การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 145 ถังซวงลงมือ
บทที่ 145 ถังซวงลงมือ
บทที่ 145 ถังซวงลงมือ
จิงเจ้อหรงได้สอบถามเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่โม่เจ๋อหยวนรักษาตัวอยู่มาแล้ว ดังนั้นเป้าหมายจึงชัดเจน และทั้งสามก็มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
“ลุงหลี่ ซวงเอ๋อร์ รอสักครู่นะ ผมจะไปถามก่อนว่าเสี่ยวโม่อยู่ที่ไหน”
“ได้ ๆ”
จิงเจ้อหรงไปสอบถามเกี่ยวกับห้องพักของโม่เจ๋อหยวนทันที
“ลุงหลี่ ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวโม่อยู่ตึกด้านหลังครับ ไปกันเถอะ”
ยิ่งเธอใกล้จะถึงที่หมาย ถังซวงก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เด็กสาวรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดรอบตัว ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บของโม่เจ๋อหยวนจะร้ายแรงกว่าที่เธอคิด
“หยานซง…!”
เมื่อเห็นชายชราผมหงอกตรงหน้า หลี่จงอี้ก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น
เมื่อโม่หยานซงได้ยินคนเรียกเขา เขารีบหันศีรษะมามองและเมื่อเห็นหลี่จงอี้ ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความตกตะลึง และตะโกนขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “จงอี้…?”
“ฉันเอง”
หลี่จงอี้เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จับมือเพื่อนเก่าแล้วพูดว่า “หยานซงไม่เจอกันนานเลย”
“นานมากแล้วจริง ๆ”
หลังจากที่หลี่จงอี้เข้าไปคุย โม่หยานซงก็คว้ามือของอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน “จงอี้ ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?” จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นจิงเจ้อหรงกับถังซวงที่อยู่ข้าง ๆ “คุณคือ… ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลจิง?”
“ครับผู้อาวุโสโม่ ผมจิงเจ้อหรงครับ”
จิงเจ้อหรงเริ่มแนะนำถังซวง ขณะที่เขาพูด
“ผู้อาวุโสโม่ครับ นี่ถังซวง เธอกับเสี่ยวโม่เป็นเพื่อนกัน เธอได้ยินว่าเสี่ยวโม่ได้รับบาดเจ็บ เลยมาหาเขาครับ”
“สวัสดีค่ะคุณปู่โม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสโม่มองไปที่ถังซวงอย่างสงสัย “เธอคือถังซวงสินะ ฉันได้ยินเจ๋อหยวนพูดถึงเธอบ่อย เขาบอกว่าเธอน่าทึ่งมาก”
แม้ว่าถังซวงจะกระวนกระวาย แต่เด็กสาวก็ยังพูดอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณค่ะ” จากนั้นเธอรีบถามว่า “คุณปู่โม่คะ ฉันไปหาพี่โม่ได้ไหม?”
เมื่อพูดถึงโม่เจ๋อหยวน ผู้อาวุโสโม่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เธอเข้าไปดูเถอะ เจ๋อหยวน… เขายังไม่ได้สติเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของถังซวงก็ราวกับไร้ความรู้สึกขึ้นมาทันที โม่เจ๋อหยวนยังไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งตอนนี้ นี่เขาได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่ และอยู่ในอาการสาหัสมานานแค่ไหน?
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ถังซวงรีบเดินไปที่ห้องพักทันที
หลังจากมีคนเข้ามา คู่สามีภรรยาวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงในโรงพยาบาลก็ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้อาวุโสโม่และคนอื่น ๆ ผู้หญิงคนนั้นถึงกับเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นยืนและเอ่ยว่า “คุณพ่อ” เธอมองไปที่ถังซวงและคนที่เข้ามา “คุณพ่อ นี่ใครกันคะ?”
“นี่คือเพื่อนของฉัน หลี่จงอี้ ก่อนหน้านี้เจ๋อหยวนเคยอาศัยอยู่กับเขาน่ะ ส่วนนั่นจิงเจ้อหรง ลูกชายของตระกูลจิง ทุกคนน่าจะรู้จักเขาดี และสาวน้อยคนนี้คือถังซวงเพื่อนของเจ๋อหยวน เธอมาที่นี่เพื่อดูอาการเจ๋อหยวนน่ะ”
หลินเหม่ยเจินและโม่ถิงฮวารีบทักทายหลี่จงอี้
“สวัสดีค่ะ/ครับ ลุงหลี่”
หลังจากนั้นพวกเขาทักทายจิงเจ้อหรงอีกครั้ง และเมื่อพวกเขามองไปที่ถังซวง ทั้งคู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย “สวัสดีถังซวง เราได้ยินหมิงซู่กับเจ๋อหยวนพูดถึงเธอมาก่อน แต่เราไม่คิดว่าเธอจะมาถึงที่นี่เพื่อเจอเจ๋อหยวน ขอบคุณมากนะ”
ถังซวงรีบส่ายหัวเมื่อเธอได้ยิน จากนั้นพูดว่า “คุณลุงโม่ คุณป้าหลิน ขอฉันดูพี่โม่หน่อยได้ไหมคะ?”
“แน่นอนจ้ะ”
หลินเหม่ยเจินขยับออกไปขณะที่เธอพูด
ถังซวงรีบไปข้างหน้า เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวและดวงตาที่ปิดสนิทของโม่เจ๋อหยวน เธอรีบคว้าข้อมือของโม่เจ๋อหยวนทันที และสัมผัสชีพจรของเขา
เมื่อสัมผัสชีพจรของโม่เจ๋อหยวน ใบหน้าของถังซวงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเปลี่ยนมือเพื่อจับชีพจรของโม่เจ๋อหยวนอีกครั้ง
ผู้เฒ่าโม่ โม่ถิงฮวา หลินเหม่ยเจิน และคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่ถังซวงอย่างสงสัย
แต่หลี่จงอี้ถามอย่างเคร่งขรึมว่า “เป็นอะไรไปซวงเอ๋อร์ เสี่ยวโม่บาดเจ็บสาหัสมากหรือเปล่า?”
แม้แต่จิงเจ้อหรงเองก็เริ่มกังวล
ถังซวงไม่พูดอะไรและตรวจชีพจรต่อไปโดยที่เธอไม่กังวลใจอะไรอีก เด็กสาวรีบหยิบขวดยาออกมา เปิดปากของโม่เจ๋อหยวน และให้ยาสองเม็ดแก่เขา
“เดี๋ยวก่อน… เธอ… เธอให้เจ๋อหยวนกินอะไร?”
เมื่อเห็นการกระทำของถังซวง หลินเหม่ยเจินก็เดินไปห้ามอย่างประหม่าแล้วเตรียมจะเรียกหมอ ถึงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าจะเป็นเพื่อนที่ดีกับลูกชายของเธอ แต่ตอนนี้เมื่อลูกชายของเธอหมดสติอยู่ อีกฝ่ายจะมาให้เขากินอะไรก็ไม่รู้ได้ยังไง ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเกิดกินยาสุ่มสี่สุ่มห้าจะไม่อาการหนักกว่านี้หรือไง
แม้ว่าผู้เฒ่าโม่จะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็มองตรงไปที่ถังซวง
หลี่จงอี้รีบอธิบายจากด้านข้างทันที “หยานซงอย่ากังวลไป ทักษะทางการแพทย์ของถังซวงดีมาก จะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนถ้าให้เธอดูแลเสี่ยวโม่” เขามองตรงไปที่โม่หยานซง และกระซิบ “นายน่าจะรู้จักจวงเหวินเหอดี ยัยหนูซวงเป็นศิษย์สายตรงของเขา และทักษะทางการแพทย์ของเธอก็อยู่ในระดับสูง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เฒ่าโม่ก็รู้สึกโล่งใจ เขาหยุดหลินเหม่ยเจินทันทีและพูดว่า “เหม่ยเจิน รอเดี๋ยวก่อน ให้ถังซวงดูเจ๋อหยวนเถอะ”
“แต่คุณพ่อ…”
หลินเหม่ยเจินมองไปที่ผู้เฒ่าโม่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “แต่เธอ…”
“เหม่ยเจิน ฟังคุณพ่อเถอะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อของเขาพูด โม่ถิงฮวาก็หยุดภรรยาของเขา เขารู้ว่าพ่อรักเจ๋อหยวนมากแค่ไหน และก็รู้ด้วยว่าพ่อของเขาจะไม่มีวันเอาชีวิตของเจ๋อหยวนมาเสี่ยง ดังนั้นในเมื่อพ่อพูดแบบนั้น ก็แสดงว่าสาวน้อยคนนี้ต้องมีบางอย่างที่พิเศษแน่
เมื่อเห็นว่าสามีของเธอพูดเช่นนั้น หลินเหม่ยเจินก็ทำได้เพียงยับยั้งตัวเอง
และหลังจากที่ถังซวงป้อนยาให้โม่เจ๋อหยวนแล้ว เธอก็รีบหยิบเข็มทองคำที่นำมาด้วยออกมา ปลดเสื้อผ้าของโม่เจ๋อหยวนออกอย่างรวดเร็ว และฝังเข็มให้เขา
“หยุดนะ…!”
หลินเหม่ยเจินที่อดทนตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เมื่อเห็นถังซวงใช้เข็มกับลูกชายของเธอ เธอทนไม่ได้อีกต่อไป
หัวใจของผู้เฒ่าโม่เองก็เต้นไม่จังหวะเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลี่จงอี้พูดเมื่อกี้ เขาก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
ส่วนโม่ถิงฮวาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรีบคว้าภรรยาของเขาไว้ “เหม่ยเจิน รออีกหน่อยนะ”
“คุณจะรออะไรอยู่อีก? เธอทำแบบนี้ได้ยังไง? เจ๋อหยวนก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ทำไมเธอยังทำอย่างนี้อีก? ตอนนี้แพทย์สามารถรักษาให้อาการทรงตัวได้แล้วแท้ ๆ ถ้าเธอทำอะไรเสี่ยง ๆ แล้วเจ๋อหยวนอาการหนักขึ้นมาคุณจะทำยังไง?”
แน่นอน โม่ถิงฮวาก็กังวลเช่นกัน แต่ในเมื่อพ่อของเขาไม่ได้พูดอะไร เพราะงั้นพวกเขาทำได้เพียงรอ อีกอย่างเขาสังเกตเห็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าเขากังวลเกี่ยวกับเจ๋อหยวนมากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าไปยุ่ง
เมื่อเห็นว่าสามีของเธอยังคงห้ามเธออยู่ หลินเหม่ยเจินจึงพูดอีกครั้งว่า “ทำไมคุณถึงยังดึงฉันอยู่อีก รีบหยุดเธอสิ ถังซวงอายุแค่นี้เอง เธอจะมีทักษะทางการแพทย์อะไร?”
แน่นอนว่าถังซวงได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในขณะนี้เธอสนใจแต่กับการฝังเข็มให้โม่เจ๋อหยวนเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร หลังจากการฝังเข็ม เหงื่อค่อย ๆ ผุดออกมาที่หน้าผากของเด็กสาว
การฝังเข็มครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เธอต้องใช้สมาธิและรวบรวมลมปราณไปที่ปลายเข็ม ดังนั้นผิวของเธอจึงซีดลงและซีดลง
จิงเจ้อหรงมองถังซวงตาไม่กะพริบ และสังเกตเห็นอาการของเด็กสาวได้ทันที ซึ่งมันทำให้เขากังวลมาก
โชคดีที่ถังซวงยังทำการรักษาต่อไปสักพัก และหยุดลงในที่สุด
“ซวงเอ๋อร์ เธอเป็นอะไรไหม?”
จิงเจ้อหรงรีบไปข้างหน้าเพื่อสอบถาม และเขารู้สึกว่าสีหน้าของถังซวงแย่กว่าของโม่เจ๋อหยวนเสียอีก
เมื่อได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรง คนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นว่าถังซวงดูเหนื่อยล้ามาก และในเวลาเดียวกัน พวกเขากลับเห็นว่าสีผิวของโม่เจ๋อหยวนดีขึ้น และใบหน้าที่แต่เดิมซีดเซียวก็มีสีดอกกุหลาบจาง ๆ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้เฒ่าโม่ก็ขอบคุณเธอจากใจจริง “สหายถังซวง ขอบคุณที่รักษาอาการป่วยของเจ๋อหยวนมากนะ”
โม่ถิงฮวาและหลินเหม่ยเจินก็สังเกตเห็นสีหน้าของลูกชายตนเช่นกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ถึงยังไงถังซวงยังเด็กเกินไปที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของโม่เจ๋อหยวนได้
ถังซวงโบกมือเมื่อเธอได้ยินที่จิงเจ้อหรงพูด และพูดว่า “ลุงจิง ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันสบายดี”
หลังจากนั้นเธอมองไปที่ผู้เฒ่าโม่ “ผู้เฒ่าโม่จริงจังเกินไปแล้วค่ะ เดิมทีพี่โม่ก็เป็นเพื่อนของฉัน ฉันจึงอยากรักษาเขาเอง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ผู้เฒ่าโม่ก็รู้สึกประทับใจต่อถังซวงมากกว่าเดิม แต่เมื่อเห็นว่าร่างของหลานชายถูกปกคลุมด้วยเข็มทองคำ เขารีบถามว่า “ถังซวง เข็มพวกนี้จะเอาออกได้ตอนไหนหรือ?”
“หนึ่งถึงสี่ชั่วโมงค่ะ”
“อืม ๆ”
ผู้เฒ่าโม่พยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น
และเมื่อถึงเวลา ถังซวงก็นำเข็มทองคำออก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่โม่เจ๋อหยวนลืมตาขึ้น
“ซวงเอ๋อร์…?”