การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 155 ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูด
บทที่ 155 ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูด?
บทที่ 155 ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูด?
แม้ถังซวงจะอารมณ์ไม่ดี แต่เธอก็เลิกสนใจเรื่องนี้ไป หากจิงเจ้อหรงไม่สามารถจัดการเรื่องราวในครอบครัวตนเองได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องเสียเวลาด้วย
แต่จิงเจ้อหรงมองแผ่นหลังของถังซวงที่เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขากลับบ้านทันทีอย่างไม่ลังเล
เมื่อคุณนายจิงเห็นลูกชายคนเล็กกลับมา ใบหน้าก็ฉายแววความสงสัย
“อาเจ้อ ทำไมกลับมาบ้านตอนนี้ล่ะ? หรือว่า…”
ทันทีที่พูดออกไป หญิงชราเห็นว่าสีหน้าของลูกชายคนเล็กแปลกไป “อาเจ้อ เกิดอะไรขึ้น? ลูกทะเลาะกับหยิงตงหรือ?”
“คุณแม่ครับ ทำไมถึงทำแบบนั้น? สนุกหรือที่หลอกผม?”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของลูกชาย เวลานี้คุณนายจิงเห็นแล้วว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“อาเจ้อ ลูกเป็นอะไรไป? เราพูดคุยเรื่องนี้กันมานานแล้วไม่ใช่หรือ? ที่ลูกยังไม่แต่งงานก็เพราะลูกยังไม่ลืมหยิงตงไม่ใช่หรือ? ตอนนี้สามีของหยิงตงตายไปแล้ว เธอก็อยู่กับลูกสาวแค่สองคน แม่เลยต้องทำใจยอมรับและหาโอกาสให้กับลูก แต่ทำไมลูกดูไม่มีความสุขเอาซะเลย”
จิงเจ้อหรงแค่รู้สึกเหนื่อยล้าก็เท่านั้น
“คุณแม่ครับ ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าผมไม่ชอบเหม่ยหยิงตงแล้ว แม่กับผู้หญิงคนนั้นร่วมมือกันหลอกผมทำไม?”
แม้ลูกชายคนเล็กจะพูดอย่างนี้แล้ว แต่คุณนายจิงไม่เชื่อ
“แล้วถ้าลูกไม่ชอบเธอ ทำไมลูกยังไม่แต่งงานสักทีล่ะ?”
“แม่ครับ ก่อนหน้านี้ผมพูดชัดแล้วว่าผมไม่ต้องการสร้างครอบครัว ผมจะไม่แต่งงานจนกว่าจะเจอคนที่ผมชอบ ยังไงซะพี่ชายใหญ่และพี่ชายรองก็แต่งงานมีลูกแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องแผ่กิ่งก้านสาขาให้ครอบครัวเพิ่ม ทำไมคุณแม่ไม่เชื่อผมบ้าง?”
สีหน้าของคุณนายจิงชัดเจนว่ายังไม่เชื่อ
แต่จิงเจ้อหรงพูดต่อด้วยเสียงทุ้ม “แม่ครับ ตอนที่ตระกูลเหม่ยมาขอถอนหมั้น แม่เห็นผมเสียใจไหม?”
หลังจากได้ยิน คุณนายจิงก็นึกคิดอย่างหนักพร้อมตอบออกไป “เรื่องมันก็หลายปีแล้ว แม่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนั้น… ดูเหมือนว่าลูกจะไม่ได้รู้สึกเศร้า…”
แต่ในตอนนั้นทุกคนกลับคิดว่าลูกชายคนเล็กกำลังเสียใจ
จิงเจ้อหรงรู้สึกเสียใจที่ตนไม่ได้อธิบายความรู้สึกที่แท้จริงให้ครอบครัวทราบได้ทันเวลา เขาพูดต่อว่า “แม่ครับ อย่าไปยุ่งกับคนตระกูลเหม่ยอีก ตอนนี้ผมเจอคนที่ชอบแล้ว แต่เป็นเพราะการกระทำของแม่ในวันนี้ทำให้ผมอธิบายกับเธอไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณนายจิงที่เดิมนั่งอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นทันที
“อะไรนะ… ลูกมีคนที่ชอบแล้วหรือ? นี่ลูกหลอกแม่รึเปล่า? ห้ามโกหกแม่เด็ดขาดนะ!”
“แม่ครับ อีกฝ่ายยังไม่ตอบรับ ผมเลยยังไม่ได้เล่าให้ฟัง ตอนแรกผมคิดว่าจะบอกหลังจากที่เราตกลงคบกันแล้วค่อยพามาเจอคุณแม่ทีหลัง แต่ใครจะไปคิดว่าวันนี้ผมต้องไปเจอเหม่ยหยิงตง แล้วลูกสาวของผู้หญิงคนนั้นมาเห็นเข้า ผมเลยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับไปหาเธอไหม”
“เดี๋ยวก่อน… เดี๋ยวก่อนนะ…”
เพราะมีคำพูดมากเกินไป คุณนายจิงจึงค่อย ๆ ทบทวนคำพูดของลูกชายอีกครั้ง
“แล้ว…คนที่ลูกชอบมีลูกสาวด้วยหรือ?”
จิงเจ้อหรงไม่คิดจะปิดบัง เขาเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเฮ่อหลานทันที
“เฮ่อหลานเป็นคนดีมาก เธอเคยช่วยชีวิตผมเอาไว้ เป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่ผมจะชอบ เพราะอย่างนี้… คุณแม่ครับ ลูกสะใภ้เล็กของคุณแม่คือเธอเท่านั้น ถ้าแม่ไม่ยอม ลูกชายคนเล็กของแม่ก็จะครองโสดตลอดชีวิต”
ก่อนจะได้พบกับเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงคิดว่าการอยู่คนเดียวก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หลังจากได้พบเธอ เขารู้สึกเป็นครั้งแรกที่อยากจะใช้ชีวิตที่มีใครสักคนเคียงข้าง แต่ถ้าเฮ่อหลานไม่ยอมรับ เขาก็คงต้องอยู่คนเดียวไปเรื่อย ๆ
หลังจากได้ยินลูกชายคนเล็กพูดอย่างนั้น คุณนายจิงพูดทันทีว่า “โอ้… แล้วก่อนหน้านี้ทำไมลูกถึงไม่พูด ดูซิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกรีบไปพาเธอมาที่บ้านเร็วสิ”
ก่อนหน้านี้เธอเคยยอมปิดหูปิดตาให้กับเหม่ยหยิงตงที่ต้องการหวนคืนมาทั้งที่เคยถอนหมั้นลูกชายของตน แต่เวลานี้ไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่เห็นด้วยแม้หญิงคนนั้นจะมีลูกติด ยิ่งไปกว่านั้นลูกชายของเธอชื่นชอบอีกฝ่ายมาก
จิงเจ้อหรงชำเลืองมองแม่ของเขาแล้วตอบกลับ “เฮ่อหลานยังไม่ยอบรับรักผมเลย ตอนนี้ลูกสาวของเธอ ถังซวง เห็นผมกับเหม่ยหยิงตงอยู่ด้วยกันวันนี้ แล้วเธอก็ดูไม่สบอารมณ์มาก และ… และผมกลัวว่าเธอจะบอกแม่ของตัวเองให้เลิกยุ่งกับผม”
“อา… เป็นแบบนี้ได้ยังไง”
คุณนายจิงมองจิงเจ้อหรงด้วยแววตาหงุดหงิด “เป็นเพราะลูกไม่บอกครอบครัวให้เร็วกว่านี้นั่นแหละ ดูสิ ตอนนี้สิ่งที่แม่ทำด้วยเจตนาดีกลับกลายเป็นไม่ดีซะแล้ว ลูกรีบไปอธิบายให้สาวน้อยฟังเร็วเข้าสิ”
“ผมอธิบายทุกอย่างแล้ว แต่เธอก็ยังดูไม่ค่อยพอใจอยู่”
คุณนายจิงอดไม่ได้ที่จะถามต่อ “แล้วถ้า… จะเชิญสาวน้อยคนนั้นกับแม่ของเธอมาที่บ้านล่ะ? เดี๋ยวแม่จะอธิบายให้พวกเขาฟังเอง” สุดท้ายคุณนายจิงพูดต่ออย่างช่วยไม่ได้ “คนที่ลูกชอบชื่อเฮ่อหลาน… เฮ่อหลาน… อืม เป็นชื่อที่ดี”
แม้เธอจะเป็นหญิงชนบทมีลูกติดถึงสองคน แต่เพราะลูกชายคนเล็กไม่คิดแต่งงาน เวลานี้มีเหม่ยหยิงตงที่ต้องการกลับมา คุณนายจิงรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้คงไม่มีปัญหาอะไร ตราบใดที่ลูกชายคนเล็กของเธอชอบ เธอก็ยินดี สุดท้ายแล้วมันก็ดีกว่าการที่เขาจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต
“แม่ครับ เฮ่อหลานไม่ได้อยู่ในปักกิ่ง คราวนี้มีแค่ถังซวง ลูกสาวของเธอมาที่นี่”
หลังพูดถึงถังซวง แม้แต่จิงเจ้อหรงยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “สาวน้อยคนนี้น่าประทับใจมาก ผมเคยเห็นเธอในหนังสือพิมพ์ และข่าวของเธอสะพัดไปทั่วเมืองหลวง”
“อะไร อะไรนะ… หนังสือพิมพ์ฉบับไหน รีบไปเอามาให้แม่ดู”
คุณนายจิงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวลูกสาวของเฮ่อหลาน เมื่อได้ยินว่าถังซวงเคยลงหนังสือพิมพ์ เธอจึงรีบถามถึงทันที
“เดี๋ยวผมหาก่อน”
จิงเจ้อหรงค้นหนังสือพิมพ์ก่อนจะยื่นให้กับแม่ของตน
ทันทีที่เห็นภาพของถังซวงในหนังสือพิมพ์ คุณนายจิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สาวน้อยคนนี้สวยมาก โอ้… อาเจ้อ ทำไมลูกถึงทำอะไรชักช้าอย่างนี้ สาวน้อยตัวเล็กมาถึงเมืองหลวงแล้วแท้ ๆ ทำไมลูกไม่เชิญเธอมาที่บ้านของเรา?”
จิงเจ้อหรง “…”
เขาต้องการเชิญเธอมาเช่นกัน แต่เพราะถังซวงยุ่งอยู่กับการรักษาโม่เจ๋อหยวน เขาเลยไม่กล้าที่จะเอ่ยปากชวน แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะพอมีเวลาแล้ว “อ่า แล้วผมจะหาเวลาถามเธอให้”
“ลูกจะรอเวลาไหนอีก? รีบไปเชิญเธอมาวันนี้เลย เพราะลูกชอบแม่ของเธอมาก อย่างนั้นแล้วลูกก็ต้องวางตัวให้ดี อาเจ้อ จริง ๆ แล้วลูกควรบอกเราตั้งแต่ต้น นอกจากลูกจะพยายามมัดใจเธอแล้ว ก็ต้องให้ครอบครัวแบ่งเบาด้วย”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ จิงเจ้อหรงที่อารมณ์ไม่ดีก็ค่อย ๆ ผ่อนคลาย แม้เขารู้ว่าครอบครัวจะไม่ขัดขวางเขากับเฮ่อหลาน แต่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่สนับสนุนอย่างหนักแน่นแบบนี้ เขารู้สึกอบอุ่นจากก้นบึ้งของหัวใจ “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง เดี๋ยวผมจะไปเชิญซวงเอ๋อร์มาที่บ้านของเราเลยครับ”
“ดี ดี ดี รีบไปเร็วเข้า”