การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 128 กลับไปก่อน
บทที่ 128 กลับไปก่อน
บทที่ 128 กลับไปก่อน
หลังจากถังซวงรู้เรื่อง เธอก็ไปที่หมู่บ้านหลู่ฮวาเพื่อสอบถามเพิ่มเติมจึงพบว่าถังเจี้ยนกั๋วกับแม่ม่ายหลิวได้หายตัวไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลถังกำลังยุ่งเหยิง โชคดีที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้แยกบ้านกันมาก่อนแล้ว มันจึงจะสงบลงในไม่ช้า
แต่ที่น่าแปลกใจสำหรับถังซวงคือ เธอไม่รู้ว่าถังเจี้ยนกั๋วกับแม่ม่ายหลิวหายไปไหน แต่เด็กสาวก็ไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก จึงปล่อยวางมันไว้ ท้ายที่สุด การสร้างบ้านให้ครอบครัวของพวกเธอเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า
“แม่คะ พรุ่งนี้เราจะกลับไปย้ายของกัน แล้วจากนั้นก็รื้อและสร้างใหม่นะ”
เฮ่อหลานพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “อื้ม”
ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน “แม่ พี่สาว พรุ่งนี้เราไปที่นั่นกันแต่เช้าตรู่เลยเถอะ จะได้ย้ายของให้เสร็จก่อนเวลาไง”
เมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุขของถังเซวี่ย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ดูสิ เสี่ยวเซวี่ยดูมีความสุขเชียว หลังจากสร้างบ้านใหม่เสร็จ ไว้เรากลับไปที่นั่นให้บ่อยขึ้นกันเถอะ”
“อื้ม ดีเลย”
ถังเซวี่ยปรบมือของเธออย่างดีใจ คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี “ไม่คาดคิดเลยว่าพี่ชายจะออกแบบบ้านที่สวยงามแบบนี้ได้ด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันรู้ว่าบ้านหลังเดิมก็สามารถออกแบบใหม่ได้ มันต่างออกไปจากบ้านในเมืองและหมู่บ้านด้วย ในอนาคต ฉันก็อยากเรียนรู้การออกแบบเหมือนกัน”
ด้านเฮ่อเจียรุ่ยที่ได้วาดแบบบ้านแล้ว เมื่อทั้งสามคนแม่ลูกเห็นแล้วก็พอใจมาก ไม่เพียงแต่บ้านเท่านั้นที่ได้รับการออกแบบ แต่แม้แต่ลานบ้านก็ได้รับการออกแบบด้วย เมื่อทุกอย่างสร้างเสร็จไปตามแบบมันจะต้องสวยมากแน่ ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เสี่ยวเซวี่ย เธอตัดสินใจแล้วหรือว่าจะเรียนอะไรในอนาคต?”
“ใช่ ในอนาคตฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนเรื่องนี้” ขณะที่พูดดวงตาของถังเซวี่ยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เมื่อเห็นท่าทางที่มุ่งมั่นของถังเซวี่ย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “มีมหาวิทยาลัยในปักกิ่งที่มีวิชาเอกสถาปัตยกรรมที่ดีมาก เธอต้องตั้งใจเรียนอย่างหนักเลยนะ คนที่สามารถเข้าเรียนที่นั่นได้ อนาคตจะต้องไปได้สวยแน่”
“หะ… ต้องไปมหาวิทยาลัยเลยหรือ?”
ถังเซวี่ยรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
แต่ถังซวงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เราเพิ่งผ่านการเรียนชั้นประถม และกำลังเรียนมัธยมต้นเท่านั้น มัธยมปลายก็อยู่ไม่ไกล มหาวิทยาลัยก็เหมือนกัน ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลเลย เรายังมีเวลาอีกมาก ตอนนี้เรายังไม่เข้ามัธยมปลายด้วยซ้ำเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังเซวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“อย่างนี้นี่เอง ตอนแรกฉันคิดว่าจะไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วซะอีก งั้นแบบนี้มันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่”
สามแม่ลูกเข้านอนทันทีหลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง และทั้งสามก็ตื่นแต่เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้นเพื่อเริ่มเตรียมตัว แต่หลังจากที่เฮ่อหลานเพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จ จิงเจ้อหรงและโม่เจ๋อหยวนก็มาถึงพร้อมกัน
“ป้าหลาน เรามาช่วยน่ะครับ”
ด้านจิงเจ้อหรงก็มองไปที่เฮ่อหลาน และพูดว่า “คุณเฮ่อหลาน ผมได้ยินมาว่าวันนี้คุณจะไปหมู่บ้านเถาฮวาเพื่อย้ายของ เราเลยมาช่วยน่ะครับ ผมหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรีบโบกมือและพูดว่า “ฉันไม่รังเกียจหรอกค่ะ”
“ดีเลยครับ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สง่างามและอบอุ่นของจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานก็หัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน จากนั้นจึงรีบถามว่า “คุณกินอาหารเช้าหรือยังคะ ฉันเพิ่งทำเสร็จ มากินด้วยกันเถอะค่ะ”
“งั้นผมต้องรบกวนคุณเฮ่อหลานด้วยนะครับ”
จิงเจ้อหรงใช้โอกาสนี้และตอบตกลง หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารเสร็จแล้ว เฮ่อจื่อกุยกับเฮ่อเจียรุ่ยก็มาที่นี่ด้วยรถบรรทุก “น้องหลาน ไปกันเถอะ”
เมื่อรถมาถึงหมู่บ้านเถาฮวา ทุกคนในหมู่บ้านก็ออกมาดูด้วยความตื่นเต้น และหลิวเหลียงไคหัวหน้าหมู่บ้านก็ออกมาดูด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าเฮ่อหลาน และญาติของเธอกำลังจะสร้างบ้านใหม่ เขาจึงคิดถึงเรื่องคนงานในการสร้างบ้าน และอดไม่ได้ที่จะคุยกับเฮ่อหลานเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เฮ่อหลาน ฉันไม่รู้ว่าเธอหาคนสร้างบ้านได้แล้วหรือยัง ถ้ายัง เธอจ้างคนจากในหมู่บ้านเราได้ไหม? ไม่ต้องห่วง ทุกคนจะทำงานอย่างหนักและจะไม่ขี้เกียจแน่นอน” โอกาสที่คนในหมู่บ้านจะสร้างรายได้มีไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะช่วยชาวบ้านให้ได้โอกาสนั้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรีบพูดว่า “หัวหน้าหมู่บ้านคะ หากมีความจำเป็น เราจะจ้างพวกเขาแน่นอนค่ะ”
ก่อนหน้านี้ที่พวกเธอสามคนแม่ลูกอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวา ทุกคนในหมู่บ้านต่างช่วยเหลือพวกเธออย่างมาก มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ใจร้าย ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็ใจดีมาก ดังนั้นแน่นอนว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธ
เมื่อได้ยินคำพูดของเฮ่อหลาน หลิวเหลียงไคก็มีความสุขมาก
ป้าหวงที่มาช่วยในวันนี้มองไปที่หลิวเหลียงไค และพูดว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน เรายินดีต้อนรับทุกคนนั่นแหละ แต่ข่งหม่านจู และครอบครัวของเธอไม่ควรถูกเชิญมา ครั้งก่อนที่สือจีสูมาสร้างปัญหา เธอยังพูดจาเหน็บแนมประชดประชันและยังยุให้อาหลานแต่งงานกับเขา คุณคิดว่าเฮ่อหลานจะสบายใจไหม?”
ทุกคนมาจากหมู่บ้านเดียวกัน และหลิวเหลียงไคก็รู้ทัศนคติของข่งหม่านจูที่มีต่อเฮ่อหลาน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าทันที “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นว่าหลิวเหลียงไคเห็นด้วย เฮ่อหลานก็หัวเราะ แม้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะโต้เถียงกับข่งหม่านจู แต่เธอก็ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับหล่อนไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องการสร้างบ้าน เธอก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่นัก ดังนั้นเธอจะไปคุยกับเฮ่อจื่อกุยก่อน
และหลังจากที่เฮ่อจือกุ้ยรู้ เขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ในการเริ่มสร้างบ้านต้องใช้กำลังคนจำนวนมากจริง ๆ ฉันจะคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเองเมื่อถึงเวลา”
“พี่เฮ่อ ขอบคุณนะคะ”
“เธอจะขอบคุณฉันทำไม นี่คือบ้านที่เธอจะสร้าง ถ้าเธออยากจ้างชาวบ้าน เธอก็สามารถจ้างพวกเขาได้เลย เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย รีบเก็บของกันเถอะ”
“ค่ะ”
เฮ่อหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่เธอยังคงคิดเกี่ยวกับห้องแห่งความลับ ดังนั้นเธอจึงถือโอกาสถามถังซวงว่า “ซวงเอ๋อร์ แม้ว่าสิ่งของในนั้นจะถูกย้ายไปหมดแล้ว แต่ผู้คนจะสังเกตเห็นที่นั่นหรือเปล่าตอนบ้านถูกทุบ…”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ หนูคุยกับพี่เจียรุ่ยแล้ว เราจะมาดูตอนทุบบ้านด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คนอื่นจะคิดว่าเป็นมันเป็นแค่ห้องเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินถังซวงพูด เฮ่อหลานก็รู้สึกโล่งใจ
ครั้งนี้มีคนมาช่วยเยอะมาก ดังนั้นทุกคนจึงใช้เวลาทั้งเช้าเพื่อเก็บของทุกอย่าง
“อาหลาน รีบไปเก็บของที่นั่นเร็วเข้า”
“คุณป้าคะ วันนี้ฉันต้องขอบคุณพี่จ้าวตี้กับพี่ชุยฮวาด้วยนะคะ” ป้าหวงไม่เพียงแต่มาคนเดียว แต่ยังพาลูกสะใภ้สองคนมาด้วย
ป้าหวงโบกมืออย่างร้อนรนเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “จะมาขอบคุณอะไรกัน รีบไปได้แล้ว”
หลังจากนั้นเฮ่อเจียรุ่ยก็ขับรถบรรทุกและนำของทั้งหมดไปที่ตำบล ถังซวงกับคนอื่น ๆ ก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิดและมาถึงในเวลาเดียวกัน
“พี่หลาน ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว”
เมื่อทุกคนมาถึง พวกเขาเห็นหลินหมิงซู่ยืนอยู่ที่นั่นทันที และหลี่จงอี้ที่ยืนอยู่กับเขาด้วย
“หมิงซู่เพิ่งมาถึงน่ะ ถ้าฉันไม่ได้บอกว่าพวกเธอจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ เขาคงไปหาพวกเธอแล้ว”
เมื่อเห็นหลินหมิงซู่ที่หน้าตาดูไม่สดใสเหมือนเดิม เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หมิงซู่ คุณกลับมาแล้วหรือคะ เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
แต่ในตอนนั้นเอง โม่เจ๋อหยวนก้าวไปข้างหน้าทันทีและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ลุงครับ ทำไมรอบนี้ไปนานจัง”
“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
แต่เขาก็หันไปเห็นคนแปลกหน้าสองคน และจิงเจ้อหรงเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งมันแปลกไปเล็กน้อย หลังจากที่เขารู้เรื่องเฮ่อจื่อกุยกับเฮ่อเจียรุ่ย ชายหนุ่มก็ยินดีกับเฮ่อหลานและเด็ก ๆ มาก และที่จิงเจ้อหรงปรากฏตัวที่นี่ ก็ทำให้หลินหมิงซู่ตะลึงเป็นเวลานาน ถ้าทุกคนไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาคงดึงโม่เจ๋อหยวนมาถามอย่างร้อนรนแล้ว เพราะมันยากที่จะอยู่นิ่งทั้งที่มีคำถามผุดขึ้นมากมายในหัวจนจบมื้อเที่ยง แต่หลังจากมื้อเที่ยงหลินหมิงซู่ก็พาโม่เจ๋อหยวนกลับไปที่ที่พักของพวกเขาทันที
“เจ๋อหยวน เธอล้อเล่นหรือเปล่า จิงเจ้อหรงชอบพี่หลานจริง ๆ และยังตามจีบเธออยู่เนี่ยนะ?”
พอได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกว่าตอนที่เขาไม่อยู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้ายืนยันและพูดว่า “เป็นเรื่องจริงครับ และลุงน่าจะได้เห็นท่าทีของลุงจิงเมื่อกี้นะ เขาจริงจังกับป้าหลานมาก”
เมื่อนึกถึงสายตาที่จิงเจ้อหรงใช้มองเฮ่อหลาน หลินหมิงซู่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยอารมณ์เหลือเชื่อ “ไม่คิดเลยว่าจิงเจ้อหรงจะเป็นคนแบบนี้”
“คุณลุง ลุงเองก็ต้องพยายามอย่างหนักนะ”
เมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น หลินหมิงซู่ชำเลืองมองไปที่โม่เจ๋อหยวน และพูดว่า “พูดมากน่า”
แต่หลังจากที่ลุงกับหลานคุยกันได้สักพักก็พูดถึงพ่อเฒ่าโม่
“เจ๋อหยวน คุณปู่ของนายกำลังจะกลับปักกิ่งแล้ว ดังนั้นเราจะไปกันในอีกไม่กี่วันนี้ รีบทำความสะอาดบ้าน และรอคุณปู่กับคนอื่น ๆ มาถึง”