การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 198 รับช่วงต่อ
บทที่ 198 รับช่วงต่อ
บทที่ 198 รับช่วงต่อ
หลังได้ยินสิ่งที่เฉินกวงหยางพูด ถังซวงพลันขมวดคิ้วสงสัย
แน่นอน เธอเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินกวงหยาง แต่เธอไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพยายามโน้มน้าวเธอให้ขึ้นเป็นผู้นำของโถงยี่ชีได้ โดยปกติแล้วเฉินกวงหยางไม่เคยบังคับให้เธอต้องทำอะไรเลย
เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดแน่นของถังซวงแล้ว เฉินกวงหยางถอนหายใจพลางพูดต่อว่า “ซวงเอ๋อร์ คราวก่อนฉันไปที่ไห่เฉิง ลองทายสิว่าฉันไปเจอใคร”
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว แววตาของถังซวงก็ฉายแววสงสัย
“ใครคะ?”
เฉินกวงหยางไม่ได้เผยสีหน้าอะไร แค่พูดมันออกมาตรง ๆ ว่า “ฉันเจอถังเจี้ยนกั๋ว”
“อะไรนะ…”
ถังซวงไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะได้ยินชื่อถังเจี้ยนกั๋วอีกครั้ง และมันออกมาจากปากของเฉินกวงหยางเอง
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้จักเขา แต่ต่อมามีหลายคนพูดถึงชื่อของเขา และพูดถึงบ้านเกิดของเขา ฉันถึงแน่ใจว่าคนคนนั้นคือถังเจี้ยนกั๋ว พ่อผู้ให้กำเนิดของเธอกับเสี่ยวเซวี่ย ซึ่งตอนนี้เขาเป็นคนสนิทของนายน้อยตระกูลเฟิงแห่งเมืองไห่เฉิงไปแล้ว”
ในตอนท้าย เฉินกวงหยางเล่าสถานการณ์ในเมืองไห่เฉิงอีกครั้ง
“ตระกูลเฟิงถือว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจในไห่เฉิง มีคนแฝงตัวอยู่ในทุกสาขาอาชีพ คนส่วนใหญ่ของที่นั่นรู้ดี และเวลานี้ถังเจี้ยนกั๋วกลายเป็นคนสนิทของนายน้อยเฟิง ฉันกลัวว่าบางทีเขาอาจจะยังแค้นพวกเธอสามคนแม่ลูก และถ้าเขาคิดจะทำอะไรสักอย่าง ฉันเชื่อว่าเธอจะสามารถเอาตัวรอดได้ แต่สำหรับแม่กับเสี่ยวเซวี่ย เธอสามารถปกป้องพวกเขาได้ตลอดเวลางั้นหรือ?”
เวลานี้ถังซวงถึงกับพูดไม่ออก เพราะที่เขาพูดมามันก็ถูก เธอไม่สามารถอยู่เคียงข้างเฮ่อหลานกับถังเซวี่ยได้ตลอดเวลา
“เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจและน่าปวดหัวจริง ๆ ถังเจี้ยนกั๋วโผล่มาในเมืองไห่เฉิงหลังจากหายตัวไปนาน” ถังซวงไม่คาดคิดมาก่อนว่าถังเจี้ยนกั๋วจะได้ดิบได้ดีอย่างนี้ และถ้าอีกฝ่ายต้องการแก้แค้นเธอจริง ๆ โดยอาศัยอำนาจของนายน้อยเฟิง มันก็ยากที่เธอจะรับมือได้
เมื่อเห็นว่าถังซวงเริ่มลังเล เฉินกวงหยางจึงพูดต่อว่า “ซวงเอ๋อร์ ฉันรู้ว่าเธอเก่งมาก แต่เธอต้องคิดถึงความปลอดภัยของคุณน้าหลานและเสี่ยวเซวี่ยด้วย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ฉันเพิ่งรู้มาเร็ว ๆ นี้”
“เรื่องอะไร?”
ถังซวงอยากรู้มากว่าเฉินกวงหยางไปรู้อะไรมาอีกบ้าง
“ฉันรู้มาว่าอาจารย์ของเธอยังมีสมาชิกครอบครัวหลงเหลืออยู่ แต่ฉันยังไม่พบพวกเขา”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว แววตาของถังซวงก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง
“อย่างนั้นหรือคะ เป็นข่าวที่ดีมากเลยค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของถังซวงแล้ว เฉินกวงหยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่หลังจากนั้นเขาเปลี่ยนท่าทีพลางพูดต่อว่า “ซวงเอ๋อร์ แม้เราจะรู้ว่าผู้เฒ่าจวงมีญาติพี่น้อง แต่เราก็ต้องใช้เวลาค้นหา และแม้ว่าเราจะมีเวลา แต่เราไม่มีคนเพียงพอ แต่ถ้าเธอขึ้นเป็นผู้นำโถงยี่ชี เธอจะมีอำนาจและผู้คนข้างกายมากมาย”
เวลานี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถังซวงกำลังตื่นเต้น
เฉินกวงหยางคิดว่าวิธีนี้ไปได้สวย เขาจึงรีบพูดต่อ “ซวงเอ๋อร์ถ้าเธอรับตำแหน่งนี้ไปจริง ๆ มันจะมีผลประโยชน์มากมายรอเธออยู่ แล้วทำไมถึงปฏิเสธมันล่ะ? คิดถึงคุณน้าหลานและเสี่ยวเซวี่ยให้มากเถอะ”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงพลันหันมองเฉินกวงหยางอย่างครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเอ่ยถามว่า “พี่เฉิน ผู้เฒ่าฉีขอให้พี่มาพูดอย่างนี้ใช่ไหม?”
เฉินกวงหยางส่ายศีรษะพลางตอบว่า “ไม่ ฉันคิดอย่างนี้จริง ๆ”
ถังซวงยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะพูดต่อว่า “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะยังไม่คืนตราประทับนี้แล้ว”
“อืม”
เมื่อเหล่าฉีรู้ว่าถังซวงเก็บตราประทับเอาไว้ เขาก็พลันหัวเราะออกมาเสียงดัง “กวงหยาง เธอนี่เก่งจริง ๆ”
“ผู้เฒ่าฉีคะ พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาตรวจใหม่นะคะ”
“ได้ ได้เลย ฉันจะรอนะ”
เวลานี้เหล่าฉียกยิ้มจนดวงตาปิด ใบหน้าของเขามีความสุขมาก
หลังถังซวงและโม่เจ๋อหยวนออกไปด้วยกัน โม่เจ๋อหยวนก็เอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “ซวงเอ๋อร์ เธอคิดจะขึ้นเป็นผู้นำของโถงยี่ชีจริง ๆ หรือเปล่า? มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการในโถงยี่ชี เธอควรมีเวลาเพื่อศึกษาหลังจากรับช่วงต่อด้วย อีกอย่างโถงยี่ชีก็มีอิทธิพลมาก จะต้องมีคนคอยคิดร้ายอยู่แน่นอน”
“พี่โม่ ฉันคงต้องใช้เวลาเพื่อจัดการเรื่องนี้”
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว โม่เจ๋อหยวนไม่พูดอะไรต่อ แต่พาเธอไปที่ตรอกเก่า ๆ แห่งหนึ่ง “ซวงเอ๋อร์ มีร้านอาหารอยู่ในนี้ อร่อยมากด้วย เรากินมื้อเที่ยงที่นี่แล้วกัน”
ถังซวงพยักหน้า
อีกด้านหนึ่ง เฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงก็มาถึงร้านอาหารของรัฐ และเพื่อนของจิงเจ้อหรงบางคนก็มาถึงแล้ว
“อาเจ้อ มาถึงแล้วหรือ”
เสียงนั้นดังมาจากชายใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่ง เขาอายุไล่เลี่ยกับจิงเจ้อหรง อีกฝ่ายทักทายจิงเจ้อหรงด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร ก่อนจะหันไปมองเฮ่อหลานแล้วยิ้มกว้าง “นี่คงจะเป็นพี่สะใภ้ใช่ไหมครับ มาครับ เชิญนั่งก่อน”
ใบหน้าของเฮ่อหลานแดงระเรื่อเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกว่าพี่สะใภ้ แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบสติอารมณ์และทักทายกลับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน “สวัสดีค่ะ” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับเพื่อนของจิงเจ้อหรง และเธอรู้ดีว่าจิงเจ้อหรงต้องการให้เธอรู้จักกับสังคมที่เขาอยู่ ค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับชีวิตของเขาให้ได้ ดังนั้นเธอไม่ควรทำให้เขาต้องอับอาย
“สวัสดีครับ”
คนอื่น ๆ รีบกล่าวทักทายด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มเรียกเฮ่อหลานว่าพี่สะใภ้ จิงเจ้อหรงจึงแนะนำด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คนรักของฉันเอง เธอชื่อเฮ่อหลาน” ขณะพูดอย่างนั้น เขาแนะนำคนที่อยู่ด้านหน้าให้รู้จักกับเฮ่อหลาน “อาหลาน คนแรกคือหยางซู่ คนนั้นคือฟ่านเป่าหลง ส่วนคนนั้นคือหลิวปิง”
หลังจากแนะนำเสร็จ จิงเจ้อหรงนั่งลงพร้อมกับเฮ่อหลาน
หยางซู่ที่สนิทกับจิงเจ้อหรงมากที่สุดค่อนข้างพูดมากในระหว่างมื้ออาหาร เพราะเขาสงสัยเรื่องราวของเฮ่อหลานแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก นี่ไม่ใช่เวลาที่สมควรถาม
คราวแรกเฮ่อหลานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่เห็นจิงเจ้อหรงดูแลเธอเป็นอย่างดีในมื้ออาหารนี้ และในที่สุดเธอก็สามารถคุ้นชินกับมันได้อย่างรวดเร็ว หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว จิงเจ้อหรงก็พาเฮ่อหลานกลับบ้าน
เมื่อมองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่จากไปแล้ว หยางซู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ใครจะไปรู้ว่าในที่สุดจิงเจ้อหรงจะได้เจอกับคู่ครองที่นี่ มีคนมากมายในเมืองหลวงเข้าคิวกันต่อแถวเพราะต้องการแต่งงานกับเขา แต่ตอนนี้พวกเธอต้องนั่งตาละห้อย ฉันนึกไม่ออกเลยว่าพวกเธอจะทำหน้ายังไงเมื่อข่าวนี้ไปถึงเมืองหลวง”
หยางซู่มาจากเมืองหลวงเช่นเดียวกับจิงเจ้อหรง แต่อีกสองคนไม่ใช่ เขาจึงไม่ได้ตอบอะไรมาก
หลังจากที่เฮ่อหลานกลับมาแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะมองจิงเจ้อหรงแล้วเอ่ยถามว่า “อาเจ้อ วันนี้ฉันคงไม่ได้ทำให้คุณอับอายใช่ไหม? ฉันไม่รู้เลยว่าเพื่อนของคุณจะประทับใจฉันบ้างหรือเปล่า”
จิงเจ้อหรงยกยิ้มพลางพูดว่า “อาหลาน ไม่จำเป็นต้องไปสนใจหรอกว่าคนพวกนั้นจะประทับใจหรือไม่ คุณเป็นยังไงผมรู้ดี”
เฮ่อหลานพลันยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็กลับมา
“ซวงเอ๋อร์ กลับมาแล้วหรือ”
“ค่ะลุงจิง”
ถังซวงทักทายจิงเจ้อหรงด้วยการพยักหน้ารับ ในเวลานี้เธอคิดว่าในเมื่อตนเองยอมรับตราประทับของโถงยี่ชี เธอจึงควรบอกเรื่องนี้กับจิงเจ้อหรงโดยตรง
แน่นอนว่าจิงเจ้อหรงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด
“อะไรนะ… ท่านผู้เฒ่าฉีมอบโถงยี่ชีให้เธอแล้ว?”
“ใช่ค่ะ”
ถังซวงบอกกล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ท้ายที่สุดแล้วจิงเจ้อหรงเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเมืองเวิงชาน ดังนั้นมันเป็นการที่ดี หากจะบอกกล่าวให้เขารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้