การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 107 มาถึง
บทที่ 107 มาถึง
บทที่ 107 มาถึง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงก็มองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชาและถามว่า “พวกนายเป็นใคร?”
หัวหน้าของกลุ่มนี้เป็นชายหนุ่มท่าทางอันธพาล เขาหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “คุณจิง เราไม่ได้เป็นพวกใครหรือมาจากไหนหรอกครับ เราแค่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำ”
ในตอนท้าย ชายผู้นั้นมองเฮ่อหลานอย่างอยากรู้อยากเห็น ผู้หญิงที่ได้รับการปกป้องจากจิงเจ้อหรง เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “นั่นใช่ผู้หญิงของคุณรึเปล่า? มีข่าวลือว่าคุณจิงเป็นคนสะอาด และยังโสดจนถึงตอนนี้ ไม่คิดเลยว่าคุณจะมีคนรัก ข่าวลือนี่เชื่อถือไม่ได้จริง ๆ แต่ก็ไม่เป็นไร คุณพาเธอไปด้วยก็ได้”
เมื่อเฮ่อหลานได้ยิน เธอต้องการรีบอธิบายทันทีว่าตัวเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ชื่อเสียงของจิงเจ้อหรงจะเสียเพราะเธอไม่ได้
แต่ก่อนที่เฮ่อหลานจะได้พูด จิงเจ้อหรงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่าทางใหญ่โตซะจริง นายแน่ใจหรือว่าจะจับพวกเราได้?”
“แน่นอน พวกเรา…”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ กลุ่มคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็ปรี่เข้ามาจากรอบทิศทาง ซึ่งมีเหรินอวี่นำหน้า
“นายท่าน ขอโทษครับที่เรามาช้าไป”
เมื่อเห็นเหรินอวี่ จิงเจ้อหรงยกยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ไม่ ทันเวลาพอดี”
เห็นอย่างนั้น เฮ่อหลานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเหรินอวี่พาคนมา
แต่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามดูไม่ค่อยสู้ดีนัก คนพวกนี้ก็ยังไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว คนเป็นหัวหน้าโบกมือให้กับพวกลูกน้องและพูดว่า “พี่น้อง วันนี้เราต้องเอาตัวจิงเจ้อหรงมาให้ได้”
“ครับ!”
คนเหล่านั้นปฏิบัติตามคำสั่งและรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เมื่อเหรินอวี่เห็นสิ่งนี้ ชายหนุ่มก็พาผู้คนเข้าไปปะทะด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราดเช่นกัน คนเหล่านี้กล้าที่จะทำร้ายคุณจิง เพราะอย่างนั้นจะต้องถูกกำจัด อยากจะรู้นักว่าใครกันจะมาจัดการกับเจ้านายของเขาได้
เฮ่อหลานมองไปที่การต่อสู้ด้วยใบหน้าหวาดกลัว และคว้าชายเสื้อของจิงเจ้อหรงเอาไว้โดยไม่รู้ตัว “คุณจิง คนของคุณจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
เมื่อมองไปยังมือที่กำชายเสื้อของเขาแน่น จิงเจ้อหรงก็พูดอย่างปลอบประโลม “อย่ากังวลเลยครับ เหรินอวี่และคนอื่น ๆ จะไม่เป็นไร”
เมื่อเห็นว่าเหรินอวี่เข้าไปตะลุมบอนในการต่อสู้ด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา เฮ่อหลานก็พยักหน้า “จริงด้วยค่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าโล่งใจของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกันเมื่อคนพวกนี้ถูกจัดการนะครับ”
เรื่องมันก็มาถึงจุดนี้แล้ว ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าของอีกฝ่าย หลังจากปล่อยให้คนของตัวเองปะทะเข้ากับพวกเหรินอวี่ เขาก็ใช้โอกาสนี้ตรงเข้าไปหาจิงเจ้อหรงโดยไม่ให้ใครรู้ตัว
อีกด้าน เฮ่อหลานเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บของจิงเจ้อหรง เธอจึงรีบเดินไปหาเขา “คุณจิงคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณทิ้งฉันไว้แล้วหนีไปได้เลยนะคะ”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานรู้สึกกระวนกระวายใจมาก แต่ยังคงยืนอยู่กับเขาด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ นัยน์ตาของจิงเจ้อหรงก็เป็นประกายและมองเธออย่างลึกล้ำ มุมปากของเขายกโค้งขึ้น “ในเมื่อคุณไม่ได้ทอดทิ้งผม เพราะงั้นมั่นใจเถอะครับ ผมก็ไม่ทิ้งคุณแน่นอน วิ่งเร็ว”
“อะ… คุณจิง คุณต่างหากล่ะคะ ที่ต้องรีบวิ่ง”
เฮ่อหลานเริ่มผลักจิงเจ้อหรง และบอกให้เขาวิ่งไป
แต่จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะปกป้องเฮ่อหลานโดยกันเธอไว้ที่ด้านหลัง และเผชิญหน้ากับพวกที่พุ่งเข้ามา
“แม่…”
ก่อนที่จิงเจ้อหรงจะเคลื่อนไหว ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวน ซึ่งตามหาทั้งสองก็โผล่มาจากข้างหลังแล้วรีบวิ่งมาต่อสู้ร่วมกับชายหนุ่ม
ถังซวงเห็นว่าชายที่อยู่ข้างหน้าเธอพุ่งไปหาแม่ของเธอด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ดังนั้นเธอจึงไม่รีรอ เคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าของนักฆ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโม่เจ๋อหยวน เขามีความชำนาญในด้านการต่อสู้มาก ทำให้ชายที่ปรี่เข้ามาพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
“พวกแกเป็นใคร?”
ชายคนนั้นมองไปที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนด้วยความหวาดกลัวบนใบหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ถ้าสองคนนี้ไม่ปรากฏตัว เขาอาจจะจับจิงเจ้อหรงได้แล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงพูดพร้อมกับเย้ยหยันว่า “ไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใคร สิ่งสำคัญคือวันนี้แกหนีไม่พ้นแล้ว”
“เหอะ… พูดจาอวดดีนักนะ”
เมื่อเห็นถังซวงเข้ามายุ่ง ดวงตาของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยความดูแคลน เขารู้สึกว่าถ้าตอนนั้นโม่เจ๋อหยวนไม่ได้กันเขาไว้ เขาจะไม่สามารถเอาชนะเด็กสาวตรงหน้าได้เชียวหรือ?
“งั้นมาดูกันว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง”
ขณะที่พูด ถังซวงมองไปที่โม่เจ๋อหยวน “พี่โม่ไปช่วยผู้ช่วยเหรินเถอะ คนคนนี้ให้ฉันจัดการเอง”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าและพูดว่า “ได้ เธอระวังตัวด้วยนะ” มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เขาช่วยเลย ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่กังวลว่าชายที่อยู่ข้างหน้าจะเป็นภัยคุกคามต่อถังซวง
“เฮอะ… เธอนี่เป็นแม่หนูที่หยิ่งยโสเหลือเกินนะ ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้แล้ว ฉันจะจัดการเธอก่อนเลยแล้วกัน”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอต้องรับมือกับชายคนนี้ ใบหน้าของเฮ่อหลานก็เต็มไปด้วยความกังวลใจ เธอต้องการเข้าไปช่วย แต่เธอกลัวว่าจะไปเป็นตัวเกะกะเสียเปล่า หากแต่ก็กังวลจนต้องหันไปทางอื่น
จิงเจ้อหรงมองไปที่ถังซวงด้วยความประหลาดใจและรู้สึกทึ่งกับทักษะของเธอ เขารู้เพียงว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ มีทักษะการซ่อมเครื่องจักรที่ดี แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะมีทักษะอื่นเช่นนี้ ซึ่งน่าจะดีกว่าเขาด้วยซ้ำ
“คุณเฮ่อไม่ต้องกังวลไป ชายคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังซวงหรอกครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะชะงักไป และถามทันทีว่า “จริงหรือคะ?”
“ครับ ถังซวงจัดการชายคนนั้นได้สบาย ๆ อยู่แล้ว”
ทันทีที่เขาพูดจบ ถังซวงก็คว้าข้อมือของชายคนนั้นและผลักลงกับพื้น
ด้านเหรินอวี่บวกกับโม่เจ๋อหยวนก็พลิกสถานการณ์เปลี่ยนไปทันที และคนเหล่านั้นทั้งหมดถูกควบคุม
“นายท่าน ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุม เหรินอวี่จึงรีบไปที่ด้านข้างของจิงเจ้อหรง
“ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี”
แต่เฮ่อหลานพูดจากด้านข้างว่า “ไม่เป็นไรอะไรกันคะ คุณยังมีแผลลึกที่แขนอยู่นะ ตอนนี้รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เมื่อเหรินอวี่ได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเครียด
“นายท่านครับ เราไปโรงพยาบาลกันเร็วเถอะครับ”
แต่จิงเจ้อหรงโบกมือและพูดว่า “ฉันสบายดี ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก หลังจากกินยาที่คุณเฮ่อให้มา ฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรีบดึงถังซวงมาและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ ช่วยดูคุณจิงหน่อยสิ แม่เอายาที่ลูกให้ไว้ก่อนหน้านี้ให้เขาไปน่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงมองไปที่จิงเจ้อหรง และพูดว่า “คุณจิงคะ ไปนั่งพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันดูแผลให้”
“ได้สิ”
จิงเจ้อหรงไม่ปฏิเสธ หลังจากปล่อยให้เหรินอวี่จัดการกับคนเหล่านั้น เขาพาถังซวง และคนอื่น ๆ ไปที่ลานเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ มีชายชราเปิดประตูให้ เมื่อเขาเห็นจิงเจ้อหรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “นายท่านมาแล้ว”
“ลุงหม่า นั่งพักก่อนเถอะ”
“ครับ ๆ ผมจะให้คนชงชาให้นะ”
เมื่อคนสองสามคนมาถึงห้องโถงใหญ่ ลุงหม่าเตรียมของว่างไว้พร้อมแล้ว และรีบถอยออกไป
“ถังซวง ฉันอยากจะรบกวนให้เธอดูอาการบาดเจ็บให้ฉันหน่อยน่ะ” เขาเดาอย่างคลุมเครือว่า ถังซวงอาจรู้วิชาแพทย์แผนจีน ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากเขา “เธอวางใจได้เลยว่าที่นี่ไม่มีใครอื่นแล้ว และฉันจะไม่บอกใครเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของเธอ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของจิงเจ้อหรง ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ตกลงค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็จับชีพจรของจิงเจ้อหรงอย่างระมัดระวัง