การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 186 เข้าใจ
บทที่ 186 เข้าใจ
บทที่ 186 เข้าใจ
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงหันมองจูรุ่ยแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อ่า… และตอนนี้เธอก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว?”
“พี่ซวง พี่กับเสี่ยวเซวี่ยมีทั้งแม่และลุงที่รักใคร่ ดังนั้นพี่คงไม่เข้าใจฉันหรอก” ใบหน้าของจูรุ่ยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเจ็บปวด แต่ที่หัวใจมันยิ่งกว่าเจ็บปวด
“ฉันเติบโตมาคนเดียว ไม่มีใครรักฉันจริง ๆ สักคน ทั้งที่แม่ของฉันคือภรรยาใหญ่ของตระกูลแท้ ๆ แล้วฉันก็เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลจู แต่แม่กลับตายตอนที่ฉันยังเด็กมาก แม่ของจูเหลียนเลยตั้งตนเป็นภรรยาใหญ่ของตระกูลจูแทน ทุกคนในบ้านปฏิบัติอย่างกับว่าจูเหลียนคือลูกสาวคนโต แม้แต่พ่อก็ยังปฏิบัติกับจูเหลียนแตกต่างกับฉัน เธอได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด แล้วทำไมเธอถึงยังไม่พอใจอีก เธอเอาในสิ่งที่ควรเป็นของฉันไปหมดแล้ว แต่ยังมาคิดทำร้ายฉันอีก”
ในตอนท้าย แววตาจูรุ่ยแดงก่ำ ใบหน้าของเธอแสดงความโกรธแค้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ทั้งพ่อ หร่วนปี้เฟิง จูเหลียน… ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไม…”
เมื่อเห็นว่าเสียงของจูรุ่ยเริ่มแหบแห้ง ถังซวงก็ยกยิ้มอย่างสมเพชแล้วพูดว่า “เธอคิดว่าตัวเองกำลังทนทุกข์อยู่คนเดียวในโลกงั้นหรือ? รู้ไหม เสี่ยวเซวี่ยกับฉันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเห็นในทุกวันนี้หรอกนะ ฉันกับน้องก็เคยผ่านเรื่องเลวร้ายมาด้วยกันมากมาย เราสองพี่น้องเกือบจะถูกขายออกไปโดยครอบครัวของเราด้วยซ้ำ”
“หะ… อะไรนะ?”
จูรุ่ยยังคงติดอยู่ในความเสียใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว เธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “เป็นไปได้ยังไง?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายแล้วพวกที่คิดทำร้ายฉัน พวกมันต้องรับกรรมกันทุกคน” ในตอนท้ายเสียงของถังซวงต่ำลงพร้อมยกยิ้มเย็นชา “ดังนั้นชะตากรรมของเธอไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันสักนิด แล้วก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครด้วย แต่มันอยู่ในมือของเธอ แค่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วทำงานหนักเพื่อให้ได้รับมันมา แค่นั้น เข้าใจไหม?”
เมื่อเห็นสายตาจริงจังของถังซวง จูรุ่ยถึงกับตะลึงงัน
แววตาของคนตรงหน้าทั้งแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว คนที่มีดวงตาแข็งกร้าวเช่นนี้ต้องเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่นานเด็กสาวก็หลุดพ้นจากความโศกเศร้าทันที “ขอบคุณค่ะพี่ซวง ฉันเข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นแววตาแน่วแน่ของจูรุ่ยในตอนนี้ ถังซวงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่มองเธอแล้วถามว่า “แล้วกับคนพวกนี้จะทำยังไงต่อ?”
“คุณหนูครับ พวกเราบอกทุกอย่างที่พวกเรารู้แล้ว ปล่อยเราไปเถอะ เราจะไม่ทำอีกแล้ว” คนที่เป็นหัวหน้าเป็นคนแรกที่ร้องขอความเมตตา ก่อนจะหันมองถังซวงด้วยสายตาอ้อนวอน พวกเขารู้ว่าถังซวงคนนี้โหดเหี้ยมแค่ไหน
ซึ่งเหล่าเอ้อร์และเหล่าซานก็อ้อนวอนแบบเดียวกัน
“ใช่ครับ ใช่ ปล่อยพวกเราไปนะครับ”
สำหรับผู้หญิงอีกคน เธอไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้นานนัก และเวลานี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูด
ถังซวงไม่สนใจคนเหล่านี้ เธอจ้องมองจูรุ่ยเพื่อให้อีกฝ่ายตัดสินใจ
จูรุ่ยเองก็ชำเลืองมองถังซวงแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันอยากให้พวกเขาชดใช้ ถ้าหากว่าพี่ซวงไม่ได้มาช่วยในวันนี้ ฉันจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
“เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ลองคิดดูสิว่าควรให้คนเหล่านี้ชดใช้ยังไง” ถังซวงมัดคนทั้งหมดไว้ด้วยกันเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนี
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว จูรุ่ยจึงรู้ว่าถังซวงกำลังสอนเธอ เวลานี้เธอกล่าวอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณพี่ซวงนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก ที่เหลือเธอจัดการเองแล้วกัน ฉันจะกลับแล้ว”
เมื่อเห็นว่าถังซวงเดินออกไปแล้ว แววตาของจูรุ่ยยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้น
เรื่องทั้งหมดผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้มีแค่ตัวเธอเท่านั้น ในใจของเด็กสาวเหลือเพียงความสงบและมั่นใจ ดังนั้นเธอจะพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับสิ่งที่ต้องการ เหมือนที่ถังซวงสามารถผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายมาได้ แล้วทำไมเธอจะทำไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง หลังจากถังซวงกลับไปแล้ว เธอพบว่าถังเซวี่ยและเฮ่อเจียรุ่ยยังไม่กลับมา สีหน้าของเธอเป็นกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อกำลังจะก้าวขาออกไปอีกครั้ง ถังเซวี่ยก็กลับเข้ามาพอดีพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นพี่สาว “พี่คะ พวกเรากลับมาแล้วค่ะ”
ถังซวงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะถามทันทีว่า “ทำไมถึงกลับมาป่านนี้?”
เฮ่อเจียรุ่ยก้าวมาด้านหน้าก่อนจะเทน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว หลังจากดื่มเสร็จเขามองถังซวงแล้วตอบ “เราเจออุบัติเหตุนิดหน่อย เลยกลับช้าน่ะ”
ถังเซวี่ยจับมือถังซวงแล้วเล่าเรื่องราว “มีผู้ชายคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส ฉันอยากพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลแต่ทำไม่ได้ สุดท้ายฉันไม่มีทางเลือกอื่นเลยต้องเอายาให้เขาแทนค่ะ” ในตอนท้ายเธอพูดออกไปอย่างลำบากใจ “พี่คะ ฉันให้ยาทั้งหมดที่พี่เคยให้ไว้กับคนคนนั้นไปแล้ว”
ถังซวงถอนหายใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะพูดต่อว่า “คราวหน้าฉันจะจัดยาให้เธอใหม่ แต่ในอนาคตเธอจะให้ยาพวกนั้นกับคนอื่นง่าย ๆ ไม่ได้นะ ยาที่ฉันทำทั้งหมดมาจากวัตถุดิบที่ดีที่สุด มันมีค่ามาก ถ้าเราไม่สามารถหาวัตถุดิบได้ ฉันก็จะไม่สามารถผลิตยาได้”
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังเซวี่ยรีบพูด “ค่ะพี่ ฉันจะไม่ทำแล้ว”
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยตอบอย่างนี้ ถังซวงไม่ได้บ่นอะไรอีก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นกับตัวเองว่า “วันนี้มีแต่เรื่องวุ่น ๆ”
“เกิดอะไรขึ้นคะ? มีอะไรเกิดขึ้นกับพี่รึเปล่า?”
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยมีนัดกับจูรุ่ยในวันนี้ ถังซวงจึงเล่าเรื่องของจูรุ่ยให้ฟังแล้วพูดปิดท้ายว่า “ในอนาคต้องระวัง เธอต้องระวังจูเหลียนให้ดี จะได้ไม่ถูกหลอกแบบเพื่อนเธอ”
ถังเซวี่ยแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่เธอรู้ดีว่าพี่สาวของตนไม่ได้โกหก ดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วตอบว่า “ค่ะพี่ ฉันจะอยู่ให้ห่างจากจูเหลียน”
“ดีมาก”
ถังซวงยิ้มแล้วพยักหน้า
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนในครอบครัวก็นั่งรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อส่งท้ายปีเก่า
ดวงตาของเฮ่อหลานเต็มไปด้วยความสุข เธอไม่คิดมาก่อนว่าสามคนแม่ลูกจะได้มาซึ่งชีวิตที่ไม่ลำบากอีกแล้ว ไม่เพียงได้รับประทานอาหารเย็นที่หรูหราในวันส่งท้ายปีเก่า แต่พวกเธอยังได้พบกับครอบครัวของแม่อีกด้วย มันเป็นอะไรที่มีความสุขจริง ๆ
วันนี้เฮ่อหลานกินเยอะเป็นพิเศษ ถังซวงและถังเซวี่ยก็เช่นกัน ทั้งสามแม่ลูกนั่งอยู่กับพานลี่ฮวาเพื่อฉลองงานปีใหม่
“อาหลาน รีบพาซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเข้านอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
แต่เฮ่อหลานส่ายหัวก่อนจะตอบว่า “ฉันจะอยู่ช่วยพี่สะใภ้ค่ะ แต่เดี๋ยวให้ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยกลับไปพักผ่อนกันก่อน”
ถังซวงและเสี่ยวเซวี่ยยังไม่อยากกลับเหมือนกัน พวกเธออยู่กับแม่จนถึงเที่ยงคืน และในที่สุดทั้งหมดก็กลับห้องนอนเพื่อพักผ่อน
วันต่อมา ถังซวงตื่นขึ้นตอนเก้าโมงกว่า เธอเปิดประตูและเจอถังเซวี่ยด้านนอกก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเซวี่ย สวัสดีปีใหม่นะ!”
“พี่คะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ”
ถังเซวี่ยตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะให้ถังซวงรีบตามเธอไป “พี่คะ ญาติจากฝั่งป้ามาแล้ว เราต้องรีบออกไปช่วยด้านนอกค่ะ”
“ตกลง”