การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 120 เหตุผล
บทที่ 120 เหตุผล
บทที่ 120 เหตุผล
จิงเจ้อหรงเตรียมการมาเป็นเวลานาน โดยบอกเล่าทุกอย่างที่สือจีสูทำทีละอย่าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับผู้หญิงที่หายตัวไป
สมาชิกในครอบครัวของผู้หญิงเหล่านั้นมาในวันนี้และเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรง พวกเขาก็ยกมือปิดหน้าและเริ่มร้องไห้
“ลูกสาวผู้น่าสงสารของฉันถูกฆ่าโดยสือจีสู มันเป็นสัตว์ร้าย สัตว์ร้ายแบบนี้สมควรตายแล้ว!”
“หงน้อยของพ่อ มองจากบนฟ้าให้ดีนะ ในที่สุดไอ้สารเลวนี้ก็ถูกจับแล้ว มันต้องชดใช้ความผิด แต่… ทำไมลูกต้องทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นด้วย บอกเราดี ๆ สิ ฮือออ ครอบครัวของเราจะร้องขอความยุติธรรมให้กับลูกแม้ว่าเราจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
เมื่อลูกสาวของพวกเขาทำอะไรโง่ ๆ ในตอนนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ลูกสาวของพวกเขาที่เคยสดใสและร่าเริงอยู่เสมอ แต่จู่ ๆ เธอก็หายตัวไปเฉย ๆ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่พบเบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์เลย จนกระทั่งเมื่อวานนี้ จู่ ๆ ก็มีคนมาหาพวกเขา และบอกว่าพบเธอแล้ว ความจริงเรื่องลูกสาวถูกเปิดเผย ทุกคนในครอบครัวจึงรีบมาที่นี่
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ร้องไห้อย่างน่าเวทนา ผู้คนในหมู่บ้านตระกูลสือก็รู้สึกอึดอัดมาก อันที่จริงพวกเขารู้จักคนพวกนั้นอยู่บ้าง คนพวกนี้เคยมาที่หมู่บ้านตระกูลสือเมื่อตอนที่ลูกสาวของพวกเขาหายตัวไป ในเวลานั้นทั้งสองครอบครัวต่างตะโกนบอกว่าการตายของลูกสาวเป็นเรื่องผิดปกติ แต่การที่เด็กสาวคนนั้นทำอะไรโง่ ๆ ด้วยตัวเอง มันไม่ปกติตรงไหน เรื่องจึงยังค้างคาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อคิดถึงตอนนั้น ทุกคนในหมู่บ้านตระกูลสือต่างก็ละอายใจ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาเป็นฝ่ายผิดเสียเองงั้นหรือ
หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลสือติงชานเดินเข้ามา และพูดพร้อมกับถอนหายใจว่า “จีสู ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเลวขนาดนี้ นายทำอย่างนี้ได้ยังไง?”
แม้ว่าสือติงชานจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลสือ แต่เขาก็ไม่ได้มีบทบาทในหมู่บ้านมากนัก สิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านนั้นส่วนใหญ่จะถูกตัดสินโดยสือจีสู ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาไม่มีอำนาจอะไรเลย แต่ในขณะนี้สือจีสูได้ก่ออาชญากรรม เขาจึงต้องยืนหยัดเพื่อเอ่ยคำขอโทษแทน “พวกคุณคือสมาชิกในครอบครัวของเด็กสาวเหล่านั้นสินะ เป็นความผิดของเราเองที่ไม่ได้ดูแลพวกเธอให้ดี”
“ใช่ มันเป็นความผิดของพวกแกทั้งหมด มันคือความผิดพวกแกทั้งหมด!”
พ่อของเสี่ยวหงยืนอยู่ตรงหน้า ตาแดงก่ำและด่าทอคนเหล่านี้อย่างสิ้นหวัง
แต่คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตระกูลสือไม่คิดว่าพวกเขาผิด
“เรื่องพวกนี้ทั้งหมดเป็นสือจีสูต่างหากที่ทำ ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
“นั่นสิ เราไม่รู้เรื่องนะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็จัดการกันเอง อย่ามาทำให้เราลำบากใจสิ”
เมื่อเห็นว่าทุกคนปัดความรับผิดชอบ พ่อของเสี่ยวหงก็พูดด้วยความโกรธว่า “พวกแกมาจากหมู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าพวกแกจะไม่รู้ว่าสือจีสูทำอะไร แม้ว่าพวกแกจะไม่รู้จริง ๆ แต่จะไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติเลยรึไง? ถ้าตอนนั้นพวกแกแค่พูดอะไรออกมาบ้าง เราคงตรวจสอบเรื่องนี้ได้ไปนานแล้ว!”
ครอบครัวอื่นก็พูดด้วยความโกรธว่า “พวกแกเป็นคนผิด! ในตอนนั้น เสี่ยวหงหายตัวไป และสองเดือนต่อมาลูกสาวของเราก็หายไป ถ้าพวกแกแค่พูดความจริง พ่อของเสี่ยวหงอาจจะรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร ลูกสาวของเราอาจไม่เจอเรื่องแบบนี้!!”
หากสือจีสูถูกจับได้เร็วกว่านี้ หลายคนอาจรอดชีวิตมาได้ แน่นอนว่าผู้คนในหมู่บ้านตระกูลสือจำพวกเธอไม่ได้เลย
“คำพูดของพวกนายมันไร้เหตุผล เราไม่รู้อะไรเลยจะให้เราพูดอะไรล่ะ?”
สายตาของพวกเขาบางคนสั่นไหว ยังไงซะพวกเขาก็เป็นคนในหมู่บ้านนี้ แม้ว่าดูผิวเผินแล้วสือจีสูจะทำงานได้ดี แต่ไม่มีกำแพงใดที่ไม่มีรูในโลกนี้ มักจะมีเรื่องซุบซิบอยู่เสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงพอได้ยินข่าวลือมาบ้าง แต่ก็ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าสือจีสูจะเลวทราม ทำสิ่งเลวร้ายมากมายขนาดนี้ ตอนนี้พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออก ถ้าพูดเรื่องนี้ออกไปคงถูกครอบครัวคนเหล่านี้ตราหน้าแน่
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้คนในหมู่บ้านตระกูลสือ จิงเจ้อหรงก็ตะคอกอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าพวกคุณคิดผิด และวันนี้ผมอยากจะบอกความจริงบางอย่างกับพวกคุณ”
ในตอนท้าย จิงเจ้อหรงมองตรงไปที่เหรินอวี่ที่อยู่ด้านข้าง
เหรินอวี่พยักหน้าและก้าวถอยหลังไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาพร้อมกับคนคนหนึ่ง
เมื่อเห็นเหรินอวี่กลับมา จิงเจ้อหรงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่รู้ว่าพวกคุณยังจำสือเต๋อชางได้ไหม”
ครั้งนี้ เกือบทุกครัวเรือนในหมู่บ้านตระกูลสือมองไปด้วยความตกตะลึง บางคนถึงกับตัวสั่น “เต๋อชาง… คุณพูดถึงเต๋อชางงั้นหรือ?”
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นชายชราผมหงอก เขาพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ผมกำลังพูดถึงสือเต๋อชาง ซึ่งเป็นคนที่เข้าร่วมการคัดเลือกรองหัวหน้าหมู่บ้านพร้อมกับสือจีสู”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้คนรอบ ๆ ก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดถึงเต๋อชางล่ะ?”
“ใช่ เต๋อชางตายไปหลายปีแล้วนะ”
“เฮ้อ… น่าเสียดายที่คนดี ๆ อย่างเต๋อชางตายไปด้วยอุบัติเหตุแบบนั้น”
หลายคนในหมู่บ้านเคยได้รับความช่วยเหลือจากสือเต๋อชาง ดังนั้นพวกเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย
สือจีสูมองชายที่เดินกลับมาพร้อมเหรินอวี่ และเหงื่อของเขาก็ไหลลงมาตามใบหน้า
จากนั้นจิงเจ้อหรงก็ได้บอกสิ่งที่เขาสืบพบต่อ “สือเต๋อชางถูกฆ่าโดยสือจีสู เขาจ้างคนให้ทำร้ายสือเต๋อชางในแม่น้ำ และแสร้งทำเป็นอุบัติเหตุ อันที่จริงทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาอยากได้ตำแหน่งรองหัวหน้าหมู่บ้าน”
หลังจากนั้น คนที่ถูกจับโดยเหรินอวี่อธิบายว่าสือจีสูใช้เงินเพื่อพรากชีวิตของคนคนหนึ่งอย่างไรทีละคำ ๆ
“อะไรนะ…”
“เป็นไปได้ยังไง…”
“นี่มัน…”
ทุกคนมองไปที่สือจีสูอย่างไม่อยากจะเชื่อ และจากนั้นก็เกิดความโกรธแค้นมหาศาล “สือจีสู แกมันไม่ใช่คน เต๋อชางเป็นคนดีขนาดนั้น แต่แกยังทำได้ แกต้องตาย!”
“อ๊ากกก…! สือจีสู ฉันจะฆ่าแก!”
พ่อของสือเต๋อชางคว้าไม้ค้ำในมือแล้วรีบวิ่งเข้ามา ในขณะนี้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขาหายใจถี่รัว และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
แน่นอนว่าจิงเจ้อหรงหยุดเขา จากนั้นมองไปที่ทุกคนแล้วพูดว่า “สือจีสูก่ออาชญากรรมมามากมาย และคราวนี้เขาจะต้องได้รับโทษสูงสุดอย่างแน่นอน เราจะเอาตัวเขาไปก่อน และเมื่อผลคำตัดสินออกมา เราจะออกประกาศให้ทราบทันที”
“สือจีสู ฉันจะฆ่าแก…!”
พ่อของสือเต๋อชางตะโกนด้วยความเศร้าโศกและความโกรธแค้น จนสลบไปเพราะความโกรธ ทุกคนจึงรีบไปพยุงเขาไว้และถอยห่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท เมื่อเห็นว่าชายชราตื่นขึ้นมาก็พากันโล่งใจ
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นว่าชายชราสบายดี เขาก็พาสือจีสูออกไป
ครั้งนี้สือจีสูรู้ว่าเขาจบเห่แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีท่าทีนิ่งเฉยหลังจากถูกจับกุม
จิงเจ้อหรงใช้โอกาสนี้มองไปที่สือจีสู แล้วถามว่า “ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากแต่งงานกับคุณเฮ่อหลาน? มีเหตุผลอะไรไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สือจีสูที่มีท่าทีนิ่งเฉยก็หัวเราะออกมาดัง ๆ
“ฮ่า… ฮ่าฮ่าฮ่า… ดูเหมือนว่าแกจะให้ความสำคัญกับนังผู้หญิงคนนั้นมากนะ แต่น่าเสียดายที่ฉันจะไม่บอกแกหรอก”
เมื่อจิงเจ้อหรงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มเช่นกัน
“ฉันหวังว่าแกจะคิดเรื่องนี้ให้ดีนะ แม้ว่าภรรยาของแกจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่เธอก็ยังทิ้งลูกชายไว้ให้แกด้วยนี่”
“แก… แกขู่ฉัน”
แม้จิงเจ้อหรงจะมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความอำมหิต
เมื่อเห็นแววตาของจิงเจ้อหรง หัวใจของสือจีสูก็สั่นสะท้าน ผู้ชายคนนี้เอาจริง…
แม้แต่คนในเมืองก็ให้ความสำคัญกับเขามาก นับประสาอะไรกับคนในชนบท ดังนั้นสือจีสูจึงไม่กล้าเสี่ยง หลังจากเงียบไปนาน เขาก็กัดฟันและพูดว่า “ที่หมู่บ้านหลิงเซี่ยถัดจากเรามีคนมาถามหาถึงยายเฒ่าเฮ่อ ฉันบังเอิญได้ยินพวกเขาสองคนคุยกัน บอกว่าเธอเป็นคนร่ำรวยจากเมืองก่างเฉิง[1]* ยายเฒ่าเฮ่อเองก็ตายไปนานแล้ว ดังนั้นฉันจึงคิดว่าจะแต่งงานกับเฮ่อหลาน”
[1] ปัจจุบันคือเกาะฮ่องกง