การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 205 ไม่กล้าเอ่ยปาก
บทที่ 205 ไม่กล้าเอ่ยปาก
บทที่ 205 ไม่กล้าเอ่ยปาก
เมื่อได้ยินคำพูดของถังชุนหยานอย่างนั้น ถังซวงก็เหลือบมองก่อนจะเอ่ยตอบว่า “ถึงเธอจะอยากให้ฉันเป็นหูเป็นตาให้ แต่มันก็ควรจะเป็นหน้าที่ของพ่อกับแม่เธอด้วย มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอกับฉันไปที่นั่นด้วยกัน?”
ถังชุนหยานเม้มริมฝีปากก่อนจะตอบกลับว่า “มีแค่ฉันที่คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเมิ่งก่วงจี๋ ส่วนคนอื่น ๆ ในครอบครัวล้วนแต่คิดว่าเขาดีมาก เพราะ… เพราะตระกูลเมิ่งจะมอบสินสอดให้เจ้าสาวห้าร้อยหยวน แล้วยังสัญญาว่าจะมอบจักรยานให้หนึ่งคันด้วย ตอนนี้ทุกคนแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะให้ฉันแต่งงานเข้าตระกูลเมิ่ง”
ความจริงแล้วตอนแรกเธอคิดว่าตระกูลเมิ่งนั้นดีมาก แต่หลังจากได้เห็นเมิ่งก่วงจี๋แล้ว เธอรู้สึกประหลาดในใจอย่างอธิบายไม่ได้ เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้ออกจะประหลาด และตระกูลเมิ่งยังดูรีบร้อน พวกเขาต้องการให้เธอแต่งงานในเดือนหน้า ซึ่งมันเร็วเกินไป
ทว่าครอบครัวของเธอไม่คิดว่านี่คือปัญหา เธอจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ถังชุนหยานเผยความโศกเศร้า แม้เธอจะเก่งกาจกว่าถังซวงและถังเซวี่ยคนเดิม
ทว่าแม่ของเธอก็ยังให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่า ครั้งนี้พวกเขาทั้งรีบร้อนและต้องการสินสอดทองหมั้นของเธอ เพื่อเอาไปให้ให้ถังไห่โปพี่ชายของเธอได้เป็นสินสอดแต่งงาน
“ห้าร้อยหยวนกับจักรยานหนึ่งคัน นั่นเป็นเงินมากเลยนะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะพูดว่า “อืม ตระกูลเมิ่งร่ำรวยขนาดนั้นเชียวหรือ? ถ้าเมิ่งก่วงจี๋ไม่มีปัญหาอะไร เขาก็น่าจะหาภรรยาในหมู่บ้านได้ แต่กลับออกมาหาภรรยาจากหมู่บ้านอื่น…”
เมื่อนึกย้อนไป ถังซวงก็เคยเกือบถูกแม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋วตลบหลัง ถังเซวี่ยยังคงหวาดกลัวคนพวกนั้นอยู่ เธอรู้สึกได้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติกับการที่ตระกูลเมิ่งมอบสินสอดมากมายเช่นนี้
“ฉันเคยเห็นเมิ่งก่วงจี๋ เขาดูดีมาก ดูดีตั้งแต่ยังเยาว์ ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ฉันคิดว่าความคิดของเขาที่มีต่อฉันมันดูแปลกประหลาด”
เดิมทีถังชุนหยานคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเมิ่งก่วงจี๋ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังเซวี่ยแล้ว เธอยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้น “แล้ว… ฉันควรทำยังไงดี?”
ถังซวงมองถังชุนหยานพร้อมกับปลอบโยน
“ทว่าเวลานี้ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาของเธอ ไม่ต้องกังวลมากหรอก ถ้าเธอคิดว่าเมิ่งก่วงจี๋มีบางอย่างผิดปกติ อย่างนั้นฉันจะไปกับเธอแล้วกัน แต่ว่าเราจะได้พบกับเมิ่งก่วงจี๋ที่ไหนล่ะ?”
ถังชุนหยานรีบตอบกลับทันที “ที่หมู่บ้านหลี่ซานค่ะ เมิ่งก่วงจี๋เคยชวนฉันไปเที่ยวที่นั่นแล้วรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเขา” ในตอนท้ายถังชุนหยานพูดต่อด้วยความเขินอายเล็กน้อย “พี่ซวงคะ พี่ชายของฉันอาจจะไปที่นั่นกับฉันด้วย”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยก็เอ่ยพูดจากด้านข้างว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไปที่นั่นด้วย ฉันจะช่วยดูเอง”
ทว่าถังซวงรีบพูดแทรกอย่างไม่ต้องคิด
“เสี่ยวเซวี่ย เธออยู่บ้าน แล้วนี่ทำการบ้านเสร็จหรือยัง? อีกอย่างพี่เจียรุ่ยก็ให้งานเธอไว้ด้วยไม่ใช่หรือ ทำเสร็จแล้วหรือไง?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยพลันถอนหายใจทันที
ใช่ เธอยังทำไม่เสร็จ
เมื่อเห็นถังเซวี่ยเป็นอย่างนี้ ถังชุนหยานอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ที่ฉันขอร้องให้พี่สาวซวงไปดูเพราะสายตาของพี่ซวงเฉียบแหลม ส่วนเธออย่าไปเลยจะดีกว่า ฉันกลัวว่าถ้าเมิ่งก่วงจี๋มีอะไรซ่อนอยู่จริง ๆ แล้วฉันจะกลายเป็นคนที่ลากเธอไปพบเจอกับอันตราย”
ถังซวงชำเลืองมองถังชุนหยานด้วยความขุ่นเคือง “แล้วเธอไม่คิดถึงฉันหรือ? หรือคิดว่าการที่ลากฉันเข้าสู่ปัญหามันจะไม่เป็นอะไร?”
ถังเซวี่ยคิดกังวลทันที
“นี่… ถ้าไม่ใช่แค่เมิ่งก่วงจี๋มีปัญหา แต่เป็นทั้งครอบครัวเมิ่ง อย่างนั้นพี่สาวของฉันที่ไปกับเธอจะเกิดอันตรายไหม?”
เวลานี้ถังชุนหยานถึงกับลังเล
เธอคิดว่าถังซวงเก่งกาจ และคนอย่างเมิ่งก่วงจี๋คงไม่สามารถทำอะไรถังซวงได้แน่นอน แต่ถ้าทั้งครอบครัวเมิ่งคิดทำอย่างนั้น อีกทั้งพ่อของเมิ่งก่วงจี๋ที่เป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน การที่เธอพาถังซวงไปที่หมู่บ้านหลี่ซานคราวนี้จะเป็นการให้พี่สาวไปเสี่ยงหรือเปล่า?
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของถังชุนหยานแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ไม่เป็นไร ฉันเป็นพี่จะติดตามเธอไปดูครอบครัวของสามีในอนาคตเอง คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก พวกเราก็แค่ทำตัวให้เป็นธรรมชาติและอย่าสร้างความสงสัยก็พอ”
“พี่ซวงคะ พี่จะไปหมู่บ้านหลี่ซานกับฉันจริง ๆ หรือ?”
“ไปสิ ฉันได้ยินมาว่ามีคนในหมู่บ้านหลี่ซานเคยขุดต้นโสมอายุกว่าสองร้อยปีได้ ฉันอยากจะไปที่ภูเขานั่นสักหน่อย”
เมื่อเทียบกับหมู่บ้านลู่ฮวาและหมู่บ้านเถาฮวาแล้ว หมู่บ้านหลี่ซานอยู่ห่างไกลกว่าเพราะมันอยู่ในภูเขา ทว่าสภาพแวดล้อมค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ แม้แต่วัตถุดิบยาหายากก็ยังมี หากเธอได้ไปที่นั่นเธอต้องขึ้นไปที่บนภูเขาแน่นอน
“ค่ะพี่ซวง แล้วถ้าถึงเวลาฉันจะมาพบพี่”
“ตกลง”
เมื่อได้รับคำตอบรับจากถังซวงแล้ว ถังชุนหยานก็โล่งอก “พี่ซวง ขอบคุณนะคะ”
“อืม เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”
ใช่ว่าตระกูลถังทั้งหมดรวมถึงถังชุนหยานนั้นจะเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นในความทรงจำตั้งแต่วันแรก หรือความยากลำบากที่ประสบพบมาด้วยกัน หากถังซวงสามารถช่วยเหลือได้ เธอก็ยินดีที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย
“พี่ซวง อย่างนั้นฉันก็ไม่มีอะไรแล้ว จะขอตัวกลับก่อนค่ะ”
“ตกลง”
หลังถังชุนหยานจากไปแล้ว ถังเซวี่ยก็พูดขึ้นด้วยความกังวล “พี่คะ ถ้ามีอะไรผิดปกติกับครอบครัวเมิ่งพี่จะทำยังไง? พี่ต้องระวังตัวด้วยนะ”
“ไม่ต้องกังวล ตอนที่ฉันทำยาป้องกันตัวให้กับเธอ ฉันก็ทำให้กับตัวเองด้วย และจะใช้มันเมื่อถึงเวลา เธอไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย
ก่อนหน้านี้พี่สาวของเธอได้สร้างสิ่งต่าง ๆ มากมายและมอบมันให้กับแม่ ตัวเธอ และลุงจิงรวมถึงพี่โม่ แม้แต่ปู่ก็ยังได้รับมันด้วยเช่นกัน ในเมื่อพี่สาวของเธอเป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมา มันจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน “พี่คะ อย่าลืมทำมันเพิ่มด้วยนะ”
“อืม”
หลังโม่เจ๋อหยวนทราบเรื่องนี้ เขาก็ทำท่าว่าอยากจะไปด้วย
“พี่โม่ ฉันไปเองได้ ถ้าไปด้วยกันพี่ก็ต้องยื่นขอลาโรงเรียนด้วยนี่คะ?”
“ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะขอลาหรือเปล่า”
เมื่อนึกถึงความเก่งกาจของโม่เจ๋อหยวนแล้ว ถังซวงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ถังเซวี่ยจับมือถังซวงแล้วพูดว่า “พี่คะ ให้พี่โม่ไปด้วยเถอะ ก็แค่ให้พี่โม่แสร้งทำเป็นพี่ชายของพี่สาวชุนหยานด้วยอีกคนเอง”
“อืม เดี๋ยวฉันจะคุยกับชุนหยานให้”
เมื่อถังชุนหยานมาถึง เธอก็ได้รู้ว่าโม่เจ๋อหยวนต้องการไปด้วย เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมากเพียงพยักหน้ารับ “ค่ะ อย่างนั้นพี่ก็เป็นญาติของฉันอีกคน”
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็รู้สึกเสียใจที่มีลูกพี่ลูกน้องหน้าตาดีเช่นนี้ และรู้สึกด้อยกว่าเล็กน้อย
ส่วนถังไห่โปไม่รู้เรื่องนี้ก่อน เมื่อเขาเห็นถังชุนหยานพาถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง “ถังชุนหยาน ทำไมเธอถึงไปเรียกคนอื่นมาด้วย? ตระกูลเมิ่งคงไม่พอใจแน่ที่เห็นว่าพวกเราไปที่นั่นตั้งหลายคน”
ในอดีตเขามักจะหยาบคายกับถังซวงเสมอ แต่วันนี้กลับแตกต่างไป ถังซวงไม่ใช่คนเดิมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เวลานี้เขาไม่กล้าแม้จะพูดเสียงดังด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับโม่เจ๋อหยวนที่ดูรับมือยากคนนั้น
“เอาเถอะ… ฉันก็แค่อยากให้พี่ซวงไปด้วย ถ้าพี่ไม่อยากไปก็กลับบ้านได้เลยนะ”
เมื่อมีถังซวงอยู่ใกล้ ถังชุนหยานยิ่งมั่นใจมากขึ้น เวลานี้เธอกล้าที่จะงัดข้อกับถังไห่โปโดยตรง
ถังไห่โปไม่กล้าพูดอะไรต่อ ทำได้เพียงเดินตามหลังอย่างหดหู่จากนั้นทั้งสี่คนก็มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านหลี่ซาน