การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 110 มาถึงประตูบ้าน
บทที่ 110 มาถึงประตูบ้าน
บทที่ 110 มาถึงประตูบ้าน
เมื่อได้ยินคำพูดของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงก็ยิ้มและพยักหน้า “ได้เลยครับ”
เมื่อเห็นว่าแม่ของเธอพูดไปแล้ว ถังซวงจึงไม่พูดอะไรอีก
จากนั้นเธอพูดถึงความตั้งใจของเธออีก “แม่คะ หนูวางแผนที่จะซื้อจักรยานด้วย เวลาเราเดินทางจะได้สะดวก”
“แต่ว่าจักรยานมันแพงมากนะ ลูกไม่ต้องสิ้นเปลืองขนาดนั้นหรอก”
ถังซวงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่คะ หนูได้เงินรางวัลมามากจากการแข่งครั้งนี้ ขนาดซื้อจักรเย็บผ้าไปแล้วยังมีเงินเหลืออยู่ตั้งเยอะ แค่จักรยานไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ใช่แค่แม่ได้ใช้คนเดียวนะคะ หนูกับเสี่ยวเซวี่ยก็ยังได้ใช้ด้วย”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอพูดแบบนั้น เฮ่อหลานก็พูดอะไรไม่ออก เพราะในใจรู้ดีว่าหากมีจักรยาน ลูกสาวทั้งสองคนจะได้ไปโรงเรียนโดยไม่ต้องเหนื่อย
ด้านจิงเจ้อหรงก็พูดแนะนำ “ผมรู้จักร้านขายจักรยานที่สามารถซื้อได้ด้วยราคาภายใน หากคุณอยากได้ ผมจะติดต่อให้วันพรุ่งนี้เลย”
“คุณจิงคะ แบบนี้มันจะเป็นการรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่าคะ?”
จิงเจ้อหรงส่ายหัวทันที “ไม่หรอกครับ เพื่อนของผมเคยติดต่อผมมาก่อนหน้านี้ และเขายังมีจักรยานเหลืออีกสองคัน หนึ่งคันสำหรับผู้ชายและอีกหนึ่งคันสำหรับผู้หญิง ถ้าคุณต้องการซื้อ มันก็เหมาะมากเลย”
ดวงตาของถังซวงเป็นประกายเมื่อได้ยินสิ่งนี้
จักรยานผู้หญิงไม่ได้หาง่าย ๆ ในยุคนี้ แต่นี่มันกลับมาอยู่ตรงหน้า ถ้าได้มันมา แม่ก็จะขี่ได้อย่างสะดวก เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นรบกวนคุณจิงด้วยนะคะ เราต้องการซื้อจักรยานผู้หญิงค่ะ”
เพื่อเป็นการตอบแทนที่เขาเป็นธุระให้ เธอจะทำยาให้กับจิงเจ้อหรงเพิ่มอีก ถือเป็นการตอบแทน นี่น่าจะเพียงพอแล้ว
จิงเจ้อหรงยิ้มและพยักหน้า “ได้เลย พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อให้เอง”
หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันจบ จิงเจ้อหรงก็เดินตามหลี่จงอี้และโม่เจ๋อหยวนไปที่บ้านหลังข้าง ๆ เพราะเขาจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน
วันต่อมา มีจักรยานผู้หญิงคันใหม่เอี่ยมมาส่งที่หน้าบ้าน
ถังซวงพอใจมากหลังจากได้เห็นมัน และพูดกับเฮ่อหลานว่า “แม่ ลองขี่ดูสิคะ”
“แม่ขี่จักรยานไม่เก่งนะ” เฮ่อหลานเคยขี่จักรยานแค่สองครั้งเท่านั้นเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก และตอนนี้เธอเกือบลืมวิธีขี่จักรยานไปแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูจะช่วยพยุงจากข้างหลังเอง”
“ได้”
แต่ความกังวลของเฮ่อหลานก็ไม่ได้มีผลอะไร เธอขี่ได้ดีมาก และดูชำนาญมากด้วย
“แม่คะ งั้นจากนี้แม่ก็ใช้จักรยานเวลาออกไปข้างนอกได้แล้วนะ”
แม้ว่าจักรยานคันนี้จะมีราคาสูง แต่เฮ่อหลานก็มีความสุขจริง ๆ เพราะลูกสาวของเธอเป็นคนซื้อให้ ลูกสาวของเธอเก่งเกินไปแล้ว “ขอบคุณนะซวงเอ๋อร์ แบบนี้แม่ก็ใช้จักรยานไปไหนมาไหนได้ ถ้าทุกคนรู้ว่าลูกสาวของแม่เป็นคนซื้อให้ ทุกคนต้องอิจฉาแม่แน่”
“งั้นทำให้คนอื่นอิจฉาแม่กันเถอะ”
ถังเซวี่ยโน้มตัวไปหาเฮ่อหลาน และพูดว่า “แม่คะ ถ้าในอนาคตหนูหาเงินได้ หนูจะซื้อของขวัญให้แม่ด้วยนะคะ”
“ได้เลยจ้ะ ได้เลย แม่จะรอของขวัญจากเสี่ยวเซวี่ยของเรานะ”
จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นสามแม่ลูกมีความสุข บรรยากาศในบ้านของเฮ่อหลานอบอุ่นมาก ทั้งสามแม่ลูกรักกันมากจริง ๆ
“เอาล่ะ ๆ รีบกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวพวกลูกต้องไปโรงเรียนแล้ว”
วันนี้โม่เจ๋อหยวนกับหลี่จงอี้ออกไปข้างนอกด้วยกัน และไม่ได้กลับมาทานอาหารกลางวัน ดังนั้นมื้อนี้จึงเหลือพวกเขาแค่สี่คน จากนั้นสองพี่น้องก็ไปโรงเรียนหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ตอนนี้จึงเหลือเพียงเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงเท่านั้นที่อยู่ที่บ้าน
เมื่อคิดถึงว่าโม่เจ๋อหยวนออกไปข้างนอก เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณจิงคะ วันนี้คุณเปลี่ยนผ้าพันแผลหรือยังคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงส่ายหน้าทันที
“เดี๋ยวฉันช่วยเปลี่ยนให้นะคะ”
“ได้ครับ”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าตอบรับ และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างอารมณ์ดี
หลังจากที่เฮ่อหลานเอาผ้าพันแผลออก เธอก็พบว่าแผลเริ่มตกสะเก็ดแล้ว และหายได้เองโดยไม่ต้องเย็บ “คุณจิงคะ แผลของคุณใกล้หายแล้วค่ะ”
“ครับ เป็นเพราะยาของซวงเอ๋อร์น่ะ ผงยาที่เธอทำดีมากจริง ๆ”
เมื่อได้ยินจิงเจ้อหรงชื่นชมลูกสาวของเธอ เฮ่อหลานก็ระบายยิ้มไปทั่วใบหน้า “ใช่ค่ะ ซวงเอ๋อร์น่าทึ่งจริง ๆ”
แต่เมื่อเธอเห็นว่าบาดแผลหายดีแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณจิงคะ แบบนี้ไม่ต้องเปลี่ยนผ้าก็ได้มั้งคะ?”
“ผมเห็นว่ายังมีเลือดซึมอยู่นิดหน่อยนะ ผมว่าใส่ยาเพิ่มสักหน่อยดีกว่าครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานพยักหน้าอย่างรีบร้อน
หลังจากโรยผงยาแล้ว เธอก็พันแผลให้จิงเจ้อหรงอย่างระมัดระวัง
จิงเจ้อหรงมองไปยังเฮ่อหลานที่กำลังพันผ้าพันแผลให้เขา พร้อมถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “คุณเฮ่อ พรุ่งนี้ผมต้องกลับไปแล้ว มีข่าวจากเหรินอวี่ว่ากลุ่มคนพวกนั้นถูกจัดการเรียบร้อยแล้วน่ะครับ”
เฮ่อหลานมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนั้น
“เยี่ยมเลยค่ะ ในที่สุดก็จัดการคนที่ปองร้ายคุณได้หมดเสียที”
เมื่อเห็นท่าทีที่มีความสุขของเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงก็ถอนหายใจอีกครั้ง
เฮ่อหลานก็พูดต่อว่า “คุณจิงคะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเตรียมอาหารให้คุณนะคะ คุณจะได้กินระหว่างเดินทางได้”
“งั้นผมรบกวนคุณเฮ่อด้วยนะครับ”
อารมณ์ของจิงเจ้อหรงดีขึ้นอีกครั้ง และยิ้มออกมาจาง ๆ
วันต่อมา เฮ่อหลานตื่นแต่เช้า เธอทำเค้กถั่วแดงและขนมหยุนโต่วจ้วน*[1] หลังจากนั้นก็เตรียมข้าวปั้นหนึ่งกล่องให้จิงเจ้อหรง ข้าวปั้นก้อนอวบแต่ละก้อนอัดแน่นไปด้วยเนื้อทอดและเนื้อเค็ม ไข่แดงและผักกาดดอง และสุดท้ายก็มีผลไม้อีกกล่อง ข้างในเป็นส้มโอที่ปอกเปลือกแล้ว ซึ่งเธอแลกเปลี่ยนกับคนอื่นมา
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นว่าเฮ่อหลานเตรียมของมากมายให้เขา มุมปากของเขาก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่ต้องไปจากที่นี่ก็รู้สึกโหวงเหวงในใจเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็เอ่ยคำเชิญแก่เฮ่อหลาน “คุณเฮ่อครับ หากในอนาคตคุณไปในเมือง ผมยินดีต้อนรับเสมอ และผมจะทำหน้าที่เจ้าของบ้านให้ดีที่สุดเลย คุณสามารถพาซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยไปด้วยกันได้เลยนะครับ ที่นั่นมีสถานที่น่าสนใจมากมาย คุณไปเดินเล่นได้เต็มที่เลย”
เฮ่อหลานยิ้มและพยักหน้าเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ด้านเหรินอวี่รออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน และเมื่อเขาเห็นจิงเจ้อหรงออกมา ก็รีบเปิดประตูให้นายท่านของเขาเข้าไป จากนั้นจึงพูดกับเฮ่อหลานอย่างสุภาพว่า “คุณเฮ่อ เราไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ ระวังด้วยนะคะ”
เหรินอวี่บอกลาเฮ่อหลานอีกครั้งแล้วขับรถออกไป ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคุณเฮ่อได้ช่วยชีวิตเจ้านายของเขาเอาไว้ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูจะพัฒนาขึ้น และคนที่เจ้านายของเขายอมรับ ตัวเขาเองย่อมยอมรับด้วยเช่นกัน
หลังจากจิงเจ้อหรงจากไป เฮ่อหลานก็ยุ่งอยู่กับงานเช่นกัน
เดือนก่อน เธอได้เรียนรู้มากมายจากซูเหนียนอวิ๋น และการเย็บปักของเธอก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงได้รับงานจากคนสำคัญมาสองรายการ นอกเหนือจากที่ต้องทำอาหารทุกวันแล้ว เวลาที่เหลือก็คือการอยู่บ้านและเย็บปัก
ทุกครั้งที่ถังซวงเห็นงานปักของแม่เธอ เธอก็อดทึ่งไม่ได้
การเย็บปักเป็นงานฝีมือที่ประณีตมากจริง ๆ แม่สามารถปักลวดลายที่งดงามขนาดนี้ได้ด้วยเส้นไหมบาง ๆ “แม่คะ อาจารย์ซูมอบหมายงานปักชิ้นนี้ให้แม่หรือคะ?”
เฮ่อหลานส่ายหัวของเธอและพูดว่า “นี่ไม่ใช่งานที่อาจารย์มอบให้แม่หรอก แต่เป็นงานที่แม่ได้รับมาน่ะ หลังจากปักเสร็จ แม่ก็จะได้รับเงินจำนวนมาก” หลังจากเรียนกับซูเหนียนอวิ๋น เธอก็ตระหนักว่างานชิ้นใหญ่นั้นมีค่ามาก มันเทียบไม่ได้กับผ้าเช็ดหน้าหรือเสื้อผ้าสักชิ้น
สำหรับงานปักในมือของเธอ หลังจากปักเสร็จก็ได้เงินเกือบสี่ถึงห้าร้อยหยวนแล้ว ซึ่งเธอไม่เคยทำเงินได้มากขนาดนี้มาก่อน
เมื่อเห็นประกายสดใสในดวงตาของแม่ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “แม่คะ ไว้เราเอาไปอวดกันนะ อาจารย์ซูต้องมีความสุขที่ได้เห็นผลงานของแม่แน่”
“แม่ก็หวังว่าอาจารย์จะพอใจนะ แต่ครั้งนี้พี่สาวของแม่ก็ช่วยแม่มากเช่นกัน แม่จดที่อยู่ไว้แล้ว ไว้เราส่งของขวัญไปให้พวกเขากันนะ”
“ตกลงค่ะ”
ถังซวงยิ้มและพยักหน้าทันที
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ถังซวงออกไปเปิดประตู และเมื่อเธอเห็นว่ามีใครมา เธอจึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณป้าหวง คุณป้ามาที่นี่ได้ยังไงคะ รีบเข้ามานั่งก่อนเถอะค่ะ”
[1] ขนมหยุนโต่วจ้วน คือ ขนมถั่วสอดไส้ถั่วแดงและงา