การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 140 ดูแลโถงยี่ชี่
บทที่ 140 ดูแลโถงยี่ชี่
บทที่ 140 ดูแลโถงยี่ชี่
เหล่าหลิวมองถังซวงอย่างขุ่นเคือง หากไม่ใช่เพราะเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้ ผู้เฒ่าฉีคงตายไปโดยไม่มีใครสงสัยอะไรว่ามันเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ขึ้นได้ยังไง
“คุณถัง ระวัง…”
ผู้เฒ่าฉีตะลึงงันเมื่อเห็นการกระทำของเหล่าหลิว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเหล่าหลิวจะกล้าลงมือกับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาอย่างนี้ และดูท่าแล้วคนคนนี้จะไม่ปล่อยถังซวงไปแน่นอน
เฉินกวงหยางที่อยู่ข้าง ๆ ถังซวงตลอดเวลาสังเกตเห็นทันที และจู่ ๆ เขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก “น้องสาว…” ถึงสมองจะไม่ตอบสนองแต่ร่างกายกลับขยับมายืนบังหน้าถังซวงไว้
“ไปให้พ้น… ไม่งั้นแกตายแน่”
เมื่อเห็นเฉินกวงหยางยืนอยู่หน้าถังซวง เหล่าหลิวก็ขมวดคิ้วมุ่น
เป้าหมายของเขาคือถังซวง เขาไม่ได้คาดคิดว่าจู่ ๆ จะมีใครโผล่มาขวางทาง แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการจับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ตรงหน้า เธอสามารถล้างพิษได้ เห็นได้ว่าทักษะทางการแพทย์ของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ต้องจับตัวเด็กคนนี้มา จากนั้นก็ค่อยคิด
แต่เฉินกวงหยางไม่ยอมถอยหนี และเมื่อเหล่าหลิววิ่งเข้ามา ชายหนุ่มก็พุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายทันที
สิ่งที่เฉินกวงหยางไม่คาดคิดก็คือทักษะการต่อสู้ของเหล่าหลิวนั้นดีมาก เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่าหลิวเลย แต่โชคยังดีที่มีหลายคนอยู่รอบ ๆ ผู้เฒ่าฉี ทุกคนตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ… ฉันบอกให้แกหลีกไปไง ถ้าไม่หลีกก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ”
เหล่าหลิวมองเฉินกวงหยางที่ขวางทางเขาอยู่ ด้วยใบหน้าโหดเหี้ยมไม่เหลือเค้าเดิม พวกเขาเคยผ่านเรื่องเลวร้ายมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นผู้เฒ่าฉีก็ยังไม่สนและยืนกรานที่จะให้เขาเข้าร่วมกับตนและตัดเส้นทางอนาคตที่สดใสของพวกเขา ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วอย่าว่าเขาใจร้ายเลย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของถังซวงก็เย็นยะเยือก เธอรีบดึงเฉินกวงหยางกลับมาทันที
“พี่เฉิน ฉันจะจัดการเอง พี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก”
ในขณะนี้ หลังของเฉินกวงหยางโชกไปด้วยเหงื่อ และเขารู้ว่าตัวดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหล่าหลิว แต่ยังไงชายหนุ่มก็ยังเป็นห่วงถังซวง “น้องสาว คนคนนี้โหดเหี้ยมมาก เธอถอยไปเถอะ” แม้ว่าเขาจะตาย ก็ไม่เป็นไร แต่จะให้ถังซวงตกอยู่ในอันตรายไม่ได้ เป็นเพราะเขาเองที่ขอให้ถังซวงมารักษาผู้เฒ่าฉี ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเขายอมไม่ได้ เฉินกวงหยางไม่ให้ถังซวงไปเสี่ยงเด็ดขาด
เดิมทีถังซวงต้องการจะบอกว่าเธอไม่เป็นไร แต่เหล่าหลิวได้หยิบมีดออกมาอย่างเงียบ ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลาพูดอะไรอีก เด็กสาวเพียงแค่ผลักเฉินกวงหยางออกไป และเข้าไปจัดการชายตรงหน้าด้วยตัวเอง เธอเตะเหล่าหลิวลงกับพื้นและคว้ามีดสั้นจากมือของเขาในเวลาเดียวกัน
“หึ… ถ้าแกมีความสามารถแค่นี้ก็จับฉันไม่ได้หรอก”
“เธอ…”
เหล่าหลิวมองไปที่ถังซวงด้วยอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อผู้เฒ่าฉีเห็นทักษะของถังซวง ความประหลาดใจก็ฉายแววในดวงตาของชายชรา และหัวเราะออกมา “ทักษะของคุณถังเยี่ยมมาก นี่คุณไม่เพียงเก่งด้านการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเก่งทักษะการต่อสู้อีกด้วย ช่างเป็นคนที่พิเศษไปแล้ว”
ในขณะนี้ เหล่าหลิวรู้สึกตัวได้ในที่สุดและยอมรับความจริงที่ว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้อย่างราบคาบ ถึงจะยอมรับแต่กลับไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขาเลย ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ “เธอจับฉันได้ แล้วยังไง? วันนี้ไม่มีใครจะออกไปไหนได้ทั้งนั้น เพราะพี่เหวินพาคนมาแล้ว ฮ่าฮ่า”
ทันทีที่พูดจบ ประตูก็ถูกผลักจากด้านนอก และชายในชุดคลุมสีเทาก็เดินเข้ามา
“พี่เหวิน ในที่สุดพี่ก็มาถึงที่นี่สักที”
เมื่อเหล่าหลิวเห็นเหวินจิง ก็พูดอย่างตื่นเต้น
ถังซวงยังมองไปยังเหวินจิงที่ประตู และพบว่าชายคนนั้นไม่ได้ดูแก่มาก อายุน่าจะแค่สามสิบเท่านั้น รูปร่างหน้าตาของเขาก็ดูดี แตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง
ส่วนผู้เฒ่าฉีมองไปที่เหวินจิงด้วยดวงตาที่เย็นยะเยือก “คนที่อยู่เบื้องหลังคือนายสินะ อาจิง…นายทำให้ฉันผิดหวังมาก ฉันคิดว่านายเป็นคนที่เข้าใจฉันดีที่สุดซะอีก”
เหวินจิงระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น และเมื่อหยุดหัวเราะ ชายหนุ่มก็พูดด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ผู้เฒ่าฉี คุณเป็นคนเดียวที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณไร้สาระอะไรนั่นของคุณ อย่าเข้าใจผมผิดไป พวกเราตาบอดเองแหละ แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังไว้ใจเรา มันไม่ตลกหรอกหรือ?”
“อาจิง… นาย… นายกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
เดิมทีเขาจะไม่สงสัยเหวินจิงเลย แต่ถ้าเฉินกวงหยางไม่ได้ค้นพบเงื่อนงำบางอย่าง นั่นทำให้เขาต้องเผชิญกับความจริงนี้
“หืม… ผมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แค่คุณต่างหาก ที่คิดว่าผมเป็นคนแบบนั้น”
ในตอนท้าย เหวินจิงหันศีรษะไปมองถังซวง เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “นี่คงเป็นคุณถังสินะ เธอสวยจริง ๆ ไม่เพียงสวยเท่านั้น แต่เธอยังเก่งด้านการแพทย์ กระทั่งสามารถรักษาชายชราใกล้ตายจากพิษเรื้อรังได้ อืม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ”
ถังซวงยกยิ้มมุมปาก “สิ่งที่ไม่ง่ายคือการที่คุณเหวินวางยาผู้เฒ่าฉีโดยไม่ถูกสงสัยมากกว่าค่ะ อีกทั้งยังปล่อยให้ผู้คนล้อมรอบสถานที่นี้อย่างเงียบ ๆ และพยายามจับพวกเราทุกคน”
เหวินจิงเห็นการแสดงออกที่เย็นชาของถังซวง ก็ยิ้มออกมา “คุณถังสง่างามพอ ๆ กับทักษะทางการแพทย์ของคุณเลยนะ ฉันสัญญา ตราบใดที่คุณติดตามฉัน ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากอย่างแน่นอน”
เฉินกวงหยางยืนอยู่ข้างหน้าถังซวงอีกครั้งและพูดว่า “ฝันไปเถอะ น้องถังซวงของฉันมีคนรักอยู่แล้ว และถึงเธอจะไม่มี เธอก็จะไม่ไปอยู่ข้างนายแน่นอน” เขาได้เป็นเพื่อนกับผู้เฒ่าฉีเพราะนิสัยเถรตรงของตน และด้วยนิสัยนี้จึงไปดูถูกคนอย่างเหวินจิงเข้าจัง ๆ
ก่อนที่เหวินจิงจะพูดอะไร เหล่าหลิวก็พูดขึ้นจากด้านข้างว่า “เป็นโชคดีของเธอนะที่พี่เหวินเห็นความสามารถของเธอ ไม่ต้องอายไปหรอก”
“เฮ้อ… ดูเหมือนว่าแกจะยังไม่รู้สถานะของตัวเองดีนะ”
เมื่อเห็นว่าเหล่าหลิวยังคงพูดมากไม่หยุด ถังซวงก็ทำให้เขาหมดสติไปทันที
เมื่อเห็นการโจมตีที่แม่นยำและเด็ดขาดของถังซวง เหวินจิงก็มองเธออย่างประหลาดใจ แต่เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำในวันนี้ “ผู้เฒ่าฉี จากนี้ไปยกให้โถงยี่ชี่เป็นของผมซะ พี่น้องของเราจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น”
ผู้เฒ่าฉีแค่นเสียงอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “นายควรยอมแพ้ไปซะ ฉันจะต้องยกโถงยี่ชี่ให้ถังซวง ฉันจะไม่ยกให้นายเด็ดขาด”
ถังซวงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกพูดอะไรไม่ออก และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองผู้เฒ่าฉี
และทันทีที่ผู้เฒ่าฉีพูดเช่นนี้ เหวินจิงก็มองไปที่ถังซวงอย่างไม่สบอารมณ์
เขาแค่ต้องการบอกเหวินจิงว่าจะไม่มีทางยกให้โถงยี่ชี่ให้อีกฝ่าย แต่ตอนนี้เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมัน คงจะดีไม่น้อยถ้าเขามอบโถงยี่ชี่ให้ถังซวง
เมื่อถังซวงมารักษาเขาในเวลาที่ผ่านมานี้ เขาได้สืบเรื่องของถังซวงอย่างละเอียด และรู้เกี่ยวกับเธอเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแผนการของเธอที่พาแม่และน้องสาวออกจากตระกูลถัง หรือการแทรกซึมของแก๊งค้ามนุษย์ ช่วยชีวิตน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซึ่งเธอทำได้อย่างแนบเนียน
ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แต่ยังมีความสามารถอื่นอีกมาก เธอทั้งกล้าหาญ มีไหวพริบ และยังมีทักษะที่ร้ายกาจเก็บซ่อนอยู่อีกด้วย พูดได้ว่าเธอเก่งทุกอย่างจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้มีสนิทสนมกับจิงเจ้อหรง ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดถึงคนที่เหมาะสมเช่นนี้มาก่อนนะ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ผู้เฒ่าฉีก็พูดขึ้นเสียงดังว่า “จากนี้ไป คุณถังซวงจะเป็นคนจัดการเกี่ยวกับโถงยี่ชี่”