การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 104 คาดเดา
บทที่ 104 คาดเดา
บทที่ 104 คาดเดา
หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงลงจากรถ เขาก็เดินไปเคาะประตู
เพียงไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู “เสี่ยวโม่ มาได้ไงเนี่ย?” หลังจากเอ่ยทักโม่เจ๋อหยวน ชายคนนั้นก็มองไปที่ถังซวงอย่างสงสัยแล้วพูดว่า “นี่คือเพื่อนที่นายพูดถึงหรือเปล่า?”
“ครับลุงพาน นี่คือเพื่อนของผมเองชื่อ ถังซวง เรามาที่นี่เพื่อตามหาแม่ของเธอชื่อ เฮ่อหลานน่ะครับ”
พานฮั่วรีบต้อนรับทั้งสองเข้าประตูและพูดว่า “รีบนั่งลงก่อนเถอะ พวกเธอคงเหนื่อยมากแล้ว”
หลังจากที่ทั้งสามนั่งลงแล้ว โม่เจ๋อหยวนก็แนะนำถังซวง “ซวงเอ๋อร์ นี่คือพานฮั่ว เรียกว่าลุงพานก็ได้”
“สวัสดีค่ะลุงพาน”
“สวัสดี ๆ”
พานฮั่วรีบทักทายถังซวง แล้วกล่าวขอโทษว่า “ขอโทษด้วยนะ ฉันยังหาที่อยู่แม่ของเธอไม่ได้เลย แต่ฉันส่งคนไปตามหาใกล้ ๆ สถานีแล้วล่ะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปนะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ถังซวงรู้ว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนช่วยตามหาแม่ของเธอมากขึ้น ถึงมันจะสายเกินไป แต่เธอจะโทษพวกเขาได้อย่างไร
จากนั้นโม่เจ๋อหยวนเองก็เล่าข่าวที่เขาได้รู้มาให้พานฮั่วได้ฝัง “ลุงพานครับ ป้าหลานน่าจะหายไประหว่างทางไปสถานีกับบ้านพักที่เธออาศัยอยู่ และอาจจะไม่ได้เข้าไปในสถานีด้วยซ้ำครับ”
“ฝ่ายของฉันก็ได้ข้อสรุปเดียวกัน วันนี้เลยตามหาบนถนนเส้นนั้น แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย”
“ลุงพานครับ พรุ่งนี้เราค่อยไปหากันต่อดีกว่าตอนนี้เราพักกันก่อนเถอะครับ” ที่จริงเขาไม่คิดที่จะพักผ่อนเพราะเขารู้ว่าซวงเอ๋อร์เป็นกังวลมากแค่ไหน โม่เจ๋อหยวนจึงวางแผนที่จะติดต่อกับคนอื่นเพิ่มเติม
เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนยืนขึ้น ถังซวงก็มองด้วยดวงตาแดงก่ำและพูดว่า “พี่โม่ พี่เองก็ขับรถมานานแล้ว พี่ต่างหากที่ต้องพักผ่อนมากที่สุด”
พานฮั่วรีบพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ พวกเธอควรพักผ่อนกันก่อนนะ แล้วเราจะไประดมคนเพิ่มในตอนรุ่งสาง ฉันได้เตรียมห้องไว้ให้แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนไม่ขยับเขยื้อน ถังซวงจึงรีบลากเขาไป “พี่โม่ พี่พูดเองนะ ไปงีบซะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ควรพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ”
“อื้ม”
หลังจากทั้งสองตกลงกันแล้ว พวกเขาก็ไปยังที่ห้องที่พานฮั่วเตรียมไว้ให้ และนอนพักผ่อน
ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนตื่นแต่เช้า พวกเขากินอาหารเช้าง่าย ๆ แล้วออกไปทันที ซึ่งพานฮั่วก็ไปกับพวกเขาด้วย
“เสี่ยวโม่ เสี่ยวถัง ไม่ต้องกังวล คนของฉันเริ่มตามหาแล้ว ฉันเชื่อว่าจะต้องได้ข่าวมาแน่”
“ขอบคุณค่ะลุงพาน”
พานฮั่วโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก”
เมื่อทั้งสามคนมาถึงถนนสายนั้น พวกเขาก็ลงจากรถและเริ่มมองหา หลังจากนั้นไม่นาน ถังซวงก็พบเกอชิงเหม่ย
“ซวงเอ๋อร์ ฉันว่าแล้วเธอจะต้องอยู่ที่นี่แน่ วันนี้ฉันจะไปกับเธอด้วย ส่วนที่สถานีไม่ต้องห่วง ฉันส่งคนไปตามหาแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงกล่าวขอบคุณทันที “ขอบคุณค่ะป้าเกอ”
“ซวงเอ๋อร์ รีบไปกันเถอะ ถ้าเธอยังขอบคุณอีก ฉันจะขอโทษเธออีกเหมือนกันนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่มองหาเบาะแสระหว่างทาง และในขณะเดียวกันเธอก็เอารูปถ่ายออกมาเพื่อถามผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนถนน โดยหวังว่าจะมีคนเคยเห็นเฮ่อหลานบ้าง
“หืม… คนในรูปนี้คุ้น ๆ แฮะ เหมือนว่าจะมาที่นี่เมื่อวานนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของถังซวงก็เต็มไปด้วยความหวัง “จริงหรือคะ? คุณเห็นไหมว่าครั้งสุดท้ายเธอไปที่ไหน?”
“เธอเดินตรงไปทางนี้… น่าจะไปที่สถานีนะ” หลังจากพูดแล้วชายคนนั้นก็เดินจากไป
ถังซวงบีบรูปภาพแน่น ดวงตาของเธอกะพริบปริบ ๆ ดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะหายไปหลังจากเดินไปอีกเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาควรไปต่อและเริ่มมองหาเบาะแส
พานฮั่วค้นหากับพวกเขา แต่หลังจากค้นหาไปได้สักพัก ก็มีคนมากระซิบข่าวกับเขา
เธอเห็นได้ว่าสีหน้าของพานฮั่วเคร่งเครียดทันที และการแสดงออกของเขาดูผิดหวังมาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ลุงพาน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
พานฮั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ตอนนี้พวกเธออาศัยอยู่ในโฮวซานอีกฟากหนึ่งของเวิงซานที่จิงเจ้อหรงเป็นผู้นำใช่ไหม?”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าโดยตรงและพูดว่า “ใช่ครับ ผมรู้จักเเเขา เราเคยพบกันมาหลายครั้งแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โม่เจ๋อหยวนพูด พานฮั่วก็พูดตามตรงว่า “จิงเจ้อหรงจะมาที่เมืองซูเพื่อร่วมงานในวันนี้ เขาควรจะมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว แต่ยังไม่มีใครเห็นเขาเลย เราจึงไปที่บ้านพักที่จองไว้ให้เขา แต่คนที่นั่นบอกเราว่าจิงเจ้อหรงยังไม่มาเลย”
“คุณจิงมาที่เมืองซูด้วยหรือคะ?”
ถังซวงขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยิน และในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกงงงวยเล็กน้อยว่าทำไมแม่ของเธอและคุณจิงถึงหายตัวไปพร้อมกัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ถังซวงก็คาดเดาบางอย่าง เธอหันไปมองโม่เจ๋อหยวน และพูดอย่างแผ่วเบาว่า “พี่โม่ ฉันคิดว่า… แม่อาจอยู่กับคุณจิงรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของถังซวง เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “เป็นไปได้”
ด้วยความสงสัยนี้ ถังซวงจึงเกิดความคิดใหม่
“พี่โม่ เราลองติดต่อคนของคุณจิงดูดีไหม?”
“ใช่ เราลองดูก็ได้”
และเมื่อติดต่อไปก็ได้รู้ว่าเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงก็อยู่ด้วยกันจริง ๆ
“คุณจิง คุณควรกินอะไรรองท้องก่อนนะคะ ไว้เราค่อยไปหาอาหารอร่อย ๆ กินตอนเรากลับไปถึง” ในขณะที่พูด เฮ่อหลานก็ยื่นชามแป้งทอดให้จิงเจ้อหรง
จิงเจ้อหรงนั่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว เขาอยากจะขอบคุณ แต่เขาไม่มีแรงเลย… ไม่มีแม้แต่แรงที่จะหยิบชาม
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฮ่อหลานก็รีบพูดว่า “นั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับนะคะ ฉันจะป้อนคุณเอง” ขณะที่พูด เธอก็ยื่นช้อนไปตรงปากเขา
เมื่อมองไปที่ช้อนตรงหน้าและเฮ่อหลานที่เป็นกังวล จิงเจ้อหรงก็ถอนหายใจ “ผมขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณต้องมาลำบากแบบนี้” เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าจะได้พบกับเฮ่อหลานในเมืองซู อีกทั้งยังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
เฮ่อหลานส่ายหัว เมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น “ไม่เป็นไร คุณกินอะไรก่อนเถอะ”
เมื่อวานนี้ เธอยังเดินอยู่บนถนนอยู่เลย ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอจิงเจ้อหรง ซึ่งเธอคิดว่าในเมื่อรู้จักกันก็ควรเข้าไปทักทาย จิงเจ้อหรงเองก็ประหลาดใจมากที่เห็นเฮ่อหลานปรากฏตัวที่นี่ ดังนั้นเขาจึงยิ้มตอบ และทักทายเธอ เพียงพูดกันไม่กี่คำ เขาก็ดึงเฮ่อหลานไปซ่อนที่มุม ๆ หนึ่ง
ในเวลานั้น เฮ่อหลานยังคงสับสนและเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“คุณจิง เกิดอะไรขึ้นคะ? ทำไมเราถึงต้องซ่อนด้วยล่ะ?”
จิงเจ้อหรงไม่มีเวลาอธิบาย ดังนั้นเขาจึงดึงเฮ่อหลานวิ่งตามไป ไม่นานเฮ่อหลานก็เข้าใจ มีคนกำลังตามจิงเจ้อหรง และคนพวกนั้นไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แถมยังดูเหมือนต้องการจะทำร้ายจิงเจ้อหรงด้วย
โชคดีที่จิงเจ้อหรงอยู่กับเหรินอวี่ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงช่วยล่อคนพวกนั้นให้ไปอีกทาง แต่ก็ยังมีบางส่วนติดตามทั้งคู่อยู่ หลังจากที่พวกเขาวิ่งไประยะหนึ่ง ในที่สุดคนเหล่านั้นก็ไล่ตามพวกเขาทัน และยิงเข้าใส่ทั้งสอง