การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 189 ต้องกลับแล้ว
บทที่ 189 ต้องกลับแล้ว
บทที่ 189 ต้องกลับแล้ว
เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของจูรุ่ยแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ระวังในสิ่งที่เธอทำลงไป ถ้าหากมีใครรู้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของจูรุ่ยเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่เธอกลับตอบออกไปว่า “ขอบคุณค่ะพี่ซวง”
“ขอบคุณฉันทำไม ฉันก็ใช้ชีวิตของฉัน เธอจะสู้เพื่อชีวิตแบบไหนก็เรื่องของเธอ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอแล้ว”
“ค่ะ ฉันจะพยายาม”
จูรุ่ยแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เธอเคยเป็นเพียงดอกไม้สีขาวที่อ่อนแอ แต่ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดวงตาเย็นชาคู่นั้นทำให้คนที่มองมารู้สึกขนลุก “ในอนาคตฉันจะทำให้ทุกคนรู้ว่าจูรุ่ยคนนี้คือลูกสาวคนโตที่แท้จริงของตระกูลจู”
ถังซวงตบไหล่ของจูรุ่ยแล้วพูดว่า “เอาเถอะ พยายามเข้า”
ในอดีตถังซวงเคยไม่ชอบจูรุ่ยมาก่อน แต่ตอนนี้เธอรู้สึกชอบอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ว
“ค่ะ ฉันจะพยายาม”
จูรุ่ยพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นแล้วถามถังซวงว่า “พี่ซวงคะ ฉันได้ยินว่าแม่ของพี่เย็บปักเก่งมาก ไม่รู้ว่าทำขายด้วยหรือเปล่า ฉันต้องการซื้องานของเธอในเร็ว ๆ นี้น่ะค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงสงสัยเล็กน้อย
“เธอรู้ได้ยังไงว่าแม่ฉันเย็บผ้าเก่ง?”
“พี่ซวง พี่คงไม่รู้ว่าตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าแม่ของพี่มีทักษะการเย็บที่น่าทึ่ง บางคนเคยได้ยินของขวัญจากผ้าที่เธอทำมาก่อน และพวกเขาทั้งหมดยิ่งประทับใจกับทักษะที่ยอดเยี่ยมของเธอค่ะ”
ถังซวงที่ไม่รู้เรื่องนี้ทำได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า “เดี๋ยวฉันถามแม่ก่อน ถ้าแม่มีงานปักขาย ฉันจะโทรไปบอกนะ”
จูรุ่ยยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “ขอบคุณค่ะพี่ซวง”
ในตอนท้าย จูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่ซวงคะ แล้วเสี่ยวเซวี่ยอยู่ที่ไหนหรือ? ทำไมวันนี้ไม่เห็นเธอเลย”
“ก็เธอมาที่นี่โดยไม่บอกกล่าว เสี่ยวเซวี่ยออกไปข้างนอกกับพี่เจียรุ่ยตั้งแต่เช้าแล้ว และคงจะอีกสักพักใหญ่เลยกว่าจะกลับมา”
เมื่อวานนี้ทั้งสามคนได้นั่งคุยกัน และเฮ่อเจียรุ่ยได้รู้ว่าถังเซวี่ยต้องการจะศึกษาการออกแบบสถาปัตยกรรม เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สอนพื้ฐานบางอย่างให้กับเสี่ยวเซวี่ยไป ดังนั้นวันนี้ทั้งสองจึงออกไปข้างนอกตลอดทั้งเช้า น่าจะยุ่งกันทั้งวัน
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว จูรุ่ยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็ยิ้มกว้างอีกครั้ง
“งั้นอีกวันสองวันฉันจะมาหาเสี่ยวเซวี่ยนะคะ”
“ฉันจะบอกเสี่ยวเซวี่ยให้”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามคำ จูรุ่ยก็ขอตัวกลับบ้าน “พี่ซวงคะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้ฉันจะเข้าไปฝึกงานที่บริษัทด้วย เวลานี้ฉันต้องไปเรียนรู้งานต่าง ๆ”
ถังซวงยิ้มแล้วกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “งั้นก็ไปทำธุระของเธอเถอะ”
หลังจากจูรุ่ยออกไปแล้ว เฮ่อหลานเข้ามาพร้อมกับซุปหวานสองชาม เมื่อเห็นว่าถังซวงอยู่ในห้องโถงคนเดียว เธอถามทันทีว่า “ทำไมเสี่ยวรุ่ยกลับไปเร็วจังล่ะ?”
“เธอมีธุระค่ะ เลยกลับไปก่อน”
ถังซวงหยิบซุปหวานจากมือของเฮ่อหลานแล้วพูดขึ้นว่า “แม่คะ เรากินกันเองก็ได้ค่ะ”
เมื่อมาถึงก่างเฉิง ถังซวงรู้สึกชอบซุปหวานนี้มาก และเธอต้องกินมันทุกวัน
เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวคนโตแล้ว เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า “ตกลง ๆ เรากินกันเองแล้วกัน”
หลังจากที่สองแม่ลูกจัดการกับซุปหวานเสร็จแล้ว ถังซวงพูดคุยเรื่องงานเย็บปักกับแม่ของตนว่า “แม่คะ แม่จะขายงานปักของตัวเองไหม?”
เฮ่อหลานพยักหน้ารับอย่างสบาย ๆ ก่อนจะตอบว่า “แน่นอน มันมีไว้ขายอยู่แล้ว” ในตอนท้ายเฮ่อหลานหัวเราะ “แล้วตอนนี้แม่ก็กำลังคิดหาเงินอยู่พอดี กำลังคิดว่าควรจะทำอะไรขายดีน่ะ”
ถังซวงยิ้มกว้าง “งั้นแม่ต้องเย็บผ้าไม่หยุดแน่นอน อีกอย่างการหาเงินก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงอย่างพวกเรา เราสามารถใช้จ่ายได้อย่างสบายมือเมื่อหาเงินเองได้ ไม่ต้องไปพึ่งพาใคร”
“ซวงเอ๋อร์ลูกพูดถูกแล้ว”
เฮ่อหลานพยักหน้าแล้วถามว่า “แล้วใครต้องการซื้องานปักงั้นหรือจ๊ะ?”
“จูรุ่ยค่ะ”
หลังได้ยินแล้ว เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธออยากได้แบบไหน? เธอได้บอกลักษณะของงานไหม?”
“หนูไม่ได้ถามเธอเรื่องนั้นเลยค่ะ บอกแค่ว่าจะโทรไปบอกเธอหลังจากแม่ตอบรับว่าจะขายหรือไม่ขาย”
“งั้นก็รีบไปบอกเธอได้เลย ว่าแม่จะขายให้ในราคาพิเศษ”
ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “แม่คะ เราไม่จำเป็นต้องมีราคาพิเศษให้ใครหรอก งานฝีมือของแม่มีราคาแพงก็สมเหตุสมผลแล้ว” ตอนนี้งานเย็บปักของแม่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกฝ่ายเรียนรู้วิธีการเย็บสองด้านแล้วด้วย ทักษะเพียงแค่นี้ก็ถือว่าอัศจรรย์มากแล้ว
“เสี่ยวรุ่ยเป็นเพื่อนของลูก เป็นคนรู้จักกัน ต้องมีราคาพิเศษ เอาเถอะ แล้วมาบอกแม่เร็ว ๆ ล่ะว่าเสี่ยวรุ่ยอยากได้แบบไหน”
“ค่ะ เดี๋ยวหนูจะรีบติดต่อเธอ”
อีกด้านจูรุ่ยมีความสุขมากหลังจากรับโทรศัพท์ของถังซวง [ดีใจจังเลยค่ะที่คุณป้าเฮ่อจะขาย ฉันต้องการปักรูปคนหนึ่งคน ไม่รู้ว่าคุณป้าพอจะทำได้ไหม]
เฮ่อหลานที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินคำพูดของจูรุ่ยจึงพูดขึ้นว่า [ฉันบังเอิญได้งานปักของสี่บุรุษแห่งมวลบุปผา*[1] เธอลองเข้ามาดูก่อนก็ได้ ถ้าหากว่าชอบ ฉันน่าใช้เวลาประมาณสองวันน่ะ]
จูรุ่ยได้ยินคำพูดของเฮ่อหลานแล้วรีบตอบกลับอย่างมีความสุข [คุณป้าเฮ่อ สี่บุรุษแห่งมวลบุปผาต้องสวยมากแน่ ฉันอยากได้ค่ะ]
[ตกลง อย่างนั้นถือว่าเราตกลงกันเรียบร้อยแล้วนะ]
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฮ่อหลานก็รู้สึกว่ามีความสุขมาก
“ซวงเอ๋อร์ แม่ไม่คิดมาก่อนว่าจะขายงานปักได้ทั้งที่อยู่เมืองก่างเฉิงแบบนี้”
“แม่คะ แม่มีฝีมืออยู่แล้ว หนูเชื่อว่าคนต้องชอบมันแน่นอน”
เฮ่อหลานตอบอย่างมีความสุข “แม่ก็หวังอย่างนั้นเหมือนกันจ้ะ เอาล่ะ แม่จะไปเริ่มทำงานก่อน” หลังพูดจบแล้ว เธอก็รีบออกไปทันที
เมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของเฮ่อหลาน ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ออกจากห้องนั่งเล่นและตรงไปที่ห้องของผู้อาวุโสทั้งสอง
เมื่อผู้เฒ่าเฮ่อเห็นว่าถังซวงกำลังมา เขารีบโบกมือให้กับเธอทันที “ซวงเอ๋อร์ วันนี้เข้ามาเร็วจัง”
“คุณตาคะ เดี๋ยวขอฉันตรวจชีพจรสักหน่อยนะคะ”
หลังจากถังซวงจับชีพจรแล้ว หญิงชราถามออกไปอย่างกระวนกระวายว่า “ซวงเอ๋อร์ ร่างกายของเขาเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณยายไม่ต้องห่วงนะคะ ร่างกายของคุณตาดีขึ้นมาก การรักษาถือว่าได้ผลดีค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว หญิงชรายิ่งมีความสุข
“ดีจริง ๆ”
ถังซวงพอใจมากกับการฟื้นตัวของผู้เฒ่าเฮ่อ “คุณตาคะ เดี๋ยววันนี้เราเริ่มการรักษาเลยนะคะ”
หลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว ถังซวงปรับใบสั่งยาอีกครั้ง จากนั้นขอให้ผู้เฒ่าเฮ่อปรับยาตามใบสั่งยาที่เขียนใหม่ “คุณตาคะ ตอนนี้ร่างกายของคุณตาดีขึ้นมากแล้ว ฉันเลยปรับยาบางตัว และให้คุณตากินยาตามใบสั่งยานี้นะคะ วิธีต้มเหมือนเดิมเลยค่ะ”
“ซวงเอ๋อร์ ต้องขอบคุณเธอมากจริง ๆ”
ถังซวงพยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณตาคะ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ”
แต่วันนี้คือวันที่หกของปีใหม่แล้ว และพวกเธอจะอยู่ในก่างเฉิงอีกไม่นานนัก “คุณตา หลังจากพวกเราไปแล้ว คุณตาต้องกินยาให้ตรงเวลานะคะ” ขณะพูดอย่างนั้นถังซวงหันมองหญิงชราและกล่าวเน้นย้ำ
“ซวงเอ๋อร์ หลานไม่คิดอยู่ในก่างเฉิงนี้จริง ๆ หรือ?”
ไม่ต้องพูดถึงผู้เฒ่าเฮ่อ แม้แต่หญิงชราก็ยังหดหู่ใจ
“ซวงเอ๋อร์ ก่างเฉิงเป็นเมืองที่ดี เธอสามคนแม่ลูกอยู่ที่นี่น่าจะดีกว่านะ”
“คุณตา คุณยายคะ ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงพวกเราก็ต้องกลับไป”
[1] สี่บุรุษแห่งมวลบุปผา คือ ดอกไม้ทั้งสี่ประเภทที่ศิลปินจีนนิยมมาใช้วาดภาพ เริ่มนิยมตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง แสดงถึงดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของความงดงามทั้งสี่ฤดู ดอกเหมย คือตัวแทนของฤดูหนาว กล้วยไม้ คือตัวแทนของฤดูไม้ไม้ผลิ ต้นไผ่ คือตัวแทนของฤดูร้อน ดอกเบญจมาศ คือตัวแทนของฤดูใบไม้ร่วง