การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 157 มีโอกาสได้พบ
บทที่ 157 มีโอกาสได้พบ
บทที่ 157 มีโอกาสได้พบ
ผู้เฒ่าฉินไม่ทันเห็นความไม่ยินยอมของหลานสาว เขาพูดต่ออีกสองสามคำก่อนจะบอกให้หลานสาวกลับไป
หลังจากที่ฉินหรูเหมิ่งออกจากบ้านของผู้เฒ่าฉิน ใบหน้าของเธอก็มืดมน เธอเข้าห้องของตัวเองด้วยใบหน้าหม่นหมอง สิ่งที่อยู่ในใจคือรูปลักษณ์อ่อนโยนและมีเสน่ห์ของโม่เจ๋อหยวนกับถังซวนเมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน เธอรู้สึกโกรธโม่เจ๋อหยวนมาก พอยิ่งคิดมันก็ยิ่งรู้สึกแย่ในใจ “ฉันไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่ ฉันรู้จักพี่เจ๋อหยวนก่อน!”
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกเกลียดชังเสียแล้ว ในขณะนี้เธอหันมองเจียงหงเหลียงและซุนหงอย่างประหลาดใจก่อนถามว่า “รองเจียง คุณลุงซุน ทำไมถึงมาที่นี่ได้หรือคะ?”
หลังจากเจียงหงเหลียงได้พบถังซวง เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถังซวง ทำไมเธอไม่บอกเราว่ามาที่เมืองหลวงล่ะ? ถ้าฉันรู้ต้องไปรับเธอแน่นอน นี่ถ้าฉันไม่ได้ยินว่าเธออยู่ที่บ้านตระกูลโม่ คงไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คราวนี้ฉันมาที่นี่แบบกะทันหันเลยไม่ได้บอกใครน่ะค่ะ แล้วคุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากพาเธอไปดูโรงงานเพื่อขอคำแนะนำน่ะ ยาแก้อักเสบชุดแรกถูกจำหน่ายออกไปแล้ว และได้รับผลตอบรับดีมากด้วย แต่ยาอีกสองตัวยังไม่ถูกปล่อย แต่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว”
หลังได้ยิน ถังซวงยิ้มกว้างพร้อมตอบว่า “ได้เลยค่ะ แต่พาฉันไปที่นั่นจะไม่เป็นไรหรือ?”
“ไม่เป็นไรเลย เธอคือถังซวงสหายผู้คิดค้นยาพิเศษทั้งสามชนิด พวกเรายังหวังพึ่งพาเธอในการพัฒนายาใหม่ต่อไปในอนาคตด้วย”
ซุนหงพูดเสริมขึ้นว่า “ใช่ แต่น่าเสียดายที่เราเจอกันช้าไปหน่อย”
ขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกัน โม่ถิงซวนกลับมาจากด้านนอก เขาเห็นเจียงหงเหลียงและซุนหงพูดคุยกับถังซวง ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นประหลาดใจ ทั้งสองคนนี้รู้จักกับถังซวงด้วยงั้นหรือ? และพวกเขาทั้งหมดยิ่งดูสนิทสนมกันมากด้วย “ถังซวง นี่พวกเธอรู้จักกันหรือ?”
เจียงหงเหลียงหันไปมองโม่ถิงซวนและยิ้มก่อนจะพูดว่า “ใช่แล้ว พวกเรารู้จักกัน มา ๆ มาคุยกับถังซวงด้วยกัน”
ถึงจะสงสัยว่าถังซวงรู้จักกับเจียงหงเหลียงและคนอื่นได้ยังไง แต่โม่ถิงซวนก็ไม่เสียมารยาทที่จะถาม เขารีบเชิญทุกคนเข้ามาด้านใน “รองเจียง คุณซุน ยังไงก็มาถึงนี่แล้ว เข้ามานั่งพักข้างในก่อนเถอะครับ วันนี้คุณพ่อก็อยู่บ้านด้วย”
แต่ว่าเจียงหงเหลียงโบกมือพร้อมตอบกลับว่า “ไม่ล่ะ เราไม่รบกวนดีกว่า ฉันจะมาเยี่ยมผู้เฒ่าวันหลัง วันนี้ฉันมาพบสหายถังซวงน่ะ”
หลังได้ยินเจียงหงเหลียงพูดอย่างนั้น โม่ถิงซวนไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หลังจากถังซวงพูดอะไรบางอย่างกับผู้เฒ่าโม่และโม่เจ๋อหยวน เธอก็ออกไปพร้อมกับเจียงหงเหลียงและคนอื่น ๆ
โม่ถิงซวนมองถังซวงที่เดินออกไป แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วถามว่า “เจ๋อหยวน ถังซวงรู้จักกับรองเจียงและคนอื่น ๆ นานแล้วหรือ? ฉันรู้สึกว่ารองเจียงมองเธอแปลก ๆ ต้องมีอะไรแน่ ๆ”
เจียงหงเหลียงที่เดิมเป็นคนไม่สุภาพมากนัก แต่สำหรับถังซวงแล้ว เขากลับมีรอยยิ้มและดูกระตือรือร้นมาก
แต่ผู้เฒ่าโม่รู้ดี เขาชำเลืองมองลูกชายคนเล็กพร้อมพูดว่า “พอได้แล้ว ทำไมถึงพูดมากนัก ในเมื่อเจียงหงเหลียงมาหาซวงเอ๋อร์ มันจะมีอะไรผิดปกติ? อีกอย่างทำไมวันนี้แกกลับมาบ้านเร็วนัก?”
“ก็ทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ผมเลยกลับเร็วนี่ครับ อีกอย่างเมื่อวานผมสัญญากับชืออวี่ว่าจะพาเธอไปซื้อของวันนี้”
หลังได้ยินแล้ว ผู้เฒ่าโม่โบกมือแล้วพูดต่อ “งั้นก็รีบไปซะ”
โม่เจ๋อหยวนยังคงพูดถึงการสนทนาก่อนหน้านี้ “คุณปู่ครับ คุณปู่หลี่กับซวงเอ๋อร์ออกไปแล้ว งั้นผมก็ขอตัวเหมือนกันครับ”
“อ่า ในเมื่อหลานตัดสินใจแล้วก็ไปเถอะ แต่คราวนี้ลุงของหลานไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว หลานอยู่คนเดียวได้แน่นะ?”
โม่เจ๋อหยวนยิ้ม “คุณปู่ไม่ต้องกังวลครับ ไม่เป็นไรเลย คุณปู่หลี่และคุณป้าหลานดูแลผมเป็นอย่างดี”
“อืม งั้นก็ดีแล้ว”
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน จิงเจ้อหรงก็เข้ามา
ผู้เฒ่าโม่ยินดีมากที่เห็นจิงเจ้อหรงมาที่นี่ “เจ้อหรง ในที่สุดเธอก็มาสักที อ้อ จริงสิคราวก่อนฉันบอกว่าฉันจะเลี้ยงอาหารดี ๆ กับเธอสักมื้อนี่”
จิงเจ้อหรงหัวเราะ “ผู้เฒ่าโม่ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขออยู่ฝากท้องมื้อเย็นด้วยนะครับ”
“ดีเลย ดีมาก”
ผู้เฒ่าโม่ตอบกลับตามตรง ก่อนจะส่งคนไปเตรียมอาหารในครัว
โม่เจ๋อหยวนยืนขึ้นพร้อมพูดว่า ‘ลุงจิง’
จิงเจ้อหรงมองไปรอบ ๆ และพบว่าถังซวงไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาเลยถามว่า “ซวงเอ๋อร์อยู่ไหนหรือครับ?”
“เธอมาหาถังซวงหรือ ฉันเห็นเธอเพิ่งออกไปกับเจียงหงเหลียงกับคนอื่น ๆ น่ะ”
หลังได้ยินแล้ว จิงเจ๋อหรงประหลาดใจเล็กน้อย “บังเอิญจังเลย งั้นเดี๋ยวผมรอเธอกลับมาดีกว่า”
ผู้เฒ่าโม่ยิ้มพร้อมพูดว่า “เจ้อหรง ยังไงซะเธอก็อยู่กินมื้อเย็นที่นี่ ยังไงก็ได้เจอกับถังซวงอยู่แล้ว”
ด้านถังซวงที่ตามเจียงหงเหลียงและซุนหงไปที่โรงงานผลิตยา ทั้งสามคนเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมตรงเข้าไปด้านใน ถังซวงเดินตรวจทุกซอกทุกมุม ในที่สุดเธอก็ตรวจสอบยาห้ามเลือดและยาทาแผล และหันไปหาเจียงหงเหลียงด้วยรอยยิ้ม “ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ ไม่ต่างจากที่ฉันทำเลย และโรงงานนี้ก็สุดยอดในทุกด้านด้วย”
เมื่อได้ยินคำชื่นชมจางถังซวง เจียงหงเหลียงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมยิ้มกว้าง “ได้ยินอย่างนี้ก็ชื่นใจ”
เวลานี้ฝูเซียงเซิงเดินเข้ามา เมื่อเห็นถังซวงจึงรีบทักทาย “ถังซวง ดีใจจริง ๆ ที่ได้พบเธอ ฉันน่ะไม่เชื่อตอนที่รองเจียงบอกว่าเธอมาที่เมืองหลวง ไม่คิดเลยว่าเธอจะอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย”
เมื่อได้พบฝูเซียงเซิงแล้ว ถังซวงยิ้มกว้างก่อนเอ่ยปาก “ดีใจที่ได้พบนายเหมือนกัน มาตรฐานที่นี่ยอดเยี่ยมมาก ดูเหมือนว่านายจะทำงานหนักเลยล่ะสิ”
“ถ้าเธอว่าดี ยาทั้งสามชนิดนั้นถือว่าสุดยอดแล้ว ทั้งยาห้ามเลือดและยาทาแผล สามารถส่งมอบมันให้กับกองทัพได้ทันที”
“อืม ดีมาก ตอนนี้ฉันกำลังพัฒนายาอีกสองตัว และจะส่งไปให้นายดูหลังจากเสร็จแล้วนะ”
อีกสามคนที่เหลือถึงกับกลอกตาไปมาอย่างตื่นเต้น
สิ่งที่ถังซวงผลิตออกมาย่อมดีแน่นอน พวกเขาทั้งสามแทบจะรอไม่ไหวเพราะอยากรู้ว่าเธอกำลังพัฒนายาอะไรอยู่
เจียงหงเหลียงเกิดรู้สึกขึ้นมาว่าลานบ้านผุพังที่ตนเตรียมไว้ไม่น่าจะใช้ได้ จึงคิดรายงานให้เบื้องบนทราบ ในช่วงเวลาที่ถังซวงอยู่ในเมืองหลวง จะต้องจัดหาบ้านให้เธอ
ถังซวงไม่รู้ว่าเจียงหงเหลียงกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเธอรู้ แน่นอนว่าเธอต้องมีความสุขมาก เวลานี้เธอบอกลากับทุกคน แต่จังหวะนั้นกลับมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
“รองเจียง วันนี้คุณก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
เจียงหงเหลียงมองคนที่มาใหม่ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “จิงซิว มาได้ยังไงครับ?”
จิงซิวหรงยิ้มก่อนจะตอบว่า “ฉันมาดูว่ายาที่นายผลิตเป็นยังไงบ้างน่ะ” ขณะกล่าว เขาหันมองถังซวงผู้ที่ได้รับความชื่นชมจากทุกคน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยถามออกไปด้วยความสงสัย “แล้วสาวน้อยคนนี้ล่ะ?”
เจียงหงเหลียงยิ้มกว้าง “นี่คือถังซวง เป็นเพื่อนฉันน่ะ”
ถึงเจียงหงเหลียงจะไม่ได้พูดอะไร แต่จิงซิวหรงก็ยังคงมองถังซวงด้วยใบหน้าประหลาดใจ “อ้อ นี่คือถังซวงนี่เอง ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาที่เมืองหลวงด้วย อย่างนั้นคืนนี้กินมื้อค่ำด้วยกันเถอะ”
เขาเห็นผลลัพธ์ของยาสองสามชนิดนี้แล้ว ทั้งยาห้ามเลือดและยาทาแผล มันยอดเยี่ยมมากและยากที่จะเชื่อว่ามันถูกพัฒนาจากสาวน้อยตรงหน้านี้
ถังซวงส่ายหัวพร้อมตอบอย่างสุภาพ “วันนี้ไม่ได้ค่ะ ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน วันนี้ฉันต้องกลับก่อน”
เมื่อเห็นว่าถังซวงพูดอย่างนั้น จิงซิวหรงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาแค่บ่นอย่างเสียดาย “อย่างนั้นถ้ามีโอกาสเราค่อยพบกันใหม่นะ”