การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 16 โรงเรียน
บทที่ 16 โรงเรียน
บทที่ 16 โรงเรียน
เฮ่อหลานและถังเซวี่ยได้ยินเสียงของถังซวง ก็วิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
“แม่คะ เสี่ยวเซวี่ย มาขนของกัน”
เมื่อเห็นของที่ถังซวงนำกลับมา เฮ่อหลานกับถังเซวี่ยต่างรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ซวงเอ๋อร์ ลูกซื้อของพวกนี้มาเหรอ? นี่ลูกไปเอาเงินมาจากไหน? ของพวกนี้มันต้องใช้คูปองแลกไม่ใช่เหรอ ลูกไปเอาคูปองมาจากไหน?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถังซวงก็อดหัวเราะไม่ได้ “แม่คะ ฉันกลัวว่าแม่จะเป็นห่วงเลยไม่ได้บอกอะไรตอนที่ขึ้นไปบนภูเขา พอดีตอนนั้นฉันช่วยคนคนหนึ่งไว้โดยบังเอิญ ของพวกนี้ได้มาเพราะเขาเลย ถือเป็นคำขอบคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แถมตอนเที่ยงวันนี้ เขากับลุงยังเชิญฉันไปกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารของรัฐด้วย”
การบังเอิญเจอโม่เจ๋อหยวนในวันนี้ทำให้ถังซวงมีเหตุผลขึ้นมาอ้าง ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกันอีกในอนาคต แต่ถึงจะได้พบกัน โม่เจ๋อหยวนก็คงช่วยเหลือเธอได้แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“อะไรนะ… มีคนให้มาเหรอ?”
ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะไปหาเงินกับคูปองจำนวนมากจากที่ไหนมาซื้อของพวกนี้ได้กัน โชคดีที่ฉันบังเอิญเจอคนคนนั้นจริง ๆ”
เมื่อถังเซวี่ยรู้ว่าของพวกนี้เป็นของพวกเธอจริง ๆ ใบหน้าของเด็กสาวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“โห… ดีจัง ของพวกนี้เรากินได้อีกนานเลย”
เฮ่อหลานขมวดคิ้วรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “ซวงเอ๋อร์ นี่… มันไม่ดีเท่าไหร่นะที่รับสิ่งของมากมายขนาดนี้ไว้”
แต่ถังซวงกลับถือสิ่งของต่าง ๆ เข้าไปในบ้านแล้ว “แม่คะ ในเมื่อคนอื่นมอบให้ฉันแล้ว ของพวกนี้ก็เป็นของของฉัน มันไม่มีอะไรดีหรือไม่ดีหรอกค่ะ เรารีบไปจัดของกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวพูดแบบนั้น เฮ่อหลานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นเธอก็ช่วยย้ายของทุกอย่างเข้ามาในบ้าน
“แม่คะ เสี่ยวเซวี่ย กินข้าวเที่ยงหรือยัง ถ้ายังไม่กิน มาทำบะหมี่กินกันเถอะ”
เฮ่อหลานที่ได้ยินก็รีบพูดว่า “เรากินแล้ว”
“ใช่ ๆ พี่สาว แม่กับฉันกินข้าวแล้ว”
“อืม ถ้างั้นเรามาทำความสะอาดก็แล้วกัน”
หลังจากแม่กับลูกสาวช่วยกันเก็บของทั้งหมดแล้ว บ้านก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
“บ้านของเราสวยจริง ๆ แถมเราจะมีห้องเป็นของตัวเองแล้วด้วย”
ถังเซวี่ยมีความสุขมาก เธอรู้สึกว่าหลังจากออกมาจากตระกูลถัง ชีวิตของพวกเธอก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งกินอิ่มนอนหลับได้ นี่คือชีวิตที่เธอใฝ่ฝันชัด ๆ
พอได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอพอใจง่ายเกินไปหรือเปล่า”
“พี่สาวคะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ใครจะไม่พอใจกัน”
“อย่ากังวลมาก พวกเราต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้แน่”
ดวงตาของถังซวงสดใสขึ้นทันที แล้วเธอก็เริ่มคาดหวังกับวันข้างหน้าที่จะมาถึง ทว่าจู่ ๆ ท้องของเธอกลับรู้สึกหิวขึ้นมาซะอย่างนั้น “แม่คะ วันนี้ทำอาหารเย็นเร็วขึ้นได้ไหมคะ หนูเริ่มหิวแล้ว” แม้ว่าตอนเที่ยงเธอจะกินไปเยอะมาก แต่ท้องกลับยังหิวอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มันก็เลยเวลามามากแล้วด้วย
“ได้สิ แม่จะทำอาหารให้เดี๋ยวนี้แหละ”
“แม่คะ หนูจะช่วยจุดไฟนะ” ถังเซวี่ยคลี่ยิ้มแล้ววิ่งไปช่วย
ส่วนถังซวงนั้นยืนคิดอยู่สักพักแล้วจึงตามไปด้วย เธออยากกินบะหมี่กับไข่ แล้วเธอก็ต้องการแบบที่มีไข่เยอะ ๆ “แม่ คืนนี้กินบะหมี่ไข่กันเถอะ ฉันขอไข่สองฟองเลย”
ได้ยินแบบนี้ เฮ่อหลานก็ชำเลืองมองถังซวงแล้วพูดว่า “ไข่ใบเดียวก็เพียงพอสำหรับพวกเราสามคนแล้ว ลูกจะกินไข่คนละสองฟองเลยหรือไง มันเปลืองนะลูก”
ถังซวงมีสีหน้าไม่พอใจทันที
“แม่คะ กินลงท้องจะเสียเปล่าได้ยังไง กินคนละสองฟองไปเลย” พูดจบเธอก็อดไม่ได้ที่จะเคาะไข่ ‘ปัก ปัก ปัก…’ สองสามครั้งแล้วไข่หกฟองก็ถูกตีอย่างรวดเร็ว
“ซวงเอ๋อร์ ลูกใช้ไข่มากเกินไปแล้ว แม่กับน้องอยู่ได้ ไข่ฟองเดียวก็เพียงพอสำหรับเราแล้วนะ” เมื่อเห็นถังซวงตีไข่ เฮ่อหลานก็แทบจะร้องไห้ออกมา
“แม่คะ ไข่ก็ตีไปแล้ว เพราะงั้นรีบทำบะหมี่กันเถอะ”
ถังเซวี่ยเข้าข้างพี่สาวของเธออย่างรวดเร็ว
ไข่ถูกตีไปแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดมากกว่านี้ ดังนั้นเฮ่อหลานเลยใช้มันทั้งหมดเพื่อทำบะหมี่ไข่ แล้วในที่สุดสามแม่ลูกก็ทำบะหมี่ไข่สามชามที่มีสีสันและกลิ่นหอมน่ากิน
สีเขียวจากผัก สีเหลืองจากไข่ และเส้นหมี่ขาวด้านบน ทุกอย่างกลมกล่อมและเข้ากันอย่างลงตัว ทั้งสามคนพากันกินจนอิ่มท้อง
“อ๊า…วันนี้มีความสุขจัง”
ถังเซวี่ยลูบท้องที่โป่งพองออกมาอย่างพอใจ
ถังซวงเองก็คิดว่าบะหมี่วันนี้อร่อยมาก เหตุผลหลักคือทักษะการทำอาหารของเฮ่อหลานนั้นดีอยู่แล้ว ทำให้บะหมี่ผักใส่ไข่ที่เรียบง่ายนั้นอร่อยมากยิ่งขึ้น “แม่คะ พรุ่งนี้เช้ากินบะหมี่กันต่อเถอะ หนูอยากกินบะหมี่หมูเส้น”
เฮ่อหลานมองลูกสาวคนโตด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “ถ้าลูกกินขนาดนี้ ของที่ซื้อมาเมื่อวานจะมีพอแค่สำหรับหนึ่งเดือนเท่านั้นนะ”
ถังซวงกลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็แค่ซื้อเพิ่มไงคะ แม่ อย่าลืมสิคะว่าเราสามคนไม่เคยได้กินอิ่มมาก่อน จนเราขาดสารอาหารกันมาก พวกเราทั้งซีดเซียวทั้งผอมแห้งขนาดนี้ เราต้องบำรุงร่างกายนะคะ ไม่งั้นเสี่ยวเซวี่ยกับฉันจะไม่สูงขึ้นแล้วนะ แถมจะไม่สวยด้วย”
ประโยคสุดท้ายนั้น เธอเอามือลูบแขนที่ลีบเหลืองของเธอ และสีหน้าของเธอก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ารับไม่ได้
เดิมทีเฮ่อหลานรู้สึกเสียดายอาหารมาก แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและกลายเป็นเศร้าหมอง แล้วเธอก็รีบพยักหน้าทันที “ได้ งั้นพรุ่งนี้เช้าเรากินบะหมี่กันอีก เอาเป็นบะหมี่หมูเส้นแล้วกัน แม่เห็นลูกเอาเนื้อกลับมาด้วย เดี๋ยวแม่จะทำหมูเส้นเตรียมไว้เดี๋ยวนี้แหละ”
“ดีเลยค่ะ”
เมื่อเฮ่อหลานเดินไปที่ห้องครัว ถังซวงก็หันมามองถังเซวี่ยด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเซวี่ย ต่อจากนี้ไปก็กินให้เต็มที่เลยนะ พี่สาวจะไม่ปล่อยให้เธอหิวอีกแล้ว”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้วพี่สาว”
เพราะพี่สาวสามารถหาเนื้อมาได้ทุกครั้งเมื่อขึ้นไปบนภูเขา เธอจึงรู้ว่าพวกเธอจะไม่มีทางหิวอีกในอนาคต
จู่ ๆ ถังซวงก็ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อคิดได้ว่าตนกับน้องสาวยังไม่เคยไปโรงเรียนเลยทั้งที่อายุเท่านี้กันแล้ว เธอมองถังเซวี่ยพลางพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย หลังหมดวันหยุดฤดูร้อนแล้ว พวกเราไปโรงเรียนกันเถอะ ถึงมันจะช้าไปหน่อย แต่เราขอให้แม่สอนให้เราอ่านหนังสือได้ เพราะงั้นเราก็จะสามารถเข้าเรียนในชั้นป. 6 ได้เลย แล้วหลังจากเรียนจบป. 6 เราก็จะสามารถเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมต้นได้ด้วย”
“จริงเหรอคะพี่สาว! เราไปโรงเรียนได้จริง ๆ เหรอ!?”
ถังเซวี่ยมองถังซวงด้วยนัยน์ตาสดใส จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตที่มีความสุขในตอนนี้ราวกับฝันไป แน่นอนว่าเธออิจฉาเด็กคนอื่น ๆ ที่ได้ไปโรงเรียน แต่เพราะเธอกับพี่สาวต้องทำงานบ้านอย่างไม่รู้จบ มันเลยเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แต่ไม่นึกเลยว่าหลังจากนี้ตนเองจะได้ไปโรงเรียนแล้วจริง ๆ
ทว่าในไม่ช้า ถังเซวี่ยก็หดหู่ลงอีกครั้ง
“แต่ว่าครอบครัวเราไม่มีเงินไปโรงเรียนหรอกนะคะ”
ถ้าเธอกับพี่สาวไปโรงเรียนทั้งคู่ ก็คงไม่มีใครทำงานแลกแต้ม อีกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้ที่แม่ของเธอจะหาเงินจากการเย็บปักถักร้อยเพียงลำพังมาเลี้ยงดูพวกเธอได้ ไม่ต้องพูดถึงค่าเล่าเรียนด้วยซ้ำ
ถังซวงจับมือถังเซวี่ยไว้แล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ให้ฉันบอกความลับกับเธอเอาไหม?”
“ความลับอะไรเหรอคะ?”
เด็กสาวเอนตัวไปพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ถังซวงทำเสียงลึกลับว่า “ที่จริง… ฉันมีวิธีหาเงิน ดังนั้นเราทั้งคู่จะได้ไปโรงเรียน”
“หือ วิธีอะไรคะ?”