การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 129 รีบร้อนเข้าเมือง
บทที่ 129 รีบร้อนเข้าเมือง
บทที่ 129 รีบร้อนเข้าเมือง
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหมิงซู่ โม่เจ๋อหยวนก็ชะงักไปชั่วครู่แล้วถามขึ้น “ลุงครับ เราจะกลับมาที่นี่อีกหลังจากเรากลับไปจัดการเรื่องที่นั่นเสร็จแล้วใช่ไหม?”
หลินหมิงซู่มองโม่เจ๋อหยวนด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “ในเมื่อปู่ของนายและคนอื่น ๆ กำลังจะกลับมา เราก็จะกลับไปอยู่ที่ปักกิ่งเหมือนเมื่อก่อนนั่นแหละ คงไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนมองตรงไปที่หลินหมิงซู่อย่างเศร้า ๆ “คุณลุงครับ ผมอยากอยู่ที่นี่ต่อ ถ้าคุณปู่กลับมา ผมคงจะแค่ไปเยี่ยมเท่านั้น แล้วจะกลับมาที่นี่อีก”
“เจ๋อหยวน…”
หลินหมิงซู่มองไปที่โม่เจ๋อหยวนด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ “หลังจากที่คุณปู่และพ่อกับแม่ของนายกลับมา เราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วนะ”
“คุณลุงครับ ผมจะอธิบายเรื่องนี้ให้คุณปู่ฟังเอง ผมรู้ว่าลุงยุ่งมาก ดังนั้นผมอยู่ที่นี่คนเดียวได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่หลี่และคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นลุงไม่ต้องกังวลหรอกครับ”
หลินหมิงซู่มองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างสงสัยไม่หาย “นายต้องการอยู่ที่นี่เพราะถังซวงหรือ?”
“ลุงครับ ระหว่างอยู่ที่นี่กับการไปศึกษาต่อที่ปักกิ่งมันไม่มีความแตกต่างเลย เพราะงั้นผมเรียนมัธยมปลายที่นี่ต่อคงเป็นการดีกว่า”
เมื่อเห็นใบหูของโม่เจ๋อหยวนเป็นสีแดง และสีหน้าไม่สบายใจของเด็กหนุ่ม หลินหมิงซู่ก็เข้าใจได้ทันที เขารู้แล้วว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่พูดอะไรอีก “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น นายก็ไปอธิบายคุณปู่เองแล้วกัน”
หลังจากที่หลินหมิงซู่รู้ว่าครอบครัวของถังซวงกำลังจะสร้างบ้าน เขาก็ไปช่วยในวันถัดไป และเมื่อเห็นจิงเจ้อหรง เขาก็เข้าไปทักทาย “คุณจิง อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
หลินหมิงซู่อยากจะหยอกล้ออะไรสักหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงกำลังช่วยเฮ่อหลานทำงาน ก็ตัดสินใจไม่ได้พูดอะไรดีกว่า และเริ่มช่วยทำงานเช่นกัน
งานวันนี้ไม่หนักมาก ดังนั้นหลังทานอาหารกลางวัน เฮ่อจื่อกุยก็ขอให้เฮ่อหลานและคนอื่น ๆ กลับไปก่อน “น้องหลาน กลับไปก่อนเถอะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่แล้วนะ ฉันจะดูแลที่นี่ให้เอง เธอแค่ยุ่งกับสิ่งที่คุณควรยุ่งก็พอ”
“พี่เฮ่อคะ คุณกับเจียรุ่ยอยู่ที่นี่สบายดีหรือเปล่า? ฉันควรแวะมาหาไหม?”
เฮ่อจื่อกุยส่ายหัวปฏิเสธทันที “ไม่ต้อง ๆ เราพ่อลูกจัดการได้ อีกอย่างป้าหวงเองก็อยู่ที่นี่ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
ป้าหวงรีบมองไปที่เฮ่อหลานและพูดยืนยันอีกเสียง “ใช่ มีฉันอยู่ที่นี่แล้ว เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอก”
ในท้ายที่สุด เฮ่อหลานและคนอื่น ๆ ก็กลับไปก่อน ขณะที่เฮ่อจื่อกุยและเฮ่อเจียรุ่ยยังอยู่ทำธุระที่นี่ต่อ
เมื่อกลับไปถึง เฮ่อหลานก็ได้เลี้ยงอาหารค่ำทุกคน
“พี่หลาน พี่กลับไปล้างตัวก่อนดีกว่า” จากนั้นหลินหมิงซู่ก็มองไปที่จิงเจ้อหรง และพูดกับเขา “คุณจิงครับ ถ้าคุณไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยน คุณไปที่บ้านของผมก่อนก็ได้นะครับ เราทั้งคู่ส่วนสูงกับน้ำหนักพอ ๆ กัน คุณจิงน่าจะใส่เสื้อผ้าของผมได้”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าเมื่อได้ยินแบบนั้น
หลังจากทำงานมาทั้งเช้า ทุกคนต่างก็รู้สึกเหนื่อยล้า พวกเขาจำเป็นต้องไปล้างหน้าล้างตาก่อน
ด้านจิงเจ้อหรงก็ติดตามโม่เจ๋อหยวนกับหลินหมิงซู่ไปยังที่พักของพวกเขา ในขณะที่ถังซวงและคนอื่น ๆ กลับไปที่บ้านของตน
“สาวน้อยถังซวง ในที่สุดเธอก็กลับมาสักที” เฉินกวงหยางที่รออยู่หน้าบ้านรีบเอ่ยทักทาย
ถังซวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเฉินกวงหยางมาอยู่ที่นี่
“พี่เฉิน ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” เด็กสาวเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรีบร้อนราวกับมีเรื่องด่วน
“สาวน้อยถังซวง เธอช่วยไปกับฉันหน่อยได้ไหม?” เฉินกวงหยางอธิบายจุดประสงค์ของการมาโดยตรงโดยไม่รีรอ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงถามออกไปอย่างสงสัย “ใครหรือ?”
“เขาเป็นคนที่ช่วยฉันไว้ ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลกลาง ถ้าเธอไม่ลำบากใจ เราจะไปกันตอนนี้เลย”
ถังซวงไม่ได้คาดหวังว่าเฉินกวงหยางจะร้อนรนขนาดนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของคนคนนั้นต่อเฉินกวงหยางได้ดี ดังนั้นเธอจึงรีบตกลงโดยไม่ต้องคิด “ได้พี่เฉิน ฉันจะไปที่นั่นกับพี่ แต่รอก่อนนะ ขอฉันไปหยิบของก่อน”
เฉินกวงหยางพยักหน้าอย่างรีบร้อนทันที
เมื่อเห็นสีหน้าวิตกกังวลของเฉินกวงหยาง เฮ่อหลานก็รู้ว่าพวกเขากำลังรีบ ดังนั้นเธอจึงไม่ถามอะไร และตรงไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็วเพื่ออบขนมให้พวกเขานำไปด้วย “กวงหยาง เอาของพวกนี้ไปกินระหว่างทางนะ รีบไปเถอะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า ถ้าอย่างนั้นผมพาถังซวงเข้าเมืองก่อนนะครับ แต่คืนนี้เราคงไม่ได้กลับมา”
แม้ว่าเธอจะกังวล แต่เฮ่อหลานก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่พยักหน้าอย่างเข้าใจ “อื้ม พวกเธอรีบไปเถอะ”
หลังจากถังซวงกับเฉินกวงหยางออกไป โม่เจ๋อหยวน จิงเจ้อหรงและหลินหมิงซู่ก็เข้ามา เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่อยู่ที่นั่น โม่เจ๋อหยวนจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ป้าหลาน ซวงเอ๋อร์อยู่ที่ไหนหรือครับ?”
“มีคนมาหาซวงเอ๋อร์น่ะ เหมือนจะไปที่ในเมืองกัน และอาจจะยังไม่กลับคืนนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
พอจิงเจ้อหรงเห็นสีหน้ากังวลของเฮ่อหลาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณเฮ่อหลาน งั้นผมจะกลับเข้าในเมืองหลังอาหารเย็น ไปดูซวงเอ๋อร์ให้เองครับ”
เฮ่อหลานพยักหน้าอย่างรีบร้อนและพูดว่า “ได้ค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดว่า “ลุงจิงครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปกับคุณด้วยครับ”
จิงเจ้อหรงเลิกคิ้วมองไปที่โม่เจ๋อหยวน แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธ “ตกลง เราจะไปที่นั่นด้วยกัน และคืนนี้เธอพักที่บ้านของฉันก็ได้”
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของหลานชาย หลินหมิงซู่ก็ส่ายหัว และสุดท้ายก็แนะนำจากด้านข้างว่า “ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ จะได้ออกเดินทาง”
เมื่อได้ยินทุกคนคุยกัน ไม่นานเฮ่อหลานกลับมาได้สติหลังจากได้ยินคำพูดนั้น และรีบพูดว่า “ใช่แล้ว ไปกินข้าวกันก่อนเถอะนะคะ” ถึงจะมีแขกเยอะ แต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยให้แขกหิวได้
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงตามเฉินกวงหยางมาที่โรงพยาบาลกลาง ทั้งสองตรงไปยังวอร์ดที่อยู่สุดทางเดิน
“สาวน้อยถังซวง เขาอยู่ในวอร์ดนั้นน่ะ รบกวนเธอช่วยไปดูให้หน่อยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ถังซวงก็พูดออกไปตามที่เธอรู้สึก “พี่เฉิน พี่ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับฉันมากนักหรอก และไม่ต้องกังวลด้วย ฉันจะช่วยสุดความสามารถแน่นอน”
“ฉันรู้ ฉันรู้ ดีแล้วที่เธอมาที่นี่ด้วย”
แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้าไปถึงวอร์ด ชายชุดดำห้าถึงหกคนก็ปรากฏตัวออกมา “พวกคุณเป็นใคร?”
เห็นได้ชัดว่าเฉินกวงหยางรู้จักพวกเขา และทักทายชายกลุ่มนั้นด้วยรอยยิ้มทั้งที่ใบหน้ายังฉายแววกังวลอยู่ จากนั้นจึงแนะนำถังซวง
คนเหล่านั้นมองไปที่ถังซวงอย่างสงสัย เป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่เชื่อคำพูดของเฉินกวงหยาง สาวน้อยคนนี้เป็นหมอที่เก่งกาจจริง ๆ ตามที่เขาพูดหรือ? ดูไม่เหมือนแบบนั้นเลย แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้ ดังนั้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก้ปล่อยให้ถังซวงและเฉินกวงหยางเข้าไป
“สาวน้อยถังซวง ช่วยดูผู้เฒ่าฉีให้ทีนะ”
ผู้เฒ่าฉีเป็นสหายอาวุโสของเฉินกวงหยาง แม้ว่าอายุที่ห่างกันของคนทั้งสองจะมีมาก แต่พวกเขาก็เข้ากันได้ดีมาก
ถังซวงเดินไปที่เตียงคนไข้ มองไปที่ชายชราที่มีใบหน้าซีดเซียวราวกับนอนหลับไม่สนิท และยื่นมือออกไปอย่างแผ่วเบา