การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 2 ความคิดหย่าร้าง
บทที่ 2 ความคิดหย่าร้าง
บทที่ 2 ความคิดหย่าร้าง
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด จึงมองไปที่ถังซวงอย่างไม่เชื่อหูตัวเองและพูดว่า “ลูก…ลูกคิดอย่างนั้นได้ยังไง”
ถังเซวี่ยก็ตกใจเล็กน้อย “พี่สาว…”
เธอเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถังเจี้ยนกั๋ว ทำกับเราขนาดนี้ แม่ยังอยากอยู่กับเขาอีกเหรอ แม่รู้ไหมว่าวันนี้เขาเกือบฆ่าหนู” อันที่จริงถังเจี้ยนกั๋วฆ่าถังซวงไปแล้วจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงมาอยู่ในร่างนี้ไม่ได้หรอก
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานก็นิ่งเงียบไป
วันนี้ลูกสาวคนโตเกือบตายไปแล้วจริง ๆ และเธอยังคงเห็นหลังศีรษะของลูกสาวบวมปูดออกมาขนาดนี้
“ซวงเอ๋อร์ ไปที่สถานีอนามัยเพื่อดูแผลก่อนเถอะลูก”
เมื่อเห็นถังซวงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เฮ่อหลานก็รู้สึกเป็นห่วง “ซวงเอ๋อร์ อาการบาดเจ็บของลูกหนักมากนะ ช่างเรื่องนั้น…”
ในเวลานี้ ทุกคนในตระกูลถังมาวุ่นวายกับพวกเธอ ทั้งตระกูลต่างคาดหวังให้พวกเธอทำงานอย่างหนักเพื่อพวกเขา ผู้อาวุโสรองของตระกูลถังและถังเจี้ยนกั๋ว จะปล่อยทั้งสามไปได้อย่างไร
เมื่อถังซวงได้ยินสิ่งที่เฮ่อหลานพูด เธอพูดตรง ๆ ว่า “หนูเกรงว่าถ้าเรายังอยู่ที่ตระกูลถังต่อ พวกเขาจะขายหนู”
เธอพูดเช่นนี้เพราะเธอจำสิ่งที่เจ้าของร่างไปได้ยินมาเมื่อตอนเช้าได้
เช้านี้ แม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋ว กำลังคุยกันเรื่องการแต่งงานของถังซวงกับพ่อม่ายชราในหมู่บ้านตระกูลหลี่ที่อยู่ติดกัน เพียงเพราะพ่อม่ายชราจะให้เงินสินสอดเป็นจำนวน 500 หยวนกับพวกเขา
นับเป็นจำนวนเงินมหาศาลในยุคนี้ และสาเหตุที่พ่อม่ายแก่ ๆ เต็มใจเช่นนี้ก็เพราะเขามีฐานะดี แม้ว่ารูปร่างเขาจะผอมดำ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังดูดีอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ใช่เจ้าของร่างที่แท้จริง เธอจะไม่เสียสละขนาดนั้นเพื่อตระกูลถังหรอก และเธอจะไม่ยอมทนโดนกลั่นแกล้งแบบนั้นแน่นอน
ในความคิดของเธอ เธอที่พึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังทำงานให้กับตระกูลถังมาหลายปี ถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณของถังเจี้ยนกั๋วไปหมดแล้ว แม้กระทั่งชีวิตที่มอดดับไปในวันนี้ ถ้าให้พูดตามตรง ถังเจี้ยนกั๋วต่างหากที่เป็นหนี้ชีวิตเธอ
เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะชะงัก เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด
“ซวงเอ๋อร์ ลูกหมายถึงอะไร พวกเขาจะขายลูกอย่างนั้นเหรอ มันหมายความว่ายังไง?”
ถังซวงเล่าสิ่งที่เธอได้ยินในตอนเช้าให้เฮ่อหลานฟัง และพูดว่า “แม่อยากเห็นหนูแต่งงานกับพ่อม่ายแก่ในหมู่บ้านตระกูลหลี่ข้าง ๆ จริง ๆ เหรอคะ?”
“ถังเจี้ยนกั๋ว มันกล้าดียังไง”
นัยย์ตาของเฮ่อหลานเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชัง
แน่นอนว่าเธอรู้เรื่องพ่อม่ายชราในหมู่บ้านตระกูลหลี่ที่อยู่ติดกัน อันที่จริง พ่อม่ายชราให้คนมาคุยที่บ้านของพวกเธอแล้ว เขาต้องการให้ซวงเอ๋อร์ แต่งงานกับเขา
แต่ตอนนั้น เธอปฏิเสธไปอย่างชัดเจน
ถังเจี้ยนกั๋วเองก็สัญญาอย่างดิบดี เขาพูดว่าจะไม่มีวันปล่อยให้ซวงเอ๋อร์ ไปแต่งงานกับพ่อม่ายนั่นอย่างแน่นอน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับแม่เฒ่าถังอย่างลับ ๆ พวกเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร
ซวงเอ๋อร์เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของถังเจี้ยนกั๋วนะ เขาไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวจะมีชีวิตแบบไหนหลังจากแต่งงานกับพ่อม่ายแก่ชราไป?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าของเฮ่อหลานก็เต็มไปด้วยความโกรธ และในที่สุดเธอก็พูดกับลูกสาวอย่างแน่วแน่ “อย่ากังวลไปเลยซวงเอ๋อร์ แม่จะไม่ปล่อยให้ลูกต้องไปแต่งงานกับพ่อม่ายจากหมู่บ้านตระกูลหลี่แน่นอน”
นี่ไม่ใช่การแต่งงานด้วยซ้ำแต่เป็นการขายลูกสาวกินต่างหาก แล้วสิ่งที่จะตามมาหลังจากซวงเอ๋อร์ถูกขายไปแล้ว พวกเขาก็จะขายเสี่ยวเซวี่ยอีกคน เธอจะไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ได้ยินเฮ่อหลานพูดดังนั้น ถังซวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ยังคงเหมือนเดิม…เฮ่อหลานยังคงตัดสินใจหย่าไม่ได้ เธอคิดจะติดแหงกกับตระกูลถังไปจนตายเลยหรือไง หากเป็นเช่นนี้เธอคงต้องคิดแผนการสำหรับในอนาคตของเธอเอง
แต่ก่อนที่ถังซวงจะคิดถึงเรื่องนั้น ศีรษะของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อกี้ตอนจัดการไล่ถังเจี้ยนกั๋วไป เธอได้ใช้แรงไปทั้งหมด หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้ว เธอก็ทนไหวอีกต่อไป “ฉัน…”
ก่อนที่จะพูดจบ ถังซวงก็ล้มลงทันที
“ซวงเอ๋อร์…”
เฮ่อหลานที่เห็นถังซวงล้มลงไป ก็รีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวเธอพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
ถังเซวี่ยก็มองอย่างเป็นห่วงเช่นกัน
“พี่สาว…”
แต่ไม่ว่าทั้งสองคนจะร้องเรียกเธอแค่ไหน ถังซวงก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
ในตอนนี้ เฮ่อหลานรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าถล่มลงมา แต่โชคยังดีที่เธอยังคงมีสติพอที่จะคิดถึงเรื่องที่ควรทำมากที่สุดในตอนนี้ “เรารีบพาซวงเอ๋อร์ไปที่สถานีอนามัยกันเถอะ”
ด้วยความช่วยเหลือของถังเซวี่ยในที่สุดแม่และลูกสาวก็พาถังซวงออกไปที่ประตูได้
แต่เมื่อก้าวเท้าออกไปแม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋วก็วิ่งออกมาขวางทางไว้
“ไงล่ะ… ถังซวง นังสารเลว วันนี้แกกล้าลงไม้ลงมือกับฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ แน่”
แม่เฒ่าถังที่มากับเขาก็พูดต่อว่าพวกเธออย่างรุนแรง “วันนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ดูเหมือนพวกแกจะมีความสุขกันจริง ๆ นะ กล้าทำร้ายเจี้ยนกั๋วขนาดนี้ ถ้าว้นนี้ฉันไม่จัดการพวกแกให้ตายก็อย่ามาเรียกฉันว่าแม่เฒ่าถังเลย”
เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาขวางทางเฮ่อหลานก็รู้สึกร้อนรน จากคนที่เคยใจเย็นมาตลอดก็เริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมา “ซวงเอ๋อร์หมดสติไปแล้ว ฉันต้องพาเธอไปที่สถานีอนามัยให้เร็วที่สุด หลีกทางไปให้พ้น!”
แม่เฒ่าถังไม่รู้สึกรู้สาอะไรจากคำพูดของเฮ่อหลาน
“สถานีอนามัยที่ไหนจะรับนังเด็กหนังติดกระดูกไปรักษา แค่นอนที่บ้านก็พอแล้ว ฉันได้ยินมาว่ามันทำร้ายเจี้ยนกั๋ว อย่ามาแกล้งทำมาเป็นสลบไปหน่อยเลย”
ถังเจี้ยนกั๋วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดเสริมขึ้นมา “ใช่แล้ว นังนี่มันเป็นบ้าอยู่ ๆ ก็มาทำร้ายฉัน แต่ตอนนี้กลับมาเป็นลมไปซะเองเนี่ยนะ อย่ามาเสแสร้งไปหน่อยเลย นังเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วรึไง”
เมื่อเห็นว่าถังเจี้ยนกั๋วไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกผิด แต่ยังทำเหมือนว่าซวงเอ๋อร์ทำผิดอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อหันไปมองที่ลูกสาวคนโตของเธอที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว เฮ่อหลานก็ทำบางสิ่งที่เธอไม่เคยคิดทำมาก่อน
“เอาเลย! ถังเจี้ยนกั๋วกำลังจะซ้อมลูกกับเมียของเขา ทุกคนมาดูเร็ว! เขาจะทุบตีเราสามคนแม่ลูกให้ตายแล้ว!”
พฤติกรรมปากร้ายแบบนี้เป็นเรื่องปกติในหมู่บ้าน แต่เฮ่อหลานที่มักจะพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลและสุภาพอยู่เสมอ กลับสติแตกขึ้นมา แม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋วต่างตะลึงงันทันที
หลังจากที่ทั้งสองได้สติ พวกเขาก็ตะโกนเสียงดัง “หุบปาก นังบ้า หุบปากนะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าไม่ควรป่าวประกาศเรื่องของครอบครัวให้คนอื่นฟัง แล้วแกจะตะโกนหาอะไร!”
พวกเขาไม่ต้องการให้เพื่อนบ้านรู้
แต่เฮ่อหลานกลับมองไปที่แม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋ว แล้วพูดว่า “ก็รู้นี่ว่านี่เป็นเรื่องไม่ปกติในครอบครัว รู้แบบนั้นแล้วทำไมถึงยังปฏิบัติกับเราแบบนั้น” หลังจากถูกกลั่นแกล้งมาตลอดหลายปี เธอเคยคิดว่า เธอเคยชินกับมันแล้ว แต่คราวนี้ลูกสาวของเธอหมดสติไป แถมแม่เฒ่าถังกับถังเจี้ยนกั๋วต้องการขายลูกสาวของเธอ เธอจะไม่ยอมให้พวกเขามาทำร้ายเธอและลูกอีกแล้ว
เมื่อเห็นคุณย่าและพ่อของเธอมายืนขวางทาง ถังเซวี่ยก็นึกถึงวิธีที่พี่สาวของเธอไล่ตีพ่อ เธอจึงทำตาม หยิบไม้ที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วเหวี่ยงไปที่แม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋ว ปกติแล้วถังเซวี่ยเป็นเด็กที่ค่อนข้างก้าวร้าวอยู่แล้ว แต่เพราะแม่และพี่สาวของเธอมักจะสั่งสอนอยู่เสมอ เธอจึงไม่เคยแสดงมันออกมา แต่ในวันนี้พี่สาวของเธอเป็นถึงขนาดนี้แล้ว เด็กสาวจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป
แม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋วเห็นแบบนั้นก็ไม่ทันได้เข้าไปขัดขวางถังเซวี่ย กลับเลือกจะหลบแทน
ถังเซวี่ยมองไปที่เฮ่อหลานและพูดว่า “แม่พาพี่ไปเร็ว”
เมื่อเห็นดังนั้น เฮ่อหลานจึงรีบพาถังซวงออกไป
ขณะที่ถังเซวี่ยกำลังโบกไม้ เธอเดินไปที่ประตูแล้วขว้างไม้ใส่แม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋วอย่างแรง และตามแม่กับพี่สาวของเธอไป
“แม่ไปกันเถอะ”
ถือว่าแม่และลูกสาวทั้งสามยังโชคดีและก่อนที่พวกเขาจะไปไกล พวกเขาเห็นผู้ใหญ่บ้าน ถังเยว่หมิน ขับเกวียนวัวมาพอดี
“ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยด้วย”
ถังเซวี่ยร้องเรียกอย่างร้อนรน
เมื่อถังเยว่หมินเห็นถังซวงที่หมดสติอยู่ เขาไม่ถามอะไร รีบส่งเด็กสาวไปที่สถานีอนามัยทันที