที่เฮ่อหลาน และพูดว่า “แม้ว่าถังเจี้ยนกั๋วจะทำผิด แต่เธอไม่จำเป็นต้องหย่าร้าง ปล่อยให้แม่ม่ายหลิวจัดการเด็กไปซะ ยังไงเด็กคนนี้ก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว”
“ไม่นะ…”
ถังเจี้ยนกั๋วตั้งหน้าตั้งตารอลูกชายมาก จะให้ทำแท้งได้อย่างไร? เขาเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย
ถังเหยาหัวจ้องมองที่ถังเจี้ยนกั๋ว และพูดว่า “นายไม่จัดการ แล้วยังจะให้สัตว์ป่าแบบนี้เกิดอีกเนี่ยนะ เด็กคนนี้เกิดมาอย่างไม่ถูกต้อง นายต้องเอามันออก”
เมื่อเห็นสีหน้าที่รังเกียจของถังเหยาหัว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะของเธอด้วยรอยยิ้ม รองหัวหน้าหมู่บ้านคนนี้ก็น่าสนใจจริงๆ และความคิดของเขาก็ล้าสมัยมาก แต่ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ก็ยิ่งดีสำหรับพวกเธอ
“ลูกฉันไม่ใช่สัตว์ป่านะ”
แม่ม่ายหลิวลูบท้องแล้วพูดออกมา “ฉันกับเจี้ยนกั๋วเป็นรักแท้ เขาบอกว่าจะหย่าและแต่งงานกับฉัน ส่วนลูกชายของเขาและฉันจะเป็นบ้านรอง เป็นส่วนหนึ่งของลูกหลานตระกูลถัง”
เมื่อเห็นแบบนั้น เฮ่อหลานก็พูดออกมาในเวลาที่เหมาะสม
“ผู้ใหญ่บ้านคุณคงเห็นแล้วว่าถังเจี้ยนกั๋วกับแม่ม่ายหลิวกำลังจะแต่งงาน ดังนั้นวันนี้ฉันจึงขอหย่าขาด ถ้าถังเจี้ยนกั๋วไม่เห็นด้วย ฉันจะฟ้องเขา”
“เฮ่อหลาน นังชาติชั่ว แกกล้าฟ้องฉันเหรอ ฉันจะบอกแกให้นะ อยากหย่าเหรอ? ไม่มีทาง!”
ถังเยว่หมินอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทางอันธพาลของถังเจี้ยนกั๋ว
ชายคนนี้ไม่ต้องการหย่าร้างแต่ยังต้องการที่จะมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับแม่ม่ายหลิว และต้องการเก็บลูกในท้องของแม่ม่ายหลิวไว้อีก เขาคิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน
“คุณลุงคะ ลุงก็เห็นแล้ว เพราะงั้นแม่กับถังเจี้ยนกั๋วจึงต้องหย่ากัน และถังเซวี่ย น้องสาวของฉันกับฉันจะตามแม่ของเราไปเพื่อออกจากตระกูลถัง ในเวลานั้นเราสามคนแม่ลูกจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลถังอีกต่อไป” ในตอนท้าย ถังซวงชำเลืองมองแม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋วอย่างลับ ๆ และพูดว่า “อันที่จริง มันมีเหตุผลว่าทำไมพวกเขาไม่ต้องการหย่า พวกเขาต้องการ…”
ก่อนที่ถังซวงจะพูดจบ พ่อเฒ่าถังก็พูดขึ้นก่อน “วันนี้ฉันรบกวนหัวหน้าหมู่บ้านและรองหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อเป็นพยานหน่อยนะ เจี้ยนกั๋วกับเฮ่อหลานไม่สามารถอยู่ด้วยกันต่อไปได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะหย่ากัน”