การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 136 มาเยี่ยมเยียน
บทที่ 136 มาเยี่ยมเยียน
บทที่ 136 มาเยี่ยมเยียน
ถังซวงไม่พูดอะไรต่อ และทั้งสองฝ่ายก็พอใจมาก
เจียงหงเหลียงกับซุนหงรู้สึกว่าพวกเขาเอาเปรียบเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้ แต่ถังซวงรู้สึกว่าเธอจะทำเงินได้อีกมาก หากมีลานบ้านเล็ก ๆ ในปักกิ่งจริง ๆ ไม่ว่าจะทรุดโทรมหรือเก่าเพียงใด เธอจะทำเงินได้แน่นอน “รองเจียง ลุงซุน เมื่อถึงเวลานั้น ให้ฉันจะสาธิตวิธีการผลิตยาให้ก่อนได้นะคะ”
“จริงหรือ? ดีมากเลย”
เจียงหงเหลียงคิดเพียงว่าสาวน้อยถังซวงนั้นเสียสละเกินไป เธอเป็นเด็กสาวที่ดีมากจริง ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำว่า “รองเจียงครับ ซวงเอ๋อร์ต้องรักษาผู้ป่วยและต้องไปโรงพยาบาลทุกวัน ดังนั้นเธอคงไปไหนไม่ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้คุณสามารถให้ผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่และติดตามซวงเอ๋อร์เพื่อทำยาได้นะครับ”
เจียงหงเหลียงรู้สึกว่าสมเหตุสมผลมากเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น
“ได้เลย แล้วฉันจะติดต่อกลับมาอีกทีนะ”
เจียงหงเหลียงและซุนหงพูดคุยกับจิงเจ้อหรงและถังซวงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จากไป เพราะมีหลายสิ่งที่พวกเขาต้องจัดการก่อน
หลังจากที่ทั้งสองจากไป ถังซวงมองไปที่จิงเจ้อหรงด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ลุงจิงคะ ขอบคุณที่ช่วยพูดแทนฉันนะคะ”
แต่จิงเจ้อหรงกลับโบกมือ “ไม่มีอะไรต้องขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นหรอก เธอเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบชัด ๆ” เขารู้ว่าถังซวงคือคนที่ต้องเสียเปรียบ ท้ายที่สุดผลลัพธ์ของยาทั้งสามชนิดนี้นั้นมันก็ไม่ธรรมดาเลย และจะมีประโยชน์ต่อกองทัพเป็นอย่างมากในอนาคตแน่ และถังซวงยังสัญญาว่าจะดำเนินการวิจัยและพัฒนายาอื่น ๆ ต่อไปอีก เพราะเธอต้องการที่จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่
ถังซวงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้ขาดทุนหรือเสียเปรียบหรอกค่ะ ได้กำไรต่างหาก”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเด็กสาว จิงเจ้อหรงก็ส่ายหัว จากนั้นจึงถามเกี่ยวกับโม่เจ๋อหยวน “ยังไงก็เถอะ ฉันได้ยินมาว่าเสี่ยวโม่และลุงของเขากลับไปที่ปักกิ่ง เขาจะไม่กลับมาแล้วหรือ?”
“พี่โม่บอกว่าจะกลับมาเรียนมัธยมปลายที่นี่ค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย “ฉันได้ยินมาว่าผู้เฒ่าโม่กำลังจะกลับไปที่ปักกิ่ง และพ่อแม่ของเสี่ยวโม่ก็น่าจะกลับไปด้วย ทำไมเขายังกลับมาที่นี่อีกล่ะ?”
“พี่โม่ยืนยันว่าจะเรียนมัธยมปลายที่นี่น่ะค่ะ”
ถังซวงพูดด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกาย
ในตอนแรกที่ได้ยิน เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่โม่เจ๋อหยวนกำลังจะกลับไปที่ปักกิ่ง แต่เด็กสาวก็รู้สึกมีความสุขมากที่ได้ยินว่าเขาจะกลับมาที่นี่อีก ทั้งสองคนมีความคิดหลายอย่างที่คล้ายกัน แค่มองหน้าก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เป็นเพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุด
เมื่อเห็นการท่าทางของถังซวง จิงเจ้อหรงก็ไม่ได้ถามอะไรอีก แต่ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อย ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แค่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเห็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ในครอบครัวกำลังจะถูกใครบางคนหลอก จึงรู้สึกเศร้าขึ้นมา
ถังซวงไม่รู้จริง ๆ ว่าจิงเจ้อหรงกำลังคิดอะไรอยู่ เด็กสาวยืนขึ้นและกำลังจะออกไปเดินเล่น จู่ ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างนอก “ซวงเอ๋อร์…”
เมื่อได้ยินเสียง ถังซวงรีบเงยหน้าขึ้นและเห็นเฮ่อหลานที่มาพร้อมกับถังเซวี่ย เฮ่อจื่อกุย และเฮ่อเจียรุ่ย ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “แม่ ลุง ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
เฮ่อหลานแตะแก้มของถังซวงด้วยความคิดถึง
“ลูกไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว แม่กับเสี่ยวเซวี่ยคิดถึงลูกมาก เราเลยมาหาลูกน่ะ” จากนั้นเธอก็มองไปที่จิงเจ้อหรงและพูดว่า “คุณจิง ขอบคุณที่ดูแลซวงเอ๋อร์นะคะ”
จิงเจ้อหรงส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “คุณเฮ่อหลาน นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก”
เมื่อเห็นดวงตาที่จริงใจของจิงเจ้อหรง แม้ว่าเฮ่อหลานจะเคยชินกับมัน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงด้วยความเขินอาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฮ่อจื่อกุยก็พูดออกไปตามตรงว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอยังจัดการธุระไม่เสร็จอีกหรือ? หรือคนไข้ที่เธอกำลังรักษาอยู่ค่อนข้างอาการหนัก?”
พวกเขาไม่รู้จุดประสงค์ที่ถังซวงมาที่นี่ แต่เมื่อรู้ว่าเธอมาหาใครบางคน พวกเขาคิดว่ามันเหลือเชื่อ แต่เนื่องจากเฉินกวงหยางรีบมาเชิญเธอไปอย่างรีบร้อน เพราะงั้นทักษะทางการแพทย์ของถังซวงต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกัน พวกเขาทั้งภูมิใจและทุกข์ใจ เพราะการเรียนแพทย์นั้นไม่ง่าย ถังซวงต้องพยายามหนักมากเพื่อที่จะเก่งขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของสามแม่ลูกแล้ว ถ้าถังเจี้ยนกั๋วไม่ได้หายตัวไปก่อน พวกเขาคงไปสอนบทเรียนให้หมอนั่นแน่นอน มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ สำหรับสามแม่ลูกที่จะผ่านเรื่องเลวร้ายเหล่านี้มาได้
ถังซวงยิ้มและพูดตอบกลับไปว่า “ลุงคะ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่มันค่อนข้างใช้เวลา ยิ่งช่วงนี้ฉันมีเรื่องอื่นให้คิดด้วย ดังนั้นฉันคงต้องอยู่ที่นี่สักพักค่ะ”
ในตอนท้าย ถังซวงมองไปที่ถังเซวี่ย และพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย หลังจากที่เธอกลับไปแล้ว เธอไปขอลากับทางโรงเรียนให้ฉันด้วยนะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างรีบร้อนเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ไม่ต้องห่วงเลยพี่สาว ฉันจะขอลากับอาจารย์ใหญ่ให้เอง” พวกเขามาที่นี่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และตามแผนก็จะกลับในวันอาทิตย์ตอนบ่าย
จากนั้นจิงเจ้อหรงก็รีบต้อนรับทุกคนและพูดว่า “ทุกคนไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ แล้วค่อยออกไปกินอาหารเย็นกัน ผมจะให้คนเตรียมไว้ให้เอง”
เฮ่อจื่อกุยชำเลืองมองจิงเจ้อหรง และพูดว่า “ไม่ต้องหรอกครับ เดี่ยวเราไปกินกันเองดีกว่า”
“พี่เฮ่อ ผมคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่า รู้จักร้านอาหารที่อร่อยมากมาย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะครับ”
เฮ่อจื่อกุยเปิดปากของเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นี่มันเป็นการเกทับชัด ๆ พวกเขายังใหม่สำหรับที่นี่และไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้มากนัก น้องเฮ่อหลานและคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยมาที่นี่เช่นกัน ดังนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจิงเจ้อหรงคงดีกว่า
เมื่อเห็นว่าเฮ่อจื่อกุยไม่ได้พูดอะไรอีก จิงเจ้อหรงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากพักผ่อนไม่นาน เขาก็เตรียมที่จะพาทุกคนไปทานอาหารเย็น
แต่ก่อนที่พวกเขาจะออกไป เจียงหงเหลียงและซุนหงก็กลับมา และทั้งสองก็ตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้คนมากมายที่นี่ แต่จิงเจ้อหรงก็แนะนำอย่างใจเย็น “รองเจียง ซุนหง สวัสดีครับ นี่แม่และลุงของซวงเอ๋อร์ พวกเขากังวลที่เธอมาอยู่ที่นี่คนเดียวน่ะครับ จึงมาหาเธอ” เขาเริ่มแนะนำเฮ่อหลานและถังเซวี่ย รวมถึงเฮ่อจื่อกุย และเฮ่อเจียรุ่ยให้ทั้งสองรู้จัก
เจียงหงเหลียงรีบยิ้มรับและจับมือกับเฮ่อจื่อกุย “คุณเป็นลุงของสหายถังซวงนี่เอง คุณเลี้ยงดูเธอมาดีมาก สหายถังซวงเก่งมากจริง ๆ ครับ” หลังจากนั้นก็มองไปที่เฮ่อหลานอีกครั้ง และชมเชยเธอเช่นกัน
เฮ่อหลานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่ได้รับคำชม
“ขอบคุณมากค่ะ คุณชมเกินไปแล้วค่ะ”
เจียงหงเหลียงโบกมืออย่างรวดเร็ว “ชมอะไรกันครับ สหายถังซวงไม่เพียงโดดเด่น แต่ยังรักชาติและเสียสละมาก เธอเป็นเด็กดีที่มีความสามารถมากเลยนะครับ”
ที่ด้านข้าง ซุนหงมองไปที่เฮ่อหลานด้วยความไม่เชื่อและพูดด้วยความไม่แน่ใจ “คุณคือ… แม่ของถังซวง สหายเฮ่อหลาน?” เขาไม่สามารถเชื่อมโยงหญิงสาวสวยตรงหน้าเขากับเฮ่อหลานที่ขี้อายและผอมแห้งในหมู่บ้านหลู่ฮวาได้เลย เขาเคยพบกับเฮ่อหลานครั้งหนึ่งตอนที่เขาอยู่ในหมู่บ้านหลู่ฮวา เธอแตกต่างจากผู้หญิงตรงหน้าเขาอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเห็นว่าซุนหงจำเธอไม่ได้ เฮ่อหลานก็นึกขึ้นได้ว่าซุนหงคนนี้คือคนที่เธอรู้จักจากซวงเอ๋อร์ในตอนนั้น “สวัสดีค่ะ ฉันเฮ่อหลาน ขอบคุณที่ช่วยซวงเอ๋อร์ในตอนนั้นนะคะ”
ซุนหงรีบโบกมือและพูดว่า “ผมต่างหากครับที่ต้องขอบคุณถังซวง”
ในเวลานั้น เขาได้รับบาดเจ็บหนัก และหมดสติไปที่หมู่บ้านหลู่ฮวา แต่ไม่คาดคิดเลยว่าถังซวงจะมาพบเขาที่หิวและเป็นลมไป เธอจึงเอาอาหารมาให้เขากิน ชายหนุ่มยังจำเรื่องนี้ได้ดีและให้การช่วยเหลือเธอ แต่ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกครั้ง
“รองเจียงตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ไปกินอาหารเย็นกับเราไหมครับ?”
เดิมทีเจียงหงเหลียงต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เขาคิดว่าตนยังมีบางอย่างที่จะบอกถังซวง ดังนั้นเขาจึงตกลง และตรงไปที่ร้านอาหารกับทุกคน