การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 112 ตรวจสอบ
บทที่ 112 ตรวจสอบ
บทที่ 112 ตรวจสอบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเฮ่อหลานก็บึ้งตึงทันที
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่มีแผนจะแต่งงานใหม่ในตอนนี้ ดังนั้นได้โปรดกลับไปด้วยค่ะ”
“ฮ่าฮ่า… คุณน้องเฮ่อหลาน ฟังฉันก่อนสิ”
หญิงวัยกลางคนไม่ได้จากไปแต่แนะนำตัวเอง “ยังไงก็เถอะ ให้ฉันแนะนำตัวเองก่อนนะ ทุกคนเรียกฉันว่าพี่ชุย ฉันน่ะ… เป็นแม่สื่อที่เชี่ยวชาญในการจับคู่ในสิบลี้แปดเมือง เธอไปสอบถามใครก็ได้ หลายคนเคยได้ยินชื่อฉันกันทั้งนั้น ตราบใดที่พี่ชุยคนนี้เป็นแม่สื่อ คู่ของเธอต้องดีที่สุดแน่นอน”
ในขณะเดียวกัน ถังซวง และคนอื่น ๆ ก็กลับมา
เมื่อตอนที่ทั้งสามเดินไปรอบ ๆ ภูเขาด้านหลังก็จับไก่ฟ้าได้สองตัวระหว่างทาง พวกเขาก็รีบกลับบ้านอย่างมีความสุข แต่แล้วก็เห็นใครบางคนยืนคุยกับแม่ที่ประตูบ้านอยู่
“แม่คะ นี่ใครหรือคะ?”
พี่ชุยหันศีรษะเมื่อได้ยิน และเมื่อเธอเห็นสองพี่น้องหน้าตาสละสลวย เธอก็รีบยิ้มและพูดว่า “คุณน้องเฮ่อหลาน นี่คือลูกสาวสองคนของเธอสินะ สวยมากจริง ๆ พอพวกเธอสามคนยืนอยู่ด้วยกันแล้วก็เหมือนพี่สาวน้องสาวเลย เห็นแล้วกระชุ่มกระชวยหัวใจ”
และเมื่อพี่ชุยหันไปเห็นโม่เจ๋อหยวน และดวงตาของเธอก็เป็นประกายทันที
“ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากหมู่บ้านเถาฮวาสินะ ฉันไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้มาก่อนในหมู่บ้านเถาฮวาเลย” ในขณะที่พูด เธอเดินเข้าไปช้า ๆ มองไปที่โม่เจ๋อหยวนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย “หนุ่มน้อย เธอมีคนรักหรือยังล่ะ? ถ้าไม่มี ป้าจะแนะนำเธอเอง”
เมื่อเห็นแววตาน่าขนลุกของอีกฝ่าย โม่เจ๋อหยวนฉายแววรังเกียจทันที เขามองอย่างเย็นชา และไม่พูดกับเธอ
เมื่อเห็นท่าทีของโม่เจ๋อหยวน พี่ชุยก็ยิ้มค้าง วันนี้ไม่ค่อยดีแหะ เธอถูกคนอื่นปฏิเสธรัว ๆ ทั้งเฮ่อหลาน ไหนจะชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อถังซวงเห็นท่าทีของพี่ชุยเธอก็รู้สึกไม่ชอบใจ เธอเหลือบมองอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร กลับไปซะ ครอบครัวเราไม่ต้อนรับคุณ”
“นี่… สาวน้อย เป็นผู้หญิงก็ควรจะใจกว้างนะ แบบเธอไม่มีใครชอบเธอหรอก”
“ฉันไม่รบกวนคุณหรอก ช่วยออกไปจากบ้านของฉันด้วย”
ท่าทีของถังซวงนั้นแข็งกร้าวมาก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่จากไป เธอจึงวางแผนที่จะขับไล่ออกไปทันที
เดิมทีพี่ชุยต้องการที่จะพูดอีกสองสามคำ แต่ดวงตาของถังซวงทำให้เธอขนลุกเล็กน้อย สายตาของเด็กสาวน่ากลัวมาก เด็กสาวตัวเล็ก ๆ เย็นชาขนาดนี้ได้อย่างไร?
แต่เมื่อนึกได้ว่าในครั้งนี้หญิงสาวมาเป็นแม่สื่อให้ใคร เธอก็กลับมารู้สึกมั่นใจอีกครั้ง
“คุณน้องเฮ่อหลาน ฉันรู้ว่าเธอเคยถูกถังเจี้ยนกั๋วทำร้ายมาก่อน ตอนนี้เธอเลยไม่อยากแต่งงานใหม่ แต่คิดดูสิ ลูกสาวสองคนของเธอกำลังโตขึ้น พวกเธอจะต้องแต่งงานมีลูก และมีครอบครัวของตัวเองในอนาคต แล้วเธอล่ะ ตัวคนเดียว ดังนั้นการหาเพื่อนใหม่สำคัญมากนะ”
หญิงสาวกลัวว่าจะถูกขัดจังหวะโดยถังซวงอีกครั้ง พี่ชุยจึงตะโกนบอกไปตรง ๆ ว่า “คราวนี้ฉันมาที่นี่เพื่อเป็นแม่สื่อให้รองหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลสือ ภรรยาคนก่อนของเขาจากไปแล้ว เขาจึงต้องการหาภรรยาใหม่ ฐานะครอบครัวของสือจีสูดีมาก ไม่เลวเลยที่จะแต่งงานกับเขา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเฮ่อหลานเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
เธอปฏิเสธอย่างชัดเจนไปแล้ว แต่พี่ชุยคนนี้ยังคงตะโกนออกมาโดยไม่สนใจอะไรเลย เธอต้องการให้ทุกคนรู้เรื่องนี้ บังคับเฮ่อหลานทางอ้อมงั้นหรือ?
หลังจากที่เฮ่อหลานกำลังคิดว่าจะขับไล่คนคนนี้ออกไปได้อย่างไร ถังซวงก็เริ่มทำบางอย่าง
“ในเมื่อไม่เข้าใจภาษาคน งั้นฉันจะบอกให้ชัดเอง ไปที่ชอบ ๆ ซะ ถ้ายังมาที่บ้านของเราอีก มันจะไม่ง่ายเหมือนครั้งนี้แน่” ในตอนท้าย ถังซวงพูดกับพี่ชุยแล้วโยนเธอออกไปนอกประตู
ปัง!
แล้วประตูปิดลงก็อย่างโกรธเกรี้ยว
“แก… นังเด็กสารเลว…”
ในตอนแรกพี่ชุยต้องการที่จะดุด่าถังซวง แต่เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ที่เธอมาในครั้งนี้ เธอก็อดกลั้นและฝืนยิ้ม “ในเมื่อเธอไม่ว่าง งั้นไว้ฉันจะกลับมาพรุ่งนี้นะ”
หลังจากที่พี่ชุยจากไป ถังซวงก็มองไปยังแม่ของเธอแล้วพูดว่า “แม่ ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าแม่จะมีคนใหม่ แต่คราวนี้ต้องหาให้ดีนะ ถ้าอย่างนั้นไม่มีเลยจะดีซะกว่า”
เมื่อเห็นลูกสาวคนโตพูดกับเธอโดยไม่เขินอาย เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ ลูกพูดอะไรน่ะ เสี่ยวโม่ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ อย่าพูดอะไรไร้สาระสิ อีกอย่างแม่ไม่เคยคิดจะแต่งงานใหม่ด้วย ที่แม่ต้องการตอนนี้คือเลี้ยงดูพวกลูกสองคนให้ดี แม่ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นด้วยซ้ำ”
โม่เจ๋อหยวนเอามือแตะจมูกอย่างลำบากใจ เพราะคงไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรได้ในเรื่องนี้
ในเวลานี้ถังเซวี่ยก็เข้ามาหาเฮ่อหลานด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “แม่คะ จริง ๆ แล้ว พี่กับหนูไม่คัดค้านเลยนะที่จะให้แม่มีคนใหม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงความรู้สึกพวกเราหรอกค่ะ”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวทั้งสองพูดเช่นนั้น เฮ่อหลานก็โบกมือปฏิเสธอย่างร้อนรน “ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่า ตอนนี้แม่ไม่มีความคิดแบบนั้นก็พอนะ”
ถังซวงรู้ดีว่าเฮ่อหลานไม่ได้หมายความตามที่พูดจริง ๆ หรอก เธอจึงไม่พูดอะไรอีก
แต่เมื่อเฮ่อหลานไปทำงานในครัว ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปหาถังเซวี่ย และถามว่า “ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มีคนรังแกเธอ เป็นคนของหมู่บ้านตระกูลสือด้วยใช่ไหม?”
“ใช่ พวกนั้นมาจากหมู่บ้านตระกูลสือ”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ถังเซวี่ยก็ยังรู้สึกโกรธอยู่เลย “แม้ฉันรู้ว่าไม่ควรตัดสินทุกคนจากคนคนเดียว แต่ฉันรู้สึกว่าคนในหมู่บ้านตระกูลสือไม่ได้เป็นคนดีเลยนะ และยังมีพี่ชุยที่มาที่นี่วันนี้อีก เหมือนพวกแม่สื่อจะสนใจเราเป็นพิเศษเลย ฉันรู้สึกขยะแขยงจนเป็นบ้าแล้วเนี่ย”
ใช่ มันน่ารำคาญจริง ๆ
สีหน้าของถังซวงเย็นชาเล็กน้อย เธอยืนขึ้นและพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธออยู่บ้าน ช่วยงานแม่ไปนะ ฉันจะออกไปตรวจสอบเรื่องนี้ซะหน่อย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนก็รีบเดินตรงไปหาถังซวง และพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ ฉันจะไปกับเธอ”
ในที่สุดทั้งสองก็ออกไปด้วยกันโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งก็คือหมู่บ้านตระกูลสือ
ถังซวงยังมีเงินติดตัว และเธอก็ใจกว้างมากพอ ดังนั้นเมื่อเธอสอบถามเรื่องราวจากคนในหมู่บ้าน คนเหล่านั้นก็ให้คำตอบที่ทำให้ใบหน้าของถังซวงมืดมนในทันที
“สือจีสูคนนี้ถือเป็นบุคคลอันตรายของหมู่บ้านตระกูลสือเลย ไม่รู้ว่า… เกิดอะไรขึ้นกับภรรยาคนก่อนของเขากันนะ? ฉันจำได้ว่าภรรยาของเขาไม่ได้ป่วยมาก่อนเลยนะ?”
สือจีสูคนนี้เป็นรองผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านตระกูลสือ ดังนั้นเขาจึงมีอำนาจไม่มากก็น้อย ภรรยาคนแรกของเขาหายตัวไปเป็นเวลานานแล้ว แต่หลังจากนั้นเขาก็ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขามองหาสาวสวยมาเป็นภรรยาคนที่สอง แต่ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจมาก หลังจากได้สาวน้อยมาเป็นภรรยา เขาก็เบื่อทันทีและมองหาคนใหม่อีก
แต่คราวนี้สือจี้สูไม่รู้ว่าเฮ่อหลานมาจากไหน เขาแค่ให้แม่สื่อไปติดต่อเท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของถังซวง โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เรามาตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มกันเถอะ เผื่อจะได้ข้อมูลเพิ่มด้วย”
ถังซวงพยักหน้าเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น “ดีเหมือนกัน ฉันจะหาคนมาถามเพิ่มนะ”
โม่เจ๋อหยวนส่ายหัวและพูดว่า “เรากลับไปก่อนแล้วปล่อยให้คนอื่นตรวจสอบเถอะ ถึงเราจะทำอย่างลับ ๆ แต่ก็ยากที่จะรับประกันว่าคนอื่นในหมู่บ้านจะไม่เอะใจเรื่องนี้ อาจมีใครรู้จักเธอก็ได้”
ถังซวงได้ยินอย่างนั้นก็เห็นด้วยกับโม่เจ๋อหยวน
“ก็ได้ งั้นเรากลับกันก่อน แล้วค่อยให้คนอื่นจัดการ”