การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 176 งานเลี้ยง
บทที่ 176 งานเลี้ยง
บทที่ 176 งานเลี้ยง
เมื่อเห็นท่าทางร้อนใจของพานลี่ฮวาแล้ว ทั้งสามแม่ลูกถึงกับหัวเราะออกมา
หลังจากพานลี่ฮวาได้ยาบำรุงผิวไป ตามที่ถังซวงบอก หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เธอต้องบันทึกสภาพเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงในทุกวัน
จากนั้นไม่นาน ก็ถึงวันงานเลี้ยงของตระกูลเฮ่อ
“อาหลาน เธอออกไปข้างนอกกับฉันนะ แล้วเดี๋ยวเจียรุ่ยจะพาซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเข้าไปช่วยด้านใน”
เมื่อได้รับหน้าที่แล้ว แน่นอนว่าเฮ่อหลานไม่คัดค้านอะไร “ค่ะพี่สะใภ้”
ด้านเฮ่อจื่อกุยก็ออกไปด้านนอกเพื่อต้อนรับแขก และแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเฮ่อหลาน
เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามอย่างยิ่งเพื่อจดจำทุกสิ่งที่เฮ่อจื่อกุยพูด แล้วทักทายอีกฝ่ายกลับด้วยรอยยิ้ม
ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างก็เป็นเพื่อนกับตระกูลเฮ่อทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อมาบ้าง แต่เมื่อได้พบกับหลานของผู้เฒ่าเฮ่อเวลานี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดา
“จื่อกุย นี่คงเป็นหลานสาวของคุณใช่ไหมครับ เธอสวยมากเลย”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว ใบหน้าของเฮ่อหลานแดงก่ำ
แต่เฮ่อจื่อกุยกลับหัวเราะเสียงดัง “คุณซ่าง นี่คือน้องสาวของผมครับ ไม่ใช่หลานสาว ส่วนหลานสาวของผมอยู่ด้านใน”
“อ่า… เป็นน้องสาวหรอกหรือเนี่ย แต่เธอยังดูเด็กมากเลยนะครับ”
ซ่างสยงเยี่ยชำเลืองมองเฮ่อหลานด้วยความประหลาดใจก่อนจะหัวเราะออกมา “น้องสาวคุณคงเด็กมาก ผมคิดว่าเธอจะอายุไล่เลี่ยกับคุณซะอีก”
เฮ่อจื่อกุยยิ้มแล้วตอบกลับ “ครับ น้องสาวอายุน้อยกว่าผมจริง ๆ”
ซ่างสยงเยี่ยยืนคุยกับเฮ่อจื่อกุยสักพักก่อนจะเดินเข้าประตูไป แต่เมื่อเขาเห็นถังซวงและถังเซวี่ย ใบหน้ายิ่งเผยความประหลาดใจ เดิมทีเขาคิดว่าเฮ่อหลานอายุเพียงยี่สิบเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนคือลูกสาวของเฮ่อหลาน เขารู้ทันทีว่าอายุของเธอต้องมากกว่านั้นแน่
และประสาทสัมผัสของถังซวงก็เร็วมาก เธอรู้สึกได้ทันทีเมื่อมีใครกำลังมองมา หลังจากหันมองไปรอบ ๆ เธอเห็นว่าเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงโปร่ง แต่อีกฝ่ายกลับมองไปทางอื่นแล้ว ดังนั้นถังซวงจึงไม่คิดสนใจ
ทุกคนที่ได้รับคำเชิญมาในวันนี้ มีบางคนที่ร่วมขี่ม้ากับเธอในวันนั้นด้วย
ทั้งซูยี่และพานลั่วเฉิง ทันทีที่พวกเขาเข้าประตูไป ทั้งสองเห็นก็ถังซวงยืนอยู่กับเฮ่อเจียรุ่ย
“พี่เจียรุ่ย สวัสดีครับ”
ซูยี่ทักทายเฮ่อเจียรุ่ย ก่อนจะหันมองถังซวง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และซูยี่ก็ทักทายเธอก่อน “โอ้คุณถัง เราได้เจอกันอีกแล้วนะครับ”
ถังซวงพยักหน้าเบา ๆ แล้วตอบกลับว่า “สวัสดีค่ะ”
“น้องถังซวง เราไม่ได้เจอกันแค่สองสามวัน ทำไมสวยขึ้นทุกวันเลยล่ะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของพานลั่วเฉิง ใบหน้าของเฮ่อเจียรุ่ยก็บึ้งตึง “ลั่วเฉิง เลิกพูดเล่นได้แล้ว”
พานลั่วเฉิงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจ “พี่เจียรุ่ย ฉันก็แค่ชมน้องถังซวงเอง ทำไมถึงคิดว่าฉันพูดเล่นล่ะ?”
เฮ่อเจียรุ่ยมองเขาอย่างหงุดหงิดแล้วตอบกลับ “เพราะนายไม่เคยจริงจังไง”
“ฮ่าฮ่า…”
ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างคิดว่าเรื่องนี้ตลก เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
พานลั่วเฉิงมองไปที่ถังเซวี่ยอย่างสงสัย “น้องถังเซวี่ย แล้วทำไมเธอถึงหัวเราะเยาะฉันล่ะ”
ถังเซวี่ยหยุดหัวเราะทันทีแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่พานคะ คำพูดของพี่ตลกมาก ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบของถังเซวี่ยแล้ว เฮ่อเจียรุ่ยเองก็หลุดหัวเราะ
พานลั่วเฉิงถึงกับพูดไม่ออก ทันใดนั้น เยี่ยฝูเซียงแม่ของเขาก็ดึงตัวออกไปเสียก่อน “เจียรุ่ย ฉันขอตัวพาลูกพี่ลูกน้องของเธอไปทักทายคนอื่นหน่อยนะ”
“ครับคุณน้า ตามสบายครับ”
หลังจากพานลั่วเฉิงออกไป ซูยี่ก็เดินเข้ามาหาถังซวง “คุณถัง ผมสงสัยว่าผมจะได้รับเกียรติเต้นรำกับคุณรึเปล่า…”
“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเต้นรำไม่เป็นค่ะ”
เมื่อถูกถังซวงปฏิเสธอีกครั้ง ซูยี่ก็นิ่งอึ้ง รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า “คุณถังรังเกียจผม เลยปฏิเสธทุกคำชวนใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของซูยี่แล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณชายซู ฉันก็พูดตรง ๆ นะคะ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อ? คุณคิดว่ามันผิดหรือคะที่มีคนปฏิเสธคุณ?”
เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของถังซวง ซูยี่อดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะ “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ ก็เมื่อคุณถังพูดออกมาแล้ว ผมก็ต้องเชื่อสิ แต่ถ้าคุณถังเต้นไม่เป็น งั้นเรามานั่งคุยกันดีกว่าครับ”
“คุณชายซู วันนี้คุณยายค่อนข้างจะกังวลเรื่องภายในบ้าน มีหลายอย่างที่พวกเราต้องไปทำ ไม่มีเวลาจะทำอย่างอื่นจริง ๆ ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงปฏิเสธอีกแล้ว คราวนี้ซูยี่เงียบไปจริง ๆ และมองเธอด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ก่อนจะตอบกลับ “ถ้าคุณถังไม่ว่าง ผมก็ไม่รบกวนแล้วครับ” จากนั้นเขาเดินออกไปทักทายคนรู้จักแล้วเริ่มดื่ม
เมื่อเห็นซูยี่จากไปแล้ว ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นจากด้านข้าง “พี่คะ ทำไมคุณชายซูเขาดูเศร้า ๆ หรือคะ?”
“ต่อให้เขาจะเศร้า มันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา”
“จริงด้วย พี่คะวันนี้คนเยอะมากเลย เราไปช่วยงานกันดีกว่า”
ด้านเฮ่อเจียรุ่ยไม่อยู่ในอารมณ์จะสนใจเรื่องอื่นเช่นกัน “อืม เรามีงานต้องทำ และครอบครัวของจูเหลียนจะมาทีหลัง พวกเธอเคยเจอกันมาก่อนคงจะคุ้นเคยกันแล้วสินะ”
สิ้นเสียง ก็มีเสียงชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาจากทางเข้าของประตู ทางซ้ายคือจูเหลียน และทางขวาคือผู้หญิงที่สวยไม่แพ้กัน อายุดูไล่เลี่ยกับจูเหลียน
ถังซวงประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นจูเหลียนและผู้หญิงคนนั้น
เฮ่อเจียรุ่ยกระซิบกระซาบ “ตรงกลางคือพ่อของจูเหลียน ท่านประธานจู ส่วนทางขวาคือจูรุ่ยน้องสาวของจูเหลียน แต่… ทั้งสองคนนี้ไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน พวกเขามีพ่อคนเดียวกันแต่ว่าคนละแม่ ภรรยาคนแรกของท่านประธานจูคือแม่ของจูรุ่ย แต่เธอเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
หลังจากได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงก็เลิกคิ้วสูง
ภรรยาคนแรกคือแม่ของจูรุ่ย แต่จูรุ่ยกลับอายุน้อยกว่าจูเหลียน… ท่านประธานจูคนนี้น่าสนใจไม่น้อย เขามีลูกกับใครบางคนมานานแล้วแต่กลับเลือกแต่งงานกับแม่ของจูรุ่ย ถ้าอย่างนั้นฐานะของแม่จูรุ่ยต้องสูงมากแน่
ในขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน คนอื่น ๆ เริ่มทยอยเข้ามาด้านใน และถังซวงกับเฮ่อเจียรุ่ยก็หัวหมุนอีกครั้ง
เมื่อแขกทุกคนมาถึง ผู้เฒ่าเฮ่อตรงขึ้นสู่เวทีทันที
“ขอบคุณที่ทุกคนสละเวลาจากตารางงานที่ยุ่งเหยิงมางานเลี้ยงของตระกูลเฮ่อ พวกเรา…”
ผู้เฒ่าเฮ่อพูดอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็แนะนำเฮ่อหลาน ถังซวง และถังเซวี่ยด้วยความตื่นเต้น “ทั้งสามคือญาติที่ตระกูลเฮ่อเพิ่งค้นพบ และในอนาคตต่อจากนี้ไปพวกเขาคือคนของตระกูลเฮ่อ”
“ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้เฒ่าที่ได้พบกับครอบครัว”