การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 118 จับกุม
บทที่ 118 จับกุม
บทที่ 118 จับกุม
ถังเซวี่ยมองจิงเจ้อหรงด้วยสายตาที่เป็นประกายแล้วยกยิ้ม
“ลุงจิงเป็นคนดีจริง ๆ ค่ะ ไม่สำคัญหรอกว่าพี่สาวกับหนูจะคิดยังไง ความรู้สึกของแม่ต่างหากที่สำคัญที่สุด ถ้าแม่ยอมรับคุณจริง ๆ หนูก็ไม่ขัดข้อง” ในตอนท้าย ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ถังซวง เธอพูดถึงแค่ตัวเองเท่านั้น เพราะเธอไม่ใช่พี่สาว จะพูดแทนพี่คงไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงอยากรู้จริง ๆ ว่าพี่สาวของเธอคิดอย่างไร
เมื่อเห็นถังเซวี่ยมองเธอ ถังซวงก็พูดตรง ๆ ว่า “ใช่ค่ะ ฉันไม่มีขัดข้องเหมือนกัน”
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ขอบคุณนะ”
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นว่าสองพี่น้องไม่มีท่าทีต่อต้านเขา ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข แม้ว่าเฮ่อหลานจะยังไม่ชอบเขา แต่เขาก็ผ่านประตูสุดแข็งแกร่งไปแล้ว และเขาเชื่อว่าถนนข้างหน้าจะราบเรียบขึ้น
“มัวคุยอะไรกันอยู่น่ะ มานั่งเร็ว”
ในเวลานี้ เฮ่อหลานเดินมาพร้อมกับชามบะหมี่ เธอตั้งสติและทำใจให้หยุดสั่นไหวอยู่เป็นเวลานาน และในที่สุดเธอก็ออกมาอย่างสงบ มองซวงเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ที่ยังยืนอยู่ด้วยความงุนงง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็นั่งลง
จิงเจ้อหรงยิ้มและขอบคุณเฮ่อหลาน “ขอบคุณนะครับคุณเฮ่อ ผมเพิ่งพลาดมื้อเที่ยงไปพอดี ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณนะครับ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของจิงเจ้อหรง ใจที่สงบก็สั่นไหวอีกครั้ง เธอหน้าแดงเล็กน้อย “ไม่ลำบากค่ะ ในเมื่อคุณยังไม่ได้กิน ก็รีบกินเถอะค่ะ”
ถังเซวี่ยเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นและพูดว่า “แม่ ทำไมแม่ไม่อยู่กินข้าวกับลุงจิงล่ะ พี่กับหนูจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ถังเซวี่ยพูด ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนก็ยืนขึ้น และก็ออกไปข้างนอกทันที
“เสี่ยวเซวี่ย เธอชอบลุงจิงมากไหม?”
ในท้ายที่สุด ถังซวงก็จับถังเซวี่ยไว้ และถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ถังเซวี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “อื้ม ฉันชอบลุงจิงมาก ลุงจิงแตกต่างจากผู้ชายในหมู่บ้าน เขาให้เกียรติผู้หญิงเสมอ ฉันยังจำได้ว่าตอนที่ลุงจิงอาศัยอยู่ในตำบล ทุกครั้งที่เขามาหา เขาจะช่วยทำทุกอย่างที่ทำได้เลย แน่นอนว่าปู่และพี่โม่จะช่วยด้วย ดังนั้นผู้ชายแบบพวกเขาจึงหายากมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็เข้าใจทันที
ผู้ชายส่วนใหญ่ในหมู่บ้านเป็นผู้ชายที่ถือคติที่ว่างานบ้านควรให้ผู้หญิงทำ ตราบใดที่พวกเขากลับถึงบ้าน พวกเขาก็จะทำตัวเป็นเพียงเจ้าของบ้านและไม่ทำอะไรเลย ไม่แม้แต่จะคิดช่วยงาน ผู้หญิงไม่เพียงต้องอยู่ในครัว แต่พวกเธอยังต้องออกไปทำงานเพื่อหารายได้เช่นกัน และทำงานไม่น้อยไปกว่าผู้ชายเลย
หัวหน้าหมู่บ้านอย่างหลิวเหลียงไคก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แม้แต่พวกผู้หญิงในหมู่บ้านก็คิดว่าผู้หญิงควรทำงานบ้าน พวกเธอจึงไม่มีใครพูดคัดค้านขนบนี้แม้แต่น้อย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถังซวงก็ใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง และตระหนักว่าเธอไม่เคยสังเกตเรื่องนี้มาก่อนเลย
“ลุงจิงช่วยจริง ๆ หรือ?”
โม่เจ๋อหยวนพูดจากด้านข้างว่า “ใช่ ตอนนั้นคุณจิงช่วยนะ อีกอย่าง…” ในตอนท้าย เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่สองพี่น้องแล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว ตระกูลจิงเป็นครอบครัวที่ดีมาก และคุณจิงเองก็เป็นคนดีมากเช่นกัน ทั้งบุคลิกดี ถ้า…ฉันหมายความว่าถ้าป้าหลานสนใจคุณจิงจริง ๆ เขาก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ”
“จริงหรือ? ครอบครัวของลุงจิงก็ดีมากเลยหรือ?”
ถังเซวี่ยมองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตระกูลจิง
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ คนในตระกูลจิงเป็นคนดีมาก คุณและคุณนายจิงก็ใจดีมากด้วย”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนพูดสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับจิงเจ้อหรง ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ช่างมันเถอะ เอาล่ะ ฉันรู้แล้วว่าลุงจิงเป็นคนดีมาก ยังไงเสี่ยวเซวี่ยกับฉันก็ได้บอกความรู้สึกของเราไปแล้ว ตอนนี้เราไม่คิดจะคัดค้านที่เขาจะจีบแม่หรอก เรื่องจีบแม่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขาล้วน ๆ”
ขณะนี้ทั้งสามคนกำลังพูดถึงจิงเจ้อหรง
ในอีกด้านหนึ่ง จิงเจ้อหรงก็กำลังกินบะหมี่คำโต ในระหว่างนั้นเขาก็เอ่ยชมบะหมี่ของเฮ่อหลานไปด้วย
เฮ่อหลานรู้สึกเขินอายกับคำชม เธอรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกไปเล็กน้อย และการเต้นของหัวใจก็แปลกไปเช่นกัน ในที่สุดหลังจากรอให้จิงเจ้อหรงกินเสร็จ เธอก็รีบยืนขึ้นและพูดว่า “ฉันจะไปล้างจานนะคะ”
จิงเจ้อหรงได้ยินจึงรีบตะโกนขึ้นว่า “คุณเฮ่อครับ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปนั้นกะทันหันไปหน่อย แต่สิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง และผมจะไม่ขอให้คุณตอบรับผมในทันที ผมแค่หวังว่าระหว่างเราจะเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นได้ไหมครับ”
เฮ่อหลานรู้สึกเขินอายในตอนแรก แต่เมื่อเธอได้ยินจนจบ เธอค่อย ๆ พยักหน้าและพูดว่า “ได้อยู่แล้วค่ะ”
เมื่อเห็นเฮ่อหลานพยักหน้า จิงเจ้อหรงก็มีความสุขมาก “ขอบคุณครับ คุณเฮ่อ”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามประโยค จิงเจ้อหรงเห็นว่าท่าทีของเฮ่อหลานยังดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่ เขาจึงรีบถามด้วยรอยยิ้ม “คุณเฮ่อ วันนี้คุณกลับเข้าตำบลเลยไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ”
เดิมทีเฮ่อหลานวางแผนที่จะอยู่ต่ออีกวัน แต่หลังจากได้พบกับสือจีสู เธอก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ต่ออีกและวางแผนที่จะกลับไปทันที
“คุณเฮ่อ ให้ผมไปส่งนะครับ เหรินอวี่จะขับรถตามมาทีหลัง แล้วเราค่อยกลับด้วยกัน”
เฮ่อหลานไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อผู้คนในหมู่บ้านเถาฮวาเห็นว่ามีคนเอารถมารับจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลาน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง คนธรรมดาไม่มีทางมีรถคันสวยแบบนี้แน่
“เฮ่อหลานโชคดีเกินไปแล้ว หาผู้ชายดี ๆ แบบนี้มาจากไหน ดูท่าแล้วครอบครัวเขาต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ”
“ใช่ โชคดีจริง ๆ แต่เฮ่อหลานก็เจอแต่ความทุกข์ตั้งแต่เธอแต่งงาน และตอนนี้มันคงจบแล้วล่ะ”
ข่งหม่านจูก็อยู่ในฝูงชนเช่นกัน เธอเฝ้าดูรถค่อย ๆ แล่นออกไป ด้วยความอิจฉาริษยาที่เอ่อล้นในดวงตา
หลังจากที่จิงเจ้อหรงมาถึงตำบล เขาก็เริ่มสอบสวนเรื่องของสือจีสูทันที จากข่าวของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน เขาไปพบครอบครัวของเหยื่ออย่างรวดเร็วและในขณะเดียวกันก็พบว่าสือจีสูได้รับผลประโยชน์จำนวนมาก จำนวนเงินถึง 10,000 หยวน มันเป็นเงินก้อนใหญ่มากในเวลานี้ เพราะทุกวันนี้มีครัวเรือนที่มีเงินหมื่นหยวนไม่มากนัก
ถังซวงรู้ว่าจิงเจ้อหรงกำลังสืบสวนเรื่องของสือจีสู และเธอก็บอกข้อสงสัยของเธอกับเขาด้วย
“ลุงจิง ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกไปหน่อยที่สือจีสูส่งแม่สื่อมาคุยเรื่องแต่งงานกับแม่ของฉันในครั้งนี้ เขาสามารถหาเด็กสาวและสาวสวยได้มากมาย แต่เขายืนยันที่จะมาแต่งงานกับแม่ของฉัน อาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ก็ได้นะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงก็พูดตรง ๆ ว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง”
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงเห็นด้วย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “งั้นฉันรบกวนลุงจิงด้วยนะคะ”
จิงเจ้อหรงต้องการให้ถังซวงรบกวนเขาต่อไป ดังนั้นเขาจึงโบกมือโดยตรงและพูดว่า “ไม่มีปัญหา ฉันจะบอกเธอเมื่อฉันได้ข่าวใหม่นะ”
ไม่กี่วันต่อมา จิงเจ้อหรงก็ยุ่งกับเรื่องนี้เต็มตัว โชคดีที่เขามีหลักฐานในมือมากมาย เมื่อถึงวันที่สือจีสูถูกจับ เขาก็ได้ไปที่หมู่บ้านตระกูลสือด้วยความตั้งใจ
“นาย… นั่นนาย”