การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 119 ทุกคนโห่ร้องและทุบตี
บทที่ 119 ทุกคนโห่ร้องและทุบตี
บทที่ 119 ทุกคนโห่ร้องและทุบตี
สือจีสูมองไปที่ชายตรงหน้าด้วยความตกใจและความโกรธเกรี้ยว
ตั้งแต่ที่เขากลับมาวันนั้น เขาก็พยายามสอบถามเกี่ยวกับเรื่องชายคนนี้ ทีแรกเขาไม่พบอะไร คิดแค่ว่าท่าทางของอีกฝ่ายคงไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ขณะที่กำลังจะกลับไปจัดการเรื่องเฮ่อหลาน เขาก็ได้ยินว่าผู้นำจากอำเภอมาที่ตำบลโฮวซานแห่งนี้ แน่นอนเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อไปพบอีกฝ่าย ในเวลานั้นเมื่อเขาได้ยินชื่อจิงเจ้อหรง เขาก็รู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายทันที
ราวกับโดนฟ้าผ่า เขาชาไปทั้งตัว และหวาดกลัว
คนรักของเฮ่อหลานเป็นคนใหญ่คนโตในเมือง และเขาทำให้คนแบบนั้นไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว ถ้าในอนาคตเขาถูกจัดการขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร?
แต่เมื่อมาคิดดูภายหลังก็พบว่ามันเหลือเชื่อมาก
เขาได้ตรวจสอบแล้วว่าเฮ่อหลานเป็นลูกสาวบุญธรรมของนางเฮ่อในหมู่บ้านเถาฮวา ต่อมาหลังจากที่นางเฮ่อถึงแก่กรรม เธอก็ได้แต่งงานกับถังเจี้ยนกั๋วจากหมู่บ้านหลู่ฮวา ไม่นานจากนั้นถังเจี้ยนกั๋วก็มีผู้หญิงอีกคนและทิ้งภรรยากับลูกสาวของเขา ผู้หญิงชนบทจะรู้จักผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในเมืองและกลายเป็นคนรักของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่จิงเจ้อหรงตรงหน้าเขา ในที่สุดสือจีสูก็เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
ผู้นำคนนี้และเฮ่อหลานกำลังคบหากันอยู่จริง ๆ และอีกฝ่ายมาจัดการเขาเพียงเพราะเขาต้องการขอเฮ่อหลานแต่งงานก่อนหน้านี้งั้นหรือ? นี่มันมากเกินไปหรือเปล่า? “คุณจิงครับ คุณกำลังใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อความสะใจของตัวเองอยู่งั้นหรือครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้นำทั้งหมดของอำเภอและตำบลที่ติดตามมาก็พูดด้วยความโกรธว่า “หุบปาก! อาชญากรรมของแก แกมันเลวจริง ๆ หลักฐานแต่ละอย่างก็เพียงพอที่จะเอาโทษแกถึงตายได้แล้ว กล้าดียังไงมาใส่ร้ายคุณจิง ฉันไม่รู้จะพูดอะไรจริง ๆ”
“ไปเถอะ รีบพาเขาขึ้นรถ”
จิงเจ้อหรงยิ้มและพูดกับคนทั้งสองว่า “ไม่เป็นไร เขาแค่ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายน่ะ เอาเขากลับไปเดี๋ยวนี้” ในขณะที่พูด เขาเดินช้า ๆ ไปที่ด้านข้างของสือจีสู และพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “แกมันต่ำช้า กล้าดียังไงถึงมาขอคุณเฮ่อแต่งงาน แค่คิดว่าแกจะทำอะไรที่น่าขยะแขยงกับคุณเฮ่อ ฉันก็แทบรอไม่ไหวที่จะจัดการแกทันทีแล้ว”
“แก…”
แต่ก่อนที่สือจีสูจะพูดจบ เขาก็ถูกพาตัวออกไปทันที
ผู้คนในหมู่บ้านตระกูลสือที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว พวกเขาไม่เคยเห็นการจับกุมครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อน และหลังจากที่เห็นสือจีสูถูกจับ พวกเขาทั้งหมดก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมรองหัวหน้าหมู่บ้านถึงถูกจับล่ะ?”
“ใช่ ๆ เกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันไม่เคยได้ยินข่าวมาก่อนเลยนะ”
คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตระกูลสือนั้นมีแซ่สือ และทุกคนมีความเกี่ยวข้องกันเพราะเป็นเครือญาติ เมื่อเห็นว่าสือจีสูถูกจับ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกัน “ท่านผู้นำ รองหัวหน้าหมู่บ้านทำอะไรผิดหรือ? มีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
ก่อนที่ใครจะตอบได้ สือเหล่ยก็รีบเข้ามา
“เป็นนายสินะที่ใส่ร้ายลุงของฉัน?”
สือเหล่ยที่ยังงุนงงในตอนแรก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และกลัวที่จะถูกร่างแหไปด้วยจึงซ่อนตัวอยู่หลังฝูงชน แต่เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงปรากฏตัวที่นี่ เขาก็เข้าใจได้ในทันที ลุงพูดถูก สิ่งเดียวที่เขาทำพลาดไปคือเขาต้องการแต่งงานกับเฮ่อหลาน ดังนั้นชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาจึงมาที่นี่เพื่อแก้แค้น
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ สือเหล่ยก็เผชิญหน้ากับทุกคนในหมู่บ้านและพูดเสียงดังว่า “ดูสิ ทุกคน ชายคนนี้ใส่ร้ายลุงของผมโดยไม่มีหลักฐานเพียงเพื่อระบายความโกรธแทนผู้หญิงของเขา”
“อะไรนะ… เกิดอะไรขึ้น?”
“เสี่ยวเหล่ย ช่วยบอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้น”
คนของหมู่บ้านตระกูลสือต้องเชื่อใจสือเหล่ยจากหมู่บ้านเดียวกันมากกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรีบถาม
“ป้าของผมเสียชีวิตไปนานแล้ว และลุงของผมก็ไม่เคยแต่งงานใหม่ ครั้งนี้ เขาไปตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านเถาฮวา ดังนั้นเขาจึงขอให้แม่สื่อพี่ชุยไปคุยเรื่องแต่งงาน แต่ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธ ลุงของผมจึงไปที่นั่นด้วยตัวเอง แต่ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นมีคนรักอยู่แล้ว และคนคนนั้นก็คือผู้ชายแซ่จิงคนนี้”
ในตอนท้าย สือเหล่ยชี้ไปที่จิงเจ้อหรงด้วยความโกรธและพูดต่อ “ชายคนนี้ประกาศทันทีว่าเขาคือคนรักของเฮ่อหลาน แต่เพราะเขาโกรธแค้นลุงของผมและห่วงใยผู้หญิงคนนั้น เขาจึงมาที่นี่เพื่อแก้แค้น”
“โห… มีแบบนี้ด้วย เพียงเพราะรองหัวหน้าหมู่บ้านไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีคนรักแล้ว เขาจึงไปขอแต่งงานแต่ถูกจับได้ นี่มันมากเกินไปแล้ว”
“ใช่แล้ว ทำไมผู้หญิงคนนั้นไม่อธิบายให้แม่สื่อฟังตั้งแต่แรก ต้องรอจนกว่าจะบรรพบุรุษผ่านมาถึงจะพูดหรือไง นี่เป็นคนแบบไหนกันแน่”
“วิธีการใส่ร้ายคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานนี้มันมากเกินไปแล้ว”
สือจีสูถูกพาตัวไปก้มหน้าลง แต่เมื่อเขาได้ยินว่าชาวบ้านกำลังโจมตีจิงเจ้อหรง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย และคลื่นแห่งความหวังก็พลุ่งพล่านในใจ
แต่จิงเจ้อหรงไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคนเหล่านี้เลย ในขณะนี้เขามองออกไประยะไกล แล้วมุมปากของเขาก็ยกขึ้น จากนั้นหันกลับไปมองผู้คนในหมู่บ้านตระกูลสือข้างหน้า
“สือจีสูก่อเรื่องมากมาย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกจับ ถ้าคุณไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็อย่าพูดเรื่องไร้สาระจะดีกว่า”
ในเวลานี้ ผู้นำของอำเภอและตำบลก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง พวกคุณคิดว่าคุณจิงเป็นใครกัน เขาไม่จำเป็นต้องมาใส่ร้ายสือจีสูเลย พวกคุณควรหลีกทางให้เร็วที่สุด อย่าขัดขวางการจับกุมของเรา”
เมื่อเห็นว่าผู้นำทั้งสองกำลังปกป้องจิงเจ้อหรง สือเหล่ยก็ยิ่งตะโกนดังมากขึ้น “เอาล่ะ กลายเป็นว่าเขาเป็นผู้นำระดับสูงด้วยสินะ การเป็นผู้นำนี่ดีจริง ๆ เลยนะ จับกุมผู้คนโดยไม่มีเหตุผลก็ได้ ปล่อยลุงไปซะ ไม่งั้นผมจะร้องเรียกให้คนมาช่วย เร็ว…”
ก่อนที่สือเหล่ยจะพูดจบ ทันใดนั้นหลายคนก็วิ่งเข้ามาและขว้างปาสิ่งของใส่สือจีสู
“สือจีสู ไอ้สัตว์นรก ไปตายซะ…!”
“สือจีสู แกมันปีศาจ เอาลูกสาวฉันคืนมา! ลูกสาวฉันอายุแค่สิบเจ็ด แกเป็นคนฆ่าเธอ แกต้องตาย…!”
“ฮือออ… หงตัวน้อยผู้น่าสงสารของฉันถูกสือจีสูฆ่าตายตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พ่อมันไร้ประโยชน์เองที่ไม่สามารถล้างแค้นให้ลูกได้ แต่ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้าง ไอ้ชั่วคนนี้ถูกจับแล้ว!”
กลุ่มคนกำลังร้องไห้และตะโกนด้วยความโศกเศร้าบนใบหน้าของพวกเขา แต่มือของพวกเขายังคงขยับคว้าใบผักเน่าในตะกร้าหรืออย่างอื่นที่หยิบได้ขว้างไปที่สือจีสู ซึ่งเขาถูกของปาใส่ศีรษะจนหัวแตก
“พวกแกเป็นใคร? ทำอะไรน่ะ!”
หลังจากการตกใจครั้งแรก ในที่สุดสือเหล่ยก็รู้สึกตัวและรีบหยุดคนเหล่านี้ จากนั้นพ่อของสือเหล่ย และสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลสือก็รีบห้ามคนเหล่านั้นเช่นกัน
แต่อีกฝ่ายนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ที่คุกรุ่นอย่างมาก จนไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้เลย สือเหล่ยกับคนอื่น ๆ ที่เข้ามาห้ามก็โดนร่างแหไปด้วยและถูกทุบตีหลายครั้ง
เดิมทีผู้นำทั้งสองของอำเภอและตำบลต้องการที่จะห้ามคนเหล่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงไม่พูดอะไรเลย พวกเขาจึงหุบปากและไม่พูดอะไรเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน จิงเจ้อหรงก็พูดว่า “ทุกคน! หยุด!”
หลังจากเหตุการณ์ค่อย ๆ สงบลง จิงเจ้อหรงมองไปที่ผู้คนในหมู่บ้านตระกูลสือ และพูดเสียงดังว่า “พวกคุณสงสัยว่าผมกำลังล้างแค้นเป็นการส่วนตัวงั้นหรือ? งั้นเรามาดูกันว่าอาชญากรรมที่สือจีสูก่อขึ้นคืออะไรบ้าง”