การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 190 ทำไม่ทัน
บทที่ 190 ทำไม่ทัน
บทที่ 190 ทำไม่ทัน
หลังมองเห็นความแน่วแน่ของถังซวง ผู้อาวุโสทั้งสองรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณตา คุณยายคะ ถึงเราจะกลับไปแล้ว แต่พวกเราก็ยังมาเที่ยวหาคุณตา คุณยายได้เสมอ ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะคะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสองก็มีสีหน้าดูดีขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากถังซวงพูดคุยกับทั้งสองสักพัก เธอก็พร้อมที่จะกลับบ้าน แต่ขณะเดินออกจากห้องของทั้งสอง เธอบังเอิญได้เจอเข้ากับพานลี่ฮวา
เมื่อพานลี่ฮวาเห็นถังซวง เธอรีบก้าวขาเข้ามาหาแล้วถามว่า “ซวงเอ๋อร์ พอมีเวลาสักหน่อยไหม ฉันอยากจะคุยด้วยน่ะ”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้าแล้วตอบว่า “ค่ะ ฉันกำลังว่างอยู่พอดี”
หลังจากทั้งสองนั่งลงแล้ว พานลี่ฮวาก็ขอโทษถังซวงด้วยความจริงใจ “ซวงเอ๋อร์ ตอนที่ครอบครัวของพี่ชายฉันมาที่นี่ พี่สะใภ้พูดจากับเธอไม่ดี ฉันขอโทษแทนพวกเขาด้วยนะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่รู้สึกผิดของพานลี่ฮวา ถังซวงจึงรีบตอบกลับทันทีว่า “คุณป้าคะ ป้ากำลังทำอะไร? ตอนนั้นฉันก็พูดออกไปไม่ดีเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นฉันก็มีส่วนผิดด้วย”
“ซวงเอ๋อร์ พี่สะใภ้ของฉันต่างหากที่เหยียดหยามเธอก่อน และคิดจะเอาเปรียบเธอ เธอจะผิดได้ยังไง? แต่ฉันบอกให้พี่ชายรู้แล้วแหละ พวกเขาจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ส่วนพานลั่วเฉิงเอง เขาก็จะเลิกพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นสักที”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงพลันยกยิ้มอย่างยินดีแล้วพูดว่า “ขอโทษที่ทำให้คุณป้าต้องลำบากนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลย แค่เธอไม่โกรธฉันก็พอ”
พานลี่ฮวากลัวว่าถังซวงจะไม่ชอบเธอจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกของถังซวงที่มีต่อเธอยังไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกโล่งใจมาก
“ซวงเอ๋อร์ ช่วงนี้ฉันถ่ายรูปผิวหน้าไว้ทุกวัน ตั้งแต่ที่ลองใช้ยาบำรุงของเธอ ผิวของฉันก็ดีขึ้นมาก ฉันคิดว่ามันต้องขายได้แน่ และต้องทำเงินได้มากเช่นกัน เราห้ามขายมันในราคาถูกเชียวนะ”
ถังซวงยิ้มกว้างแล้วตอบกลับ “ถ้าคุณป้าคิดว่ามันเป็นไปได้ อย่างนั้นเริ่มจดทะเบียนบริษัทได้เลยค่ะ ตอนนี้ฉันเริ่มทำยาบำรุงผิวชุดแรกแล้ว กลุ่มลูกค้าที่ฉันเล็งไว้คือบรรดาภรรยาเหล่าเศรษฐีทั้งหลาย แน่นอนว่าราคาของมันต้องสูง ส่วนประกอบที่ฉันใช้ทั้งหมดดีที่สุด ถ้าตั้งราคาขายต่ำเกินไปเราคงขาดทุนย่อยยับแน่ค่ะ”
“ตกลง เดี๋ยวฉันจะจดทะเบียนบริษัทให้ แล้วบริษัทนี้เป็นของเรา ซวงเอ๋อร์ ฉันคิดว่าบริษัทของเราจะต้องเติบโตไปไกลแน่นอน” พานลี่ฮวารู้ดีว่าผู้หญิงทุกคนล้วนต้องการความอ่อนเยาว์และความงามมากแค่ไหน ไม่ว่ายาบำรุงผิวนี้จะแพงแค่ไหน ผู้หญิงมากมายก็ยังแห่กันไปซื้ออยู่ดี
เมื่อเห็นใบหน้ากระตือรือร้นของพานลี่ฮวา ถังซวงจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณป้าคะ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอให้กิจการของเรารุ่งเรืองเช่นกันค่ะ”
“ใช่ ๆ กิจการของเราจะต้องรุ่งเรือง”
หลังจากพานลี่ฮวาพูดจบ เธอมองถังซวงด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา
ในเวลานี้ พานลี่ฮวายุ่งอยู่กับการจัดการบริษัทเครื่องสำอาง
และอีกด้านหนึ่ง เฮ่อหลานก็กำลังยุ่งอยู่กับภาพปักสี่บุรุษแห่งมวลบุปผา
เมื่อมองภาพปักที่งดงามตรงหน้า แม้แต่ถังซวงเองยังอดไม่ได้ที่จะอุทานว่า “แม่คะ ฝีมือของแม่สุดยอดมาก นี่คืองานศิลปะที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้เลยนะคะ”
ส่วนถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน “ใช่ค่ะแม่ มันสวยมากเลย”
ผู้อาวุโสเฮ่อทั้งสองรู้ว่าเฮ่อหลานกำลังจะขายงานปัก ในคราวแรกพวกเขามีความสุขมาก ท้ายที่สุดแล้วมันคือสิ่งที่น่ายินดีที่งานฝีมือของเฮ่อหลานได้รับการยอมรับ แต่ในขณะนี้ทั้งสองกลับลังเลไม่อยากให้เฮ่อหลานขายมันเมื่อเห็นผลงานของเธอ
“เฮ่อหลาน เธอจะขายมันจริง ๆ หรือ ความจริงแล้วถ้าเก็บมันไว้ที่บ้านและจัดแสดง มันจะดูดีมากเลยนะ ไม่เห็นต้องขายเลย”
เมื่อเห็นว่าทุกคนชอบงานปักนี้มาก แววตาของเฮ่อหลานก็เต็มไปด้วยความสุข “ฉันจะขายค่ะ เสี่ยวรุ่ยก็น่าจะชอบมันเหมือนกัน”
“เฮ่อหลาน ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินก็ได้ ถ้าเธอชอบงานเย็บปักจริง ๆ ก็สามารถทำมันเป็นงานอดิเรกได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อหาเงินเลยสักนิด”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชราแล้ว เฮ่อหลานพลันยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “คุณป้าคะ ฉันไม่เหนื่อยค่ะ ฉันแค่ทำในสิ่งที่ชอบ และถ้ามันขายได้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือคะ?”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานมีความสุขมาก ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตาของเขายังมีความเสียดายฉายแววอยู่บ้าง
หลังเห็นว่าผู้อาวุโสทั้งสองเป็นอย่างนี้ เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณลุงคุณป้าคะ ถ้าพวกคุณชอบงานนี้ ฉันจะปักให้ด้วย แล้วฉันก็ปักแบบสองด้านได้ด้วยนะคะ มันจะสวยกว่านี้แน่นอน”
หลังจากได้ยินอย่างนี้แล้ว ทั้งสองคนรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย ถ้าเธอต้องปักผ้านาน ๆ ดวงตาของเธอจะต้องล้ามากแน่ ๆ เอาเวลาไปพักผ่อนดีกว่านะ”
พอได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เธอลอบตัดสินใจในใจคนเดียวว่าจะปักผ้าหนึ่งผืนให้กับผู้อาวุโสทั้งสองคนด้วย
อีกด้าน จูรุ่ยได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว เธอรีบไปรับงานปักงดงามที่ว่านั้นทันที และพอได้เห็นมัน ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ว้าว… คุณป้าเฮ่อ มันสวยมากค่ะ ฝีมือของคุณป้ายอดเยี่ยมจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่าจูรุ่ยตื่นเต้นมาก เฮ่อหลานก็หัวเราะยินดี “ดีใจที่เธอชอบ”
“แน่นอนค่ะ ฉันชอบมันมาก”
จูรุ่ยอดใจไม่ไหวที่จะหยิบผ้าผืนนี้กลับบ้าน เพราะเธอสังเกตเห็นสายตาของผู้อาวุโสทั้งสองที่กำลังมองมา เธอกลัวว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจไม่ยอมขายมัน และตอนนี้เธอยังไม่ได้จ่ายเงิน มันจึงไม่ใช่ของเธอโดยสมบูรณ์ เมื่อคิดได้แล้วเธอคิดดีใจที่ตนเองเตรียมเงินมามากพอ หญิงสาวจึงจ่ายเงินแล้วจากไปทันที
หลังจากที่เฮ่อหลานรับเงินจากจูรุ่ยแล้วเธอรีบพูดต่อว่า “เสี่ยวรุ่ย มันมากเกินไป”
“ไม่เลยค่ะ คุณป้าเฮ่อ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มาก แต่มันเหมือนกับว่าตอนนี้ฉันได้พบสมบัติ งานปักของคุณป้าไม่ต่างจากสมบัติพวกนั้นเลยค่ะ”
เฮ่อหลานไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะประเมินงานของตนสูงมากขนาดนี้ เมื่อเธอกำลังจะปฏิเสธ เสี่ยวรุ่ยกลับให้ใครบางคนรับงานปักแล้วออกไปทันที
เมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของจูรุ่ยแล้ว หญิงชราอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนั้นจะกลัวว่าพวกเราจะเปลี่ยนใจแน่ ๆ”
ทุกคนหัวเราะทันทีเมื่อได้ยิน
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสทั้งสองชื่นชอบงานปักนี้มาก เฮ่อหลานจึงวางแผนว่าจะปักผ้าต่ออีกสักผืนให้พวกเขา แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น เพราะงานปักที่ขายให้กับจูรุ่ยกลายเป็นที่นิยมในทันที และทุกคนรู้แล้วว่ามันเป็นงานของเธอ ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีคนมากหน้าหลายตาพยายามมาที่บ้านของตระกูลเฮ่อเพื่อขอซื้องานปักดังกล่าว
หลังจากที่ส่งแขกอีกคนออกไปแล้ว เฮ่อหลานพูดอย่างหนักใจว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าในก่างเฉิงจะมีคนมากมายที่ชื่นชอบงานปักมากขนาดนี้ แต่ลูกค้ามากเกินไป ฉันปักไม่ทันแล้ว”
พานลี่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มและพูดว่า “อาหลาน ยังไงทุกคนก็พร้อมที่จะรอ เธอก็ค่อย ๆ ทำงานไปแบบไม่ต้องกดดันตัวเองก็ได้”
“แต่ว่า… ฉันกำลังจะไปจากเมืองก่างเฉิงแล้วนะ”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว พานลี่ฮวาไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อทั้งสองกำลังตกอยู่ในความเงียบ แต่แล้วก็มีคนมาหาเฮ่อหลานอีกครั้ง
“คงจะเป็นพวกผู้หญิงที่อยากจะซื้องานปัก”
พานลี่ฮวาพูดอย่างสบายใจ และเมื่อเดินออกไปดูด้านนอก ทั้งสองจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครกำลังมา คนคนนั้นคือซ่างสยงเยี่ย…