การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 167 คำถาม
บทที่ 167 คำถาม
บทที่ 167 คำถาม
เมื่อเห็นว่าชายชราเป็นลมไป ถังซวงก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าข้อมือตรวจสอบชีพจรของชายชราอย่างระมัดระวัง ก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่เสียใจมากเกินไปเลยหมดสติค่ะ” ขณะพูดอย่างนั้นเธอหยิบขวดยาออกมา เทยาสองเม็ดแล้วคิดจะป้อนมันให้กับชายชรา
“ว้าย…”
พานลี่ฮวาร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าถังซวงกำลังจะทำอะไร
หลังจากเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่ตน พานลี่ฮวารีบพูดด้วยความกังวล “ซวงเอ๋อร์ เธอจะเอาอะไรให้คุณพ่อกิน? เราไม่ควรให้ยาท่านสุ่มสี่สุ่มห้านะ”
เฮ่อจื่อกุยจ้องมองภรรยาตนแล้วพูดว่า “เธอนี่ไม่รู้อะไรซะเลย” จากนั้นเขามองถังซวงแล้วพูดว่า “ถังซวง เป็นเพราะป้าไม่รู้ว่าเธอมีทักษะการแพทย์ อย่าได้ถือสาเลยนะ รีบป้อนยาเถอะ”
ถังซวงไม่ได้พูดอะไรมาก และป้อนยาให้กับผู้เฒ่าเฮ่อทันที
จากนั้นไม่นาน ผู้เฒ่าเฮ่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าเขาหมดสติไป เวลานี้เขากังวลว่าคนรอบข้างจะเป็นห่วง และเฮ่อหลานกับคนอื่น ๆ จะกลัวเลยรีบพูดต่อว่า “ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
เฮ่อจื่อกุยรู้ว่าชายชรากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นอย่างนั้นเขารีบอธิบายทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“พ่อครับ เมื่อกี้ซวงเอ๋อร์ช่วยพ่อเอาไว้ ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งแล้ว พ่อต้องบอกซวงเอ๋อร์ทุกอย่างถ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือไม่สบายตัวตรงไหนนะครับ”
หลังได้ยินอย่างนั้น ผู้เฒ่าเฮ่อมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ “ซวงเอ๋อร์ เธอรู้เรื่องการแพทย์ด้วยงั้นหรือ?”
ถังซวงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ใช่ค่ะคุณตา ร่างกายของคุณไม่ค่อยดี เดี๋ยวฉันจะช่วยดูให้เองค่ะ” เพราะตอนนี้ผู้เฒ่าเฮ่ออารมณ์ไม่คงที่นัก ร่างกายของเขาก็ไม่ดี เขาเลยหมดสติไป
“ตกลง ๆ”
หลังจากที่ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ส่วนพานลี่ฮวาที่อยู่ด้านข้างยังคงกังวล แม้ถังซวงจะช่วยพ่อตาของตนเอาไว้ แต่ใครจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ? ตอนนี้อำนาจตระกูลเฮ่อทั้งหมดยังอยู่ในมือของชายชรา หากมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเขา ครอบครัวจะต้องวุ่นวายมากแน่นอน แต่สุดท้ายแล้วแม่สามีก็ยังไม่พูดอะไร พานลี่ฮวาจึงทำได้แค่เงียบ
หลังจากที่หลายคนนั่งลงอีกครั้ง เฮ่อหลานก็ไม่กล้าพูดถึงแม่บุญธรรมของเธอไปมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าผู้เฒ่าเฮ่อจะความดันขึ้นอีกครั้ง
หญิงชราจึงพูดขึ้นขณะที่นั่งอยู่ด้านข้าง “เอาล่ะ อาหลานและคนอื่น ๆ เพิ่งจะมาถึง คงยังไม่ได้กินอะไร งั้นไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับ “ใช่ ไปกินข้าวกันเถอะ”
เมื่อทั้งหมดมาถึงห้องอาหาร ถังซวงเห็นโต๊ะขนาดใหญ่พร้อมอาหารเลิศรสวางเตรียมไว้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาหารประจำมณฑลเจียง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาใส่ใจกับมันมาก
ในตอนนี้ ผู้เฒ่าเฮ่อรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เขาขยับตะเกียบทันทีเมื่อนั่งลง แล้วยังชวนให้เฮ่อหลานกับคนอื่น ๆ กินอาหารให้มาก ๆ
“อาหลาน เธอมาก่างเฉิงครั้งแรก ฉันกลัวว่าจะไม่คุ้นกับอาหารที่นี่นัก เลยให้พ่อครัวจากมณฑลเจียงทำอาหารพวกนี้เป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเธอจะชอบไหม”
เฮ่อหลานรีบตอบกลับ “ขอบคุณมากค่ะ อาหารหลายอย่างมาจากมณฑลเจียงทั้งนั้น พวกเราต้องชอบแน่นอน แต่เราไม่ได้มาก่างเฉิงบ่อย ถ้าคราวหน้าไม่ต้องลำบากดีกว่าค่ะ ทำอาหารของที่นี่ก็ได้ พวกเราจะได้ลองกินด้วย”
“ตกลง งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราจะทำอาหารกวางตุ้งให้นะ”
ผู้เฒ่าเฮ่อตอบด้วยรอยยิ้ม
ถังซวงและน้องสาวก็ไม่ใช่คนกินยาก ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้เรื่องมากนัก
ผู้เฒ่าเฮ่อทั้งสองมีความสุขมากที่เห็นทุกคนกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หญิงชราให้พานลี่ฮวาพาเฮ่อหลานและลูกสาวไปยังห้องที่เตรียมไว้เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน
“อาหลาน เธอคงเหนื่อยจากการเดินทางไกล เธอกับซวงเอ๋อร์ และเสี่ยวเซวี่ยพักผ่อนตามสบายเลยนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้”
เฮ่อหลานขอบคุณอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม หลังจากพานลี่ฮวาจากไป ทั้งสามแม่ลูกก็เริ่มพักผ่อน
หลังจากที่พานลี่ฮวากลับมาที่ห้องนั่งเล่น เธอเห็นว่าผู้เฒ่าเฮ่อทั้งสองกำลังพักผ่อนเช่นกัน เธอจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าภรรยากลับมาแล้ว เฮ่อจื่อกุยรีบถาม “ซวงเอ๋อร์พักผ่อนอยู่หรือ?”
“ค่ะ พวกเธอเข้าห้องพักผ่อนไปแล้ว”
พานลี่ฮวาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นนึกถึงการช่วยเหลือของถังซวงก่อนหน้านี้แล้วกล่าวอย่างกังวล “จื่อกุย คุณใจกว้างเกินไปรึเปล่า ถึงถังซวงจะเก่ง แต่เธอก็คงไม่ได้ชำนาญ สุขภาพของคุณพ่อสำคัญมาก พรุ่งนี้เราควรเชิญให้หมอจินมาดูจะดีกว่า”
แต่เฮ่อจื่อกุยโบกมือพร้อมพูดว่า “ไม่จำเป็น ตราบใดที่ซวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ทุกอย่างจะเรียบร้อยแน่”
“จื่อกุย ทำไมคุณถึงไม่ฟังอะไรเลย”
พานลี่ฮวารู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทีไม่แยแสของเฮ่อจื่อกุย “สิ่งสำคัญคือสุขภาพของคุณพ่อ คุณล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ลี่ฮวา คุณคิดว่าผมล้อเล่นหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของสามี พานลี่ฮวาก็หยุดปากและรู้สึกอัดอั้นในใจ แต่ก็ไม่สามารถโต้เถียงได้
เฮ่อจื่อกุยรู้ดีว่าภรรยากำลังกังวล เขาจึงเริ่มอธิบายเรื่องของถังซวงให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด และในตอนท้ายก็สรุปว่า “ซวงเอ๋อร์มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เราไม่ควรต้องกังวลกับเรื่องนี้ และครั้งนี้ซวงเอ๋อร์มาที่นี่เพราะจะรักษาร่างกายของพ่อ ไม่อย่างนั้นทั้งสามแม่ลูกนี้ไม่คิดจะมาที่นี่หรอก”
เวลานี้กลายเป็นพานลี่ฮวาที่ประหลาดใจ
“ถังซวงยังเด็กมาก อายุเพียงเท่านี้แต่กลับฉลาดเฉลียวเกินวัย”
เพราะสามีรับประกันขนาดนี้ ความสามารถของอีกฝ่ายจะต้องยอดเยี่ยมแน่นอน เวลานี้พานลี่ฮวาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ถามเรื่องราวของสามีกับลูกชายที่อาศัยในมณฑลเจียง
นับจากวันที่เขาได้พบกับเฮ่อหลาน เฮ่อจื่อกุยเล่าเรื่องชีวิตพ่อลูกในมณฑลเจียงทั้งหมดให้ภรรยาฟังแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ฉันก็จะไปพักเหมือนกัน ถ้าเธออยากพักก็ไปงีบสักพักได้นะ”
พานลี่ฮวาส่ายหัวพร้อมตอบกลับ “คุณพักผ่อนเถอะ ฉันไม่นอนแล้ว เมื่อเช้าฉันตื่นสาย ตอนนี้ยังไม่ง่วงเลย”
“ตกลง งั้นฉันไปนอนก่อนนะ”
หลังจากที่เฮ่อจื่อกุยพักผ่อน พานลี่ฮวาก็นั่งอยู่ที่โต๊ะและเริ่มคิดว่าจะดูแลถังซวงและถังเซวี่ยอย่างไร เพราะลูกสาวของเฮ่อหลานมาก่างเฉิงเป็นครั้งแรก เธอคิดว่าควรจะดูแลสามแม่ลูกให้ดี
อีกด้าน ถังซวงนอนหลับไปตลอดทั้งบ่าย และเมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว เธอจัดเสื้อผ้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาถังเซวี่ย
“พี่คะ ตื่นแล้วหรือ”
ถังซวงพยักหน้าก่อนจะถามว่า “แล้วแม่ล่ะ?”
“เพิ่งตื่นเมื่อสักพักนี่เอง”
หลังจากพูดอย่างนี้ เฮ่อหลานเดินเข้ามาและเห็นว่าลูกสาวทั้งสองตื่นแล้ว เธอจึงยิ้มแล้วถามว่า “หลับสบายไหม?”
“ค่ะแม่”
“ดีแล้วจ้ะ”
หลังจากเห็นลูกสาวตอบอย่างนี้ เฮ่อหลานก็ผ่อนคลายมาก จากนั้นทั้งสามเดินไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยกันและพบว่าผู้เฒ่าเฮ่อทั้งสองนั่งอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว