การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 200 แยกจากกัน
บทที่ 200 แยกจากกัน
บทที่ 200 แยกจากกัน
ถังซวงคิดว่าทั้งเฮ่อหลานกับถังเซวี่ยคงไม่สามารถปกป้องตนเองได้ ดังนั้นเธอจึงต้องสร้างบางสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทั้งสอง
เมื่อมองโถงยาจีนโบราณตรงหน้า โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ซวงเอ๋อร์ เธอคิดจะทำยางั้นหรือ?”
“ใช่ ฉันจะทำให้กับแม่และเสี่ยวเซวี่ย แล้วก็จะทำให้กับพี่และลุงจิงด้วย”
เมื่อได้ยินว่าเขาก็จะได้รับด้วย ดวงตาของโม่เจ๋อหยวนก็เป็นประกายด้วยรอยยิ้ม “อย่างนั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ค่ะ”
ถังซวงเข้าไปในโถงยาจีนและซื้อวัตถุดิบจำเป็นจำนวนมาก นอกจากวัตถุดิบยาของเฮ่อหลานและคนอื่น ๆ แล้ว เธอยังต้องการวัตถุดิบสำหรับทำเครื่องสำอางอีกด้วย
หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว เวลานี้ในมือของหญิงสาวมีถุงเล็กใหญ่มากกว่าหนึ่งโหล จนคนขายยาเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นถังซวงซื้อของออกไปมากมาย “สหาย มันจะไม่เสียก่อนหรือถ้าเธอซื้อมันออกไปทีละเยอะ ๆ อย่างนี้?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ มันจะถูกใช้งานอย่างคุ้มค่าแน่นอน แต่ร้านค้าของคุณจะเติมของอีกเมื่อไหร่หรือคะ?”
เธอใช้เวลานานกว่าจะสามารถค้นหาร้านยาจีนโบราณแห่งนี้เจอ เพราะร้านยาจีนแทบจะหายไปแล้ว ส่วนร้านขายยาเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในสถานที่ลึกลับมักไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้า ดังนั้นถังซวงจึงทำได้เพียงซื้อยาจากที่นี่
“อีกครึ่งเดือนครับ”
ถังซวงพยักหน้ารับ ก่อนจะออกไปพร้อมกับโม่เจ๋อหยวน
หลังจากกลับมาแล้ว ทั้งสองพบว่าจิงเจ้อหรงกำลังให้คนไปเก็บข้าวของทั้งหมด เพราะเขาไปเจอบ้านหลังเล็ก ๆ แห่งใหม่ที่จะให้ถังซวงและคนอื่น ๆ อาศัยอยู่ชั่วคราว การที่ให้พวกเธอไปพักอาศัยอยู่ในบ้านพักนั้นไม่ได้สะดวกนัก
และทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ถังซวงต้องการอยู่พอดี เธอจึงติดตามเขาไปที่บ้านหลังเล็ก ๆ นั้น
จิงเจ้อหรงเป็นคนละเอียดรอบคอบอยู่เสมอ และบ้านหลังเล็ก ๆ นี้ดูดีมาก มีผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ในละแวกนี้
หลังกินอาหารเย็น ถังซวงก็ยุ่งอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอต้องจัดการกับวัตถุดิบสมุนไพรมากมาย โม่เจ๋อหยวนจึงอยากจะช่วย “ไม่ต้องกังวล ถึงฉันจะทำอย่างอื่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังช่วยปรุงยาได้”
เมื่อได้ยินโม่เจ๋อหยวนพูดอย่างนั้นแล้ว ถังซวงยิ้มพยักหน้าเห็นด้วย
“ค่ะ ถ้าพี่โม่อยากช่วยก็ได้เลย แต่จะมาบ่นเหนื่อยทีหลังไม่ได้นะ”
“อยู่กับเธอจะเหนื่อยได้ยังไงล่ะ”
โม่เจ๋อหยวนพูดออกไปแบบไม่รู้ตัว ทันทีที่พูดจบเขาก็รู้สึกว่าตนหลุดพูดอะไรแปลก ๆ ออกไปแล้ว แม้เขาจะรู้สึกว่าการได้อยู่กับถังซวงนั้นไม่เหนื่อยเลยสักครั้ง แต่การพูดออกไปอย่างนั้นมันทำให้เธออึดอัดหรือเปล่า “ซวงเอ๋อร์ คือว่าฉัน…”
ยังไงซะก่อนที่โม่เจ๋อหยวนจะทันได้แก้ตัว ถังซวงก็พลันหัวเราะพลางพูดว่า “งั้นหลังจากปรุงยาเสร็จแล้วฉันก็หวังว่าพี่จะรู้สึกอย่างนั้นนะคะ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาว โม่เจ๋อหยวนก็หัวเราะพลางตอบกลับว่า “อื้ม”
ตอนนี้มีวัตถุดิบสำหรับปรุงยาจำนวนมากที่ต้องจัดการ และถังซวงสอนโม่เจ๋อหยวนปรุงยาเป็นครั้งแรก เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำมันได้ดีขนาดนี้
“พี่โม่ ดูเหมือนว่าคนฉลาดจะสามารถเข้าใจทุกอย่างได้รวดเร็วจริง ๆ นะ งั้นเดี๋ยวฉันจะกลับมาดูทีหลังนะคะ”
โม่เจ๋อหยวนรีบลงมือทำงานทันที และถังซวงก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องอื่น จนเวลาผ่านไปถึงห้าทุ่มแล้ว หากโม่เจ๋อหยวนไม่บอกให้ถังซวงไปพัก เธออาจจะทำต่อไปจนถึงเช้า
“พี่โม่ ฉันขอโทษจริง ๆ วันนี้ยุ่งมาก ฉันเลยทำให้พี่ต้องอดนอนทั้งคืน”
โม่เจ๋อหยวนส่ายศีรษะพร้อมกับตอบว่า “พรุ่งนี้ฉันจะมาช่วยเธอใหม่ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันเองก็ได้เรียนรู้อะไรตั้งมาก”
ภายใต้แสงสลัว ๆ ของท้องฟ้า ใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนคล้ายกับมีแรงดึงดูดอย่างประหลาด มันมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาของชายหนุ่มลึกล้ำคล้ายกับจะดูดกลืนผู้จับจ้องเข้าไปภายใน นี่เป็นครั้งแรกที่ถังซวงมองเขาแล้วไม่กล้าสบตาโดยตรง เธอก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของโม่เจ๋อหยวน
โม่เจ๋อหยวนเห็นว่าถังซวงหลบสายตา จนปอยผมของถังซวงร่วงหล่นไม่เป็นระเบียบ เขาจึงจับมันทัดหูให้กับเธอแล้วพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ หิวหรือเปล่า? เดี๋ยวฉันจะไปดูที่ครัวเผื่อว่าจะมีอะไรเหลือบ้าง”
ถังซวงอยากจะปฏิเสธ ทว่าท้องของเธอกลับทรยศ “โครกก…”
ถังซวงรู้สึกอายเล็กน้อย
โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าเราจะหิวเหมือนกันนะ ฉันก็หิว งั้นเราไปในครัวด้วยกันดีกว่า”
แต่สิ่งที่ทั้งสองไม่คาดคิดก็คือเฮ่อหลานยังไม่นอน และเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเดินเข้ามา เธอนำบะหมี่สดมาให้พวกเขาก่อนจะพูดว่า “แม่คิดไว้แล้วว่าพวกเธอจะต้องหิวแน่นอน เลยเตรียมมื้อเย็นไว้ให้ เร็วเข้า รีบกินข้าวเถอะ”
“แม่คะ ทำไมยังไม่นอนอีก มื้อเย็นนี้พวกเราทำเองก็ได้”
“แม่ก็ว่างอยู่ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวแม่ขอตัวไปนอนก่อน”
“ค่ะ”
หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกินเสร็จ พวกเขาก็กลับไปพักผ่อน วันรุ่งขึ้นทั้งสองยังคงยุ่งอยู่กับการปรุงยาเช่นเคย
หลังจากมีโม่เจ๋อหยวนเข้ามาช่วย ถังซวงก็จัดการทุกอย่างได้เร็วขึ้น เธอปรุงยาป้องกันตัวก่อน แล้วค่อยเริ่มปรุงยาบำรุงผิว
หลังจากยุ่งวุ่นวายนานกว่าสองวัน ในที่สุดทุกอย่างก็เรียบร้อย และเช้าวันนี้เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงจะออกเดินทางไปเมืองซูด้วยกัน
“แม่คะ ลุงจิง เก็บสิ่งนี้ไว้ติดตัวนะคะ แล้วถ้าจำเป็นก็สามารถใช้มันได้ทันที”
เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงมองขวดตรงหน้าที่ถังซวงยื่นให้อย่างอยากรู้อยากเห็น “มันคืออะไรหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของทั้งสองคน ถังซวงจึงรีบพูดว่า “เก็บมันให้ดีนะคะ มันมีพิษ”
“อะไรนะ…”
จิงเจ้อหรงสีหน้าสงบนิ่ง แต่เฮ่อหลานกลับประหลาดใจ “ซวงเอ๋อร์ ลูกได้ของพวกนี้มาจากไหน มันมีประโยชน์จริง ๆ หรือ แล้วจะมีปัญหาตามมาทีหลังไหม?”
“ฉันทำมันขึ้นมาเองค่ะ”
ถังซวงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “มันคือหมอกพิษค่ะ ใช้แค่เล็กน้อยก็ทำให้ชายร่างใหญ่สี่ถึงห้าคนล้มลงได้ ส่วนนี่คือยาแก้พิษนะคะ ถ้าต้องใช้มัน ให้กินยาแก้พิษก่อน ส่วนนั่นคือหมอกพิษใช้มันแค่เล็กน้อยก็พอ ไม่อย่างนั้นมันอาจเป็นอันตรายได้ ต้องระวังให้มากนะคะ อ้อ แล้วยาแก้พิษก็อยู่ข้าง ๆ ส่วนอีกอันคือยามึนเมา มันคือ…”
ถังซวงอธิบายอย่างละเอียด ซึ่งเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงก็ฟังอย่างตั้งใจ แม้แต่โม่เจ๋อหยวนและถังเซวี่ยก็ยังตั้งใจฟังด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสองคนจะก็ได้รับมันด้วย
หลังจากที่ถังซวงพูดจบแล้ว จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ซวงเอ๋อร์ ยาพวกนี้อันตรายมาก เธอเองก็ต้องระวังให้มากเวลาทำ แล้วอย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“ค่ะ ลุงจิงไม่ต้องกังวลนะคะ ถ้าแม่กับลุงจิงไม่ต้องเดินทางไกล ฉันก็ไม่คิดจะทำมันขึ้นมาหรอกค่ะ”
“การที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่เป็นเรื่องที่ดีแล้ว”
จิงเจ้อหรงรู้ดีว่าถังซวงมีความคิดเป็นของตัวเอง และเชื่อว่าเธอเป็นคนที่รอบคอบ ดังนั้นเขาจึงพูดเพียงเท่านี้
ทั้งถังซวงและถังเซวี่ยกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องเฮ่อหลาน ทั้งสองดึงแม่ของตนออกมาเพื่อกำชับ และพูดคุยอีกพักใหญ่จนเวลาล่วงเลยไปมาก ทั้งสองจึงทำได้เพียงบอกลาเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงอย่างไม่เต็มใจนัก
หลังจากเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงไปเมืองซูแล้ว โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงและถังเซวี่ยกลับตำบลโฮวซาน “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย หลังจากกลับไปถึงที่นั่น โรงเรียนก็คงเปิดแล้ว พวกเราต้องตั้งใจเรียนนะ โดยเฉพาะซวงเอ๋อร์ที่ข้ามชั้นมา เธอต้องอ่านหนังสือให้มากเพื่อไม่ให้คนอื่นเขาดูถูกเอาได้”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่โม่ ฉันจะตั้งใจเรียนแน่”
หลังจากทั้งสามกลับมาถึงตำบลโฮวซานแล้ว หลี่จงอี้ออกมาต้อนรับ “ในที่สุดพวกเธอก็กลับมา”