การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 206 ตระกูลเมิ่ง
บทที่ 206 ตระกูลเมิ่ง
บทที่ 206 ตระกูลเมิ่ง
ถังชุนหยานเดินอยู่ด้านข้างถังซวงก่อนจะเหลือบมองโม่เจ๋อหยวนด้วยความสงสัย พลางเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำว่า “พี่ซวง สหายโม่คนนี้คือเพื่อนคนสนิทของพี่หรือคะ?”
“ไม่ต้องกังวล เขาไม่มีอะไรหรอก”
หลังได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ถังชุนหยานรู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อเห็นเส้นทางบนภูเขาที่ยากลำบากตรงหน้า ถังชุนหยานพูดออกมาอย่างลำบากใจ “พี่ซวง ขอโทษนะคะที่ต้องให้พี่มาลำบากอย่างนี้ พี่คงเหนื่อยมาก”
“ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว”
ความจริงแล้ว ถังซวงไม่ได้สนใจเรื่องระยะทางตรงหน้าเลยสักนิด มีเพียงถังไห่โปคนเดียวในกลุ่มที่เดินอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ทำไมเส้นทางเข้าหมู่บ้านนี้มันต้องลำบากอย่างนี้ด้วยเนี่ย สร้างถนนไม่ได้หรือไงกัน”
ถังชุนหยานมองถังไห่โปอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะตอบโต้ว่า “ถ้าพี่เหนื่อยก็สามารถกลับไปก่อนได้นะคะ”
“นี่เธอ…”
ถังไห่โปรู้สึกโกรธมากเมื่อถูกถังชุนหยานท้าทาย แต่เมื่อเขาเห็นแววตาของถังซวงเขาก็หยุดมันทันที ก่อนจะเดินตามหลังอย่างฟึดฟัด
จากนั้นโม่เจ๋อหยวนเดินไปอีกด้านของถังซวง เขามองทิวทัศน์โดยรอบก่อนจะหันกลับมาหาถังซวงอย่างอดไม่ได้ “ซวงเอ๋อร์ ถ้ามีเวลาเราไปเดินเล่นบนภูเขาด้วยกันไหม ที่นี่ไกลมากก็จริงแต่ทิวทัศน์ก็สวยไม่ใช่เล่น”
ถังซวงได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วตอบกลับว่า “ฉันกำลังคิดแบบนั้นอยู่พอดี งั้นเดี๋ยวเราไปด้วยกันนะ”
ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำก็มายืนตรงหน้า เขาเหลือบมองถังซวงและโม่เจ๋อหยวนด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหันไปขมวดคิ้วใส่ถังชุนหยานแล้วเอ่ยถามว่า “ชุนหยานมาถึงแล้วหรือ แต่… สองคนนี้เป็นใครกัน?”
เมื่อเห็นคนที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ถังชุนหยานกระซิบกับถังซวง “พี่ซวง นี่คือเมิ่งก่วงจี๋ค่ะ” แล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะแนะนำ เธอมองเมิ่งก่วงจี๋โดยตรงพร้อมกับพูดว่า “นี่คือถังซวงพี่สาวของฉันเอง แล้วนี่ก็ลูกพี่ลูกน้องของฉัน วันนี้เขาตามฉันมาด้วยน่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เมิ่งก่วงจี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองถังซวงและโม่เจ๋อหยวนด้วยความสงสัย สองคนนี้ไม่เหมือนญาติของตระกูลถังเลยสักนิด พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับตระกูลถังแน่นอน แต่ว่า… ชื่อถังซวงนี้ค่อนข้างคุ้นเคย
“เธอคือ… ลูกสาวของอาเล็กของชุนหยาน?”
ถังชุนหยานรู้ดีว่าถังซวงไม่ชอบที่จะได้ยินเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวตัดบทว่า “อืม ใช่ เรารีบไปที่หมู่บ้านของนายเถอะ”
ถังไห่โปไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขากับตระกูลเมิ่งต้องบาดหมาง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “สองคนนี้เป็นญาติของพวกเรา ทว่าคราวนี้พวกเขามาจากในเมืองเพื่อเยี่ยมเยียนพวกเราในหมู่บ้าน เลยขอติดตามมาด้วย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงมองถังไห่โปด้วยความชื่นชม ผู้ชายคนนี้นับว่าฉลาดไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่าถังไห่โปพูดในสิ่งสำคัญ เมิ่งก่วงจี๋จึงไม่มีความสงสัยเพียงแต่เดินไปด้านหน้าเพื่อนำทาง
“พี่ซวง พี่คิดว่าเขาเป็นยังไงคะ?”
ถังชุนหยานกล่าวกระซิบกระซาบกับถังซวง
แม้เธอจะรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเมิ่งก่วงจี๋ แต่ถ้าหากเธอคิดมากไปเองล่ะ? แล้วถ้าหากเมิ่งก่วงจี๋ไม่มีอะไรผิดแปลก แน่นอนว่าตระกูลเมิ่งจะเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยม เมิ่งก่วงจี๋ไม่ได้แย่เลยในเรื่องของความสูงและรูปร่างหน้าตา
นอกจากนี้เธอยังเคยพบเจอกับพ่อแม่ของเมิ่งก่วงจี๋ด้วยตัวเอง ความคิดความอ่านของพวกเขาเองก็ดีมาก อย่างไรก็ตามการมองจากภายนอกนั้นตระกูลเมิ่งนับว่าเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ถังซวงชำเลืองมองถังชุนหยานพลางตอบกลับ “แค่ดูอย่างเดียวไม่พอ”
“ค่ะ…”
เมื่อถังชุนหยานได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอรีบหยุดพูดเพราะกลัวว่าเมิ่งก่วงจี๋จะได้ยิน
โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่าซวงเอ๋อร์มาที่นี่เพื่อตรวจสอบเรื่องของเมิ่งก่วงจี๋ให้กับถังชุนหยาน เขาจึงสังเกตชายตรงหน้าอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ
เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้านหลี่ซาน ก็มีคนออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ก่วงจี๋ ฉันได้ยินมาว่าคู่หมั้นของนายจะมาที่นี่ แล้วได้เวลาไปรับคู่หมั้นของนายหรือยัง? ฮ่า ๆ … นี่พวกเรากับก่วงจี๋ถึงเวลาที่ต้องการสร้างครอบครัวแล้วสินะ”
ผู้หญิงหลายคนต่างหัวเราะและพูดคุยกัน จากนั้นจึงเหลือบมองด้านหลังของเมิ่งก่วงจี๋อย่างรวดเร็ว สายตาทุกคู่หยุดลงที่ถังซวง ในแววตาเผยความประหลาดใจ
“โอ้… ก่วงจี๋ คู่หมั้นของนายสวยเกินไปหรือเปล่า รูปลักษณ์เช่นนี้นายต้องมีความสุขมากแน่”
สีหน้าของถังซวงยังคงเรียบเฉย หากแต่โม่เจ๋อหยวนเดินตรงเข้าไปหยุดยืนอยู่ด้านข้างถังซวงพลางจับมือเธอไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ เมื่อทั้งสองยืนเคียงข้างกัน ด้วยความสวยและความหล่อเหลาที่สมบูรณ์แบบ ผู้คนรอบข้างเผยสีหน้าแปลกประหลาด พวกเขาต้องยอมรับว่าใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนหล่อเหลากว่าเมิ่งก่วงจี๋มาก เรียกได้ว่าเมิ่งก่วงจี๋เทียบไม่ติดเลยทีเดียว
ทว่าถังไห่โปรีบออกมาโต้แย้งทันที “ไม่ใช่เธอ น้องสาวของฉันต่างหากที่เป็นคู่หมั้นของก่วงจี๋” จากนั้นเขาก็ผลักถังชุนหยานไปด้านข้างของเมิ่งก่วงจี๋ทันที และทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว คนที่ซุบซิบนินทาก่อนหน้าถึงกับอับอาย
จากรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งของถังซวง เวลานี้กลายเป็นถังชุนหยาน ทั้งหมดรู้สึกหดหู่ในทันที จึงพูดกล่าวอีกสองสามคำแล้วรีบจากไป
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว เมิ่งก่วงจี๋จึงเอ่ยพูดขึ้นว่า “ขอโทษด้วยนะ ในหมู่บ้านนี้ไม่เคยมีใครเคยเห็นคุณ พวกเขาเลยเข้าใจผิด”
ถังชุนหยานโบกมืออย่างรวดเร็ว “ค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย ฉันไม่เป็นไร” ขณะพูดอย่างนั้นเธอหันกลับไปหาถังซวงแล้วเอ่ยพูดว่า “พี่ซวง ฉันขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร”
ถังซวงตอบกลับคำเบา ก่อนจะหันมองโม่เจ๋อหยวนด้วยความประหลาดใจ แล้วผลุบตามองลงไปที่มือทั้งสองที่จับกันแน่น “พี่โม่ พวกเขาไปแล้วค่ะ”
แต่ดูเหมือนโม่เจ๋อหยวนจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และยังคงจับมือของถังซวงไว้แล้วเดินต่อไป “เดี๋ยวจะหลงทาง ให้ฉันจับมือเธอไว้ดีกว่า”
พอเห็นอย่างนั้น เมิ่งก่วงจี๋ก็มองถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนอย่างสงสัย ก่อนจะเดินนำทางต่อไป
ในที่สุดถังชุนหยานก็รู้สึกตัว เธอหันมองโม่เจ๋อหยวนด้วยความลำบากใจ แต่ก็ไม่ได้อะไรพูดออกไป
ท้ายที่สุดมีเพียงถังไห่โปเท่านั้นที่พึมพำคำเบา
“ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าถังซวงจะมาที่นี่ด้วยทำไม จะอยากดูอะไรนักหนา”
แต่เขาก็ไม่ได้พึมพำเสียงดังนัก มันเป็นเพียงถ้อยคำในลำคอ
ส่วนถังซวงที่ถูกโม่เจ๋อหยวนจูงมือพยายามดิ้นรนเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมือแกร่งไปได้ เธอจึงปล่อยเลยตามเลย
โม่เจ๋อหยวนที่รู้สึกกังวลมากในคราวแรก เพราะเห็นว่าถังซวงดูคล้ายไม่เต็มใจ ทว่าเวลานี้เขากลับรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มซุกซนปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั้น
เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงบ้านตระกูลเมิ่ง เมิ่งก่วงจี๋ก็เดินเข้าไปด้านในพลางตะโกนเรียก
“พ่อครับ แม่ครับ พวกเขามาแล้วครับ”
ขณะนั้นเองหญิงวัยกลางคนก็เดินออกมา และตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามีผู้คนมากมายมาที่นี่ แต่ในไม่ช้าเธอก็ได้สติแล้วยิ้มให้กับถังชุนหยาน “ชุนหยานเข้ามานั่งด้านในก่อนสิ” จากนั้นมองถังไห่โปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ไห่โปก็มาด้วย เอ่อ แล้วสองคนนั้นเป็นใครหรือ?”
“อ่า… พวกเขาเป็นญาติของเราครับ วันนี้พวกเขาขอติดตามมาเที่ยวด้วยน่ะ”
ถังไห่โปแนะนำพร้อมบอกชื่อของถังซวงออกไป แต่สำหรับโม่เจ๋อหยวนแล้วเขาไม่รู้จะพูดยังไงดี
หญิงวัยกลางคนนี้คือจางหงเม่ย แม่ของเมิ่งก่วงจี๋ หลังได้ยินอย่างนั้นเธอรีบทักทายถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอย่างอบอุ่น “อ้อ เป็นพี่สาวกับพี่ชายของชุนหยานนั่นเอง เอาเถอะ ๆ ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ รีบเข้ามาก่อนสิ”
หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในลานบ้านแล้ว เมิ่งหย่งผู้เป็นพ่อของเมิ่งก่วงจี๋นั่งลงหัวโต๊ะพร้อมกล่าวทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ “อาหารกลางวันกำลังจะเสร็จแล้ว นั่งรอสักครู่ก่อนนะ เดี๋ยวระหว่างนี้ให้ก่วงจี๋พาเดินเล่นรอบ ๆ ก่อน”
“ขอบคุณครับลุงเมิ่ง”
ถังไห่โปมองเมิ่งหย่งด้วยรอยยิ้ม แต่ก็มีความประจบสอพลอบนใบหน้านั้น
ตระกูลเมิ่งนั้นมีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยม เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสฉกฉวยกำไรจากครอบครัวนี้ในอนาคตได้หรือเปล่า
เมื่อเห็นถังไห่โปทำตัวเช่นนี้ ถังชุนหยานยิ่งรู้สึกละอายใจ พี่ชายคนนี้ราวกับมีดวงตาอยู่เหนือศีรษะ ตอนนี้เขาปฏิบัติต่อตระกูลเมิ่งอย่างไร้ยางอายจริง ๆ
ทว่าถังซวงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เธอมองไปรอบ ๆ อย่างใจเย็นและพบว่าข้างหน้าต่างมีแจกันดอกคามิเลียสองสามดอกซึ่งบานสะพรั่ง เป็นสีสันให้กับห้องว่างเปล่านี้ได้เป็นอย่างดี