การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 18 ร้านขายของเก่า(รีไรท์)
บทที่ 18 ร้านขายของเก่า(รีไรท์)
บทที่ 18 ร้านขายของเก่า(รีไรท์)
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด เฮ่อหลานก็ถามด้วยใบหน้างุนงง “ลูกจะไปทำอะไรที่ร้านขายของเก่า?”
“ไปดูว่ามีสิ่งของหรืออย่างอื่นที่ใช้ได้หรือเปล่า เผื่อจะเจอหนังสือสักเล่มน่ะค่ะ ยังไงหนูกับเสี่ยวเซวี่ยก็จะไปโรงเรียนกันอยู่แล้ว”
เฮ่อหลานมองลูกสาวทั้งสองด้วยความงุนงง ลูกสาวคนโตไม่แสดงสีหน้าใด ๆ แต่นัยน์ตาของลูกสาวคนเล็กนั้นทอประกายออกมาเต็มที่ เธอเห็นแล้วรู้สึกเศร้าในทันที “แม่ไม่อาจส่งพวกลูกไปโรงเรียน ทั้งที่ลูกอยู่ในวัยที่ควรเรียนหนังสือแท้ ๆ การอ่านหนังสือจะทำให้พวกลูกทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ เพราะงั้นตั้งใจอ่านหนังสือกันนะลูก”
เมื่อเห็นว่าแม่ของเธอเห็นด้วย ถังเซวี่ยก็พูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า “ขอบคุณค่ะแม่ เราจะตั้งใจเรียนกันอย่างเต็มที่”
ในความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านเถาฮวา หรือหมู่บ้านหลู่ฮวา เด็กผู้หญิงส่วนมากจะไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะทุกคนคิดว่าเด็กผู้หญิงพอแต่งงานไป พวกเธอก็เป็นคนของครอบครัวของคนอื่นแล้ว ดังนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจ ผู้คนจึงอยากมีลูกชายมากกว่าลูกสาว ยิ่งไปกว่านั้น การต้องจ่ายค่าเล่าเรียนให้เด็กผู้หญิงเพื่อศึกษา มันเป็นการเสียเวลาแถมยังไม่ได้แต้มทำงานอีก ดังนั้นเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจึงไม่ไปโรงเรียน แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นแม่ของเธอเห็นด้วย ถังเซวี่ยก็มีความสุขมาก
เมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุขของถังเซวี่ย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ไปที่ร้านกันเร็ว ๆ เถอะ ไปดูกันว่าเราจะหาหนังสือเรียนประถมได้ไหม”
หลังจากที่แม่และลูกสาวมาถึง พวกเขาก็ตรงเข้าไปหาของที่ต้องการทันที
เมื่อคิดว่าที่บ้านของพวกเธอไม่มีข้าวของเครื่องใช้อะไรเลย ถังซวงก็วางแผนที่จะซื้อสักสองสามอย่างก่อน เธอมองตรงไปยังผู้ดูแลแล้วถามว่า “คุณมีของใช้ในบ้านไหมคะ”
ชายคนนั้นไม่พูดอะไรมาก เขาพาแม่ลูกไปที่ห้องด้านในทันที “ที่นี่มีข้าวของเครื่องใช้ครบทุกอย่าง ดูด้วยตัวเองได้เลยนะ ค่อยจ่ายหลังจากที่เลือกได้แล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เมื่อถังซวงเห็นของใช้ในห้อง เธอก็หยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสนใจ ของใช้ในบ้านเหล่านี้มีทั้งเก่าและใหม่ ทุกชิ้นถูกกองรวมกันทั้งหมด แต่ก็มีบางส่วนที่ชิ้นส่วนหลุดหายไป
เฮ่อหลานก็รู้สึกตกใจเช่นกันเมื่อเห็นของใช้ในบ้านมากมาย แต่เมื่อเธอคิดว่าตนเองไม่มีเงินมากนักก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เราซื้อของได้ไม่กี่อย่างเท่านั้นนะ แม่ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น”
ถังซวงยิ้มก่อนจะพูดว่า “แม่ ก่อนหน้านี้หนูเคยบอกว่าหนูมีเงินไม่ใช่เหรอ? ตอนมาในตำบลเพื่อซื้อของเมื่อวานนี้ หนูไม่ได้ใช้เงินเลย หนูยังพอมีอยู่ อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลยค่ะ วันนี้หนูจ่ายเอง”
อันที่จริงเฮ่อหลานก็อยากถามตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้พูด พอมีโอกาสจึงถามว่า “ซวงเอ๋อร์ ลูกไปเอาเงินมาจากไหน?”
“แม่คะ ที่หนูบอกไงว่าช่วยลุงซันไว้ เขาทิ้งเงินไว้ให้ด้วยตอนที่เขาจากไป หนูเลยมีเงินติดตัว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็คลายความสงสัยของเธอ ตอนแรกเธอจะสอนลูกสาวว่าการช่วยคนไม่ควรทำเพื่อรางวัล ถังซวงไม่ควรรับเงิน แต่ตอนนี้คนแซ่ซันจากไปแล้ว เธอจึงไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อคนอื่นให้มาก็เก็บไว้ให้ดี เดี๋ยวแม่จ่ายค่าซื้อของวันนี้เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลุงซันให้หนูมาเยอะเลย”
ถังซวงรู้ว่าเฮ่อหลานมีเงินไม่มาก เพราะงั้นเธอจะไม่ปล่อยให้แม่ใช้มันหรอก อีกทั้งเธอเองก็ต้องการซื้อของมากมายด้วย “เอาล่ะ เรามาดูของใช้กันก่อนเถอะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ใช่ค่ะแม่ มาดูกันเร็ว”
“ได้ ๆ มาดูของใช้ในบ้านกันก่อนนะ”
ทั้งสามแม่ลูกเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะตื่นตาไปชั่วขณะ
ถังซวงเดินไปที่ชุดโต๊ะกับเก้าอี้แล้วพูดว่า “แม่ มาดูนี่กันเถอะ” เธอไม่คิดว่าจะมีของดี ๆ อยู่ในที่แบบนี้เลย ต่อไปถ้าเอาชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้พะยูงทั้งชุดมาขายคงได้เงินเยอะแน่ ๆ
เฮ่อหลานมองไปที่โต๊ะกับเก้าอี้ที่ฝุ่นจับพลางเอ่ยอย่างลังเล “ซวงเอ๋อร์ ลูกอยากซื้อชุดโต๊ะนี้จริง ๆ เหรอ? แม่ไม่รู้ว่าโต๊ะนี้มีคราบอะไรหรือเปล่า แต่มันดูไม่สะอาดเลย ไม่รู้ว่าพอซื้อไปแล้วจะเช็ดออกหรือเปล่า”
“เอาค่ะ”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตยืนกราน เฮ่อหลานก็ไม่พูดอะไรอีก “เอาล่ะ งั้นเอาก็เอา”
หลังจากนั้น ถังซวงไปดูตู้เสื้อผ้าไม้หวงฮวาหลี*[1] และตู้ไม้มะฮอกกานีหลากหลายตู้ เดิมที เธอต้องการซื้อเตียงเพิ่มอีกสามเตียง แต่เฮ่อหลานห้ามเธอไว้ก่อน
“ซวงเอ๋อร์ ซื้อพวกนี้ก็พอแล้ว เตียงพวกนี้ขนย้ายยาก แถมมันจะเด่นเกินไปถ้านำมันกลับไปที่หมู่บ้านนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็ไม่ดื้อดึงจะซื้ออีกต่อไป
“เอาล่ะ ไปดูกันว่ามีหนังสือเรียนไหม”
ผู้ดูแลชรารู้ว่าพวกเขากำลังจะไปเลือกหนังสือ เขาจึงพาไปที่สวนด้านหลัง “พวกเธอไปหยิบเองได้เลย ขายเป็นจินนะ”
เมื่อมองไปที่กองภูเขาเศษกระดาษและหนังสือตรงหน้า ถังซวงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นลากถังเซวี่ยไปหาตำรา โดยมีเฮ่อหลานช่วยด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชราก็พูดอย่างเกียจคร้าน “พวกเธอเลือกไปก่อนนะ เสร็จแล้วค่อยเรียกฉันแล้วกัน” หลังจากพูดจบ เขาก็เดินตรงไปที่ด้านหน้า
ถังซวงพลิกดูอย่างตั้งใจ แล้วก็พบว่าหนังสือส่วนใหญ่สภาพดูไม่ได้แล้ว แต่ยังมีหนังสือดี ๆ อยู่สองสามเล่ม เมื่อเห็นสิ่งนี้เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก่อนที่เธอจะหาหนังสือเรียนประถมเจอ เธอก็เจอของมัธยมต้นก่อน
“เสี่ยวเซวี่ย ถ้าเจอหนังสือเรียนมัธยมต้นหรือมัธยมปลายก็หยิบออกมาเลยนะ เราจะซื้อหมดเลย”
“ได้เลยพี่สาว”
แม่และลูกสาวค้นหาหนังสือกันอย่างระมัดระวัง และในที่สุดพวกเธอก็หาหนังสือเรียนระดับประถมเจอ และเจอแม้แต่หนังสือเรียนระดับมัธยมต้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังขาดไปหลายเล่ม
“พี่สาว ภาพวาดนี้สวยมากเลย”
ถังเซวี่ยกำลังจะหยุดหา แต่เมื่อเธอเห็นภาพวาดที่ถูกทับอยู่ด้านล่าง เธอก็เปิดมันขึ้นมาพลางคิดว่ามันดูดีไม่น้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็เดินไปดู
“ฮะ… นี่มันรูปนกยูงกับดอกฉิงฮวาไม่ใช่เหรอ? แต่รูปนี้ไม่ได้ถูกทำลายไปแล้วเหรอ?” เธอจำมันได้ พอดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ของจริงนี่นา”
“พี่สาว ภาพวาดนี้มีค่ามากเหรอ?”
“ภาพวาดนี้ไม่เลวเลย เอาไปด้วยเถอะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ หนูจะเก็บมันไปด้วย”
เดิมทีถังซวงก็วางแผนที่จะกลับเลยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยเจอภาพวาดของราชวงศ์หมิง เธอก็มองหาเพิ่มด้วยความสนอกสนใจ
เธอได้พบกับภาพเขียนสามภาพที่ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี มันเป็นภาพจากราชวงศ์ถังหนึ่งภาพ และภาพเขียนสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสองภาพ นอกจากนี้ยังมีรูปภาพเสมือนจริงที่หายากอีกหลายภาพ
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ที่นี่มีกล่องหนังสือด้วย พอสำหรับใส่หนังสือที่เราต้องการเลย”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานกำลังถือตู้หนังสือไม้พะยูง ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “เอาค่ะ ตู้หนังสือนี้น่าจะเก็บหนังสือได้เยอะเลย”
หลังจากแม่และลูกสาวเลือกของเสร็จแล้ว ทั้งสามก็ตรงไปจ่ายเงิน
ของใช้ในบ้านทั้งหมดที่ถูกเลือกถูกขนย้ายแยกออกไปแล้ว แต่ในตอนนั้นถังซวงก็เห็นว่ามีเก้าอี้ไม้กลมทึบสองสามตัวกับโต๊ะกลมขนาดเล็กที่เข้าชุดกันเพิ่งส่งมาถึงหน้าประตูพอดี “คุณลุงคะ เอาเก้าอี้กลมและโต๊ะกลมพวกนั้นด้วยค่ะ”
โต๊ะและเก้าอี้เข้าชุดขนาดเล็ก แกะสลักอย่างประณีตดูสวยงาม สามารถนำไปวางไว้ในสวนได้
“ได้เลย”
เมื่อเห็นว่าพวกถังซวงซื้อของมากมาย ใบหน้าของชายคนนั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดก็เก้าสิบหยวน จะให้ฉันช่วยเธอติดต่อคนขนย้ายของใช้ในบ้านให้ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ”
เฮ่อหลานรู้สึกเป็นทุกข์ เธอมีความสุขมากกับการเลือกของใช้ แต่เธอไม่คิดว่าลูกสาวจะเลือกซื้อของไปมากมายในคราวเดียวขนาดนี้ พอนึกได้ว่าพวกเธอยังคงเป็นหนี้กับหัวหน้าหมู่บ้านถังเยว่หมิน มันดูแย่ไม่น้อยที่ซื้อของมากมายในตอนนี้
แต่ถังซวงได้จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว และในที่สุดแม่และลูกสาวทั้งสามก็กลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวาพร้อมกับคนขนย้ายของใช้ในบ้าน
[1] ไม้หวงฮวาหลี เป็นไม้ตระกูล rosewood เช่นเดียวกับชิงชัน พะยูง ประดู่