การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 209 เจอกับชาวฝูซาง
บทที่ 209 เจอกับชาวฝูซาง
บทที่ 209 เจอกับชาวฝูซาง
เมื่อถังซวงได้ยินคำพูดของถังชุนหยานแล้ว เธอยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “รออีกสักหน่อย เดี๋ยวเราจะขึ้นไปบนภูเขา”
ถังไห่โปตะโกนขึ้นหลังจากได้ยิน
“อะไรนะ? เราไม่ได้กำลังจะกลับบ้านงั้นหรือ ทำไมพวกเธอจะขึ้นไปบนภูเขาอีก เมื่อครู่นี้ผู้ใหญ่บ้านก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร เรื่องโสมก็เป็นแค่ข่าวลือ รีบกลับบ้านได้แล้ว เร็วเข้า”
ถังชุนหยานมองถังไห่โปอย่างขุ่นเคืองก่อนจะตอบกลับว่า “ถ้าพี่อยากกลับ ก็กลับไปคนเดียวเถอะค่ะ”
“นี่… นังผู้หญิงตัวเหม็น”
เวลานี้ถังไห่โปรู้สึกเพียงว่าถังชุนหยานกำลังดื้อรั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเขาและครอบครัวต่างรู้สึกว่าตระกูลเมิ่งนั้นเป็นคนดี แต่ถังชุนหยานยังคงดื้อรั้นโดยคิดว่าอีกฝ่ายมีปัญหา และพาถังซวงมาที่นี่ด้วย เขาไม่รู้เลยว่าน้องสาวคนนี้คิดจะทำอะไร
ทว่าเมื่อถังไห่โปเห็นถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังมองมา เขาหุบปากโดยไม่รู้ตัวทันที การถูกจ้องมองโดยสองคนนี้ เขามักจะรู้สึกว่าถูกข่มอยู่เสมอ “เอาเถอะ ก็ได้ ไปก็ไป”
เมื่อเห็นว่าถังไห่โปยอมแพ้แล้ว ถังชุนหยานตะคอกอีกว่า “แล้วก็หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระสักที” ขณะพูดอย่างนั้น เธอรีบจ้ำอ้าวเดินตามถังซวงไป
พวกเขาจงใจหลีกเลี่ยงชาวบ้าน และเดินขึ้นภูเขาไปอย่างช้า ๆ
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้เชิงเขา ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนหยุดฝีเท้าอย่างกระทันหัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่ซวง ทำไมไม่เดินต่อล่ะ?”
ถังไห่โปพูดออกไปอย่างกระวนกระวาย “พวกเธอไม่ได้จะไปบนภูเขาหรือ หยุดทำไมล่ะ?”
ถังซวงคว้าถังชุนหยานเข้ามาแล้วกระซิบ “หยุดก่อน… มีใครบางคนกำลังมา ไปหลบเร็ว”
“ค่ะ ๆ”
ถังชุนหยานเชื่อถังซวง เธอรีบหลบไปด้านข้างทันที
ถังไห่โปคิดว่าคนที่กำลังมาอาจเป็นเมิ่งก่วงจี๋ แต่เขาก็ทำได้เพียงเม้มปากแล้วหลบไปอย่างเชื่อฟัง โม่เจ๋อหยวนยืนคุมอยู่ด้านหลังถังไห่โป เขามองอีกฝ่ายราวกับกังวลว่าอีกฝ่ายจะปากสว่างขึ้น
หลังจากที่ถังซวงและคนอื่น ๆ หลบซ่อนตัว คนสองคนก็เดินผ่านพวกเขาไป และพูดคุยกันโดยใช้ภาษาที่แปลกประหลาด
เมื่อถังซวงและโม่เจ๋อหยวนได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของทั้งสองก็เคร่งเครียดขึ้นทันที
จนกระทั่งทั้งสองคนนั้นเดินหายไป ถังชุนหยานก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เมื่อครู่นี้สองคนนั้นพูดอะไรกันหรือ? ทำไมฉันฟังไม่เข้าใจเลย”
ถังไห่โปก็สงสัยด้วยเช่นกัน
“พวกเขาพูดภาษาจีนกลางหรือว่าภาษาถิ่นหรือ? ทำไมมันฟังดูแปลกมาก”
ถังซวงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและพูดกับถังชุนหยานว่า “เราจะไม่ไปที่ภูเขาแล้ว กลับกันก่อนเถอะ”
“อ้าว… ไม่ไปแล้วหรือคะ?”
ถังชุนหยานเอ่ยถามด้วยความสับสน ใบหน้าของเธอยังคงงุนงง
ถังไห่โปรู้สึกไม่พอใจเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “เดี๋ยวก็จะไป เดี๋ยวก็ไม่ไป ฉันไม่รู้แล้วว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่…”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ถังไห่โปก็เห็นสายตาเย็นชาของถังซวงจับจ้องมา เขาหวาดกลัวจนกลืนถ้อยคำที่เหลือลงท้องไปอย่างรวดเร็ว แล้วหุบปากเงียบสนิท
เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของถังซวงและโม่เจ๋อหยวนแล้ว ถังชุนหยานไม่กล้าพูดอะไรต่อ เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ค่ะ งั้นเรากลับกันเถอะ”
เมื่อออกไปด้านนอก ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น พวกเขาพาถังชุนหยานและถังไห่โปออกจากหมู่บ้านหลี่ซานอย่างรวดเร็ว และส่งพวกเขาที่ทางเข้าหมู่บ้านหลู่ฮวา
“ชุนหยาน ฉันคิดว่ามีเรื่องประหลาดเกี่ยวกับตระกูลเมิ่งจริง ๆ เธออย่าตอบตกลงการแต่งงานคราวนี้เด็ดขาด พวกเรามีบางอย่างต้องไปทำ ขอตัวก่อน”
หลังพูดจบ ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจากไปพร้อมกับแววตาเคร่งเครียดราวกับรู้อะไรมา
หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว ถังไห่โปมองถังชุนหยานด้วยความโกรธก่อนจะตะคอกว่า “นังตัวเหม็น อย่าต้องสนใจคำพูดของถังซวง หล่อนก็แค่อิจฉาที่เธอได้คู่ครองที่ดี เธอต้องตอบตกลงยอมรับการแต่งงานครั้งนี้นะ”
ถังชุนหยานอยู่ในความสับสนเมื่อได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น เวลานี้เธอฟื้นคืนสติกลับมาหลังจากได้ยินคำพูดของถังไห่โป เธอเหลือบมองพี่ชายของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะพูดว่า “มีคนอย่างสหายโม่ยืนเคียงข้างขนาดนั้น พี่สาวซวงจะยังอิจฉาที่ฉันได้เจอกับผู้ชายอย่างเมิ่งก่วงจี๋อีกงั้นหรือ?”
ถังไห่โปถึงกับพูดไม่ออก
เมื่อนึกถึงรูปร่างหน้าตาและท่วงท่าของโม่เจ๋อหยวนแล้ว ถังไห่โปยังต้องยอมรับว่าเขาหล่อเหลามากจริง ๆ และไม่สามารถพูดโต้แย้งความจริงนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ยังไงซะเธอก็ต้องตอบรับการแต่งงานกับตระกูลเมิ่ง ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องถูกคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายและคุณพ่อคุณแม่จัดการแน่”
“พี่ถัง… นี่พี่ก็ต้องการขายฉันด้วยงั้นหรือ? เป็นเพราะตระกูลเมิ่งให้สินสอดมากมายพี่เลยอยากให้ฉันแต่งงาน? ฉันจะบอกให้ว่าฉันไม่มีวันยอมรับการแต่งงานคราวนี้ และตระกูลเมิ่งมีบางอย่างที่ผิดปกติ!”
“ตระกูลเมิ่งจะผิดปกติยังไง? วันนี้พวกเราทุกคนไปที่ตระกูลเมิ่งและเห็นชัดว่าเมิ่งก่วงจี๋กับพ่อแม่ของเขาล้วนแต่ต้อนรับเราอย่างดี อีกทั้งชาวบ้านในหมู่บ้านหลี่ซานก็ยังดีกับพวกเรา ทำไมต้องไปฟังคำพูดไร้สาระของถังซวงด้วย”
ทว่าถังชุนหยานเชื่อมั่นในตัวถังซวงมาก
“ฉันไม่สน ในเมื่อพี่สาวซวงบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฉันก็เชื่อว่าตระกูลเมิ่งจะต้องมีเรื่องปิดบังเราแน่ ฉันจะไม่แต่งงานกับตระกูลเมิ่งเด็ดขาด”
หลังถังชุนหยานพูดจบ เธอสะบัดศีรษะก่อนจะเดินจากไปด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นว่าถังชุนหยานไม่คิดฟังอะไร ถังไห่โปโกรธจัดพร้อมกระวนกระวายจนใบหน้าแดงก่ำ สุดท้ายเขารีบวิ่งกลับไปที่บ้าน โดยตั้งใจว่าจะพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้
อีกด้านหนึ่ง หลังจากออกจากหมู่บ้านหลู่ฮวาแล้ว ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับไปที่หมู่บ้านหลี่ซานอีกครั้ง
ยังไงเสียโม่เจ๋อหยวนยังคิดถึงสองคนที่ได้พบเจอเมื่อครู่นี้ ก่อนจะมองถังซวงด้วยความกังวลแล้วเอ่ยว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอกลับไปก่อนดีกว่า ฉันจะไปที่นั่นคนเดียว”
“พี่โม่ ฉันจะไปด้วย มีเรื่องอีกมากมายที่ฉันต้องจัดการ พี่ไม่ต้องห่วง”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนยังลังเล ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “พี่โม่ถ้าเราไม่รีบไปที่นั่นเดี๋ยวมันจะมืดซะก่อน เร็วเข้าเถอะค่ะ ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับชาวฝูซาง*[1] ในหมู่บ้านหลี่ซานนี่ หลังจากฟังที่พวกเขาพูดคุยกันแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับเมิ่งหย่งเป็นอย่างดี”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ทั้งสองพูดก่อนหน้านี้ ดวงตาของโม่เจ๋อหยวนเต็มไปด้วยความโกรธ
ทั้งสองคนนั้นต้องการให้เมิ่งหย่งหาทางพาซวงเอ๋อร์ไปที่หมู่บ้านหลี่ซาน และจากคำขอนี้ เมิ่งก่วงจี๋ที่ต้องแต่งงานกับถังชุนหยานจึงกลายเป็นปัญหา
ทว่าเวลานั้นเองโม่เจ๋อหยวนหันมองถังซวงอย่างประหลาดใจ
“ซวงเอ๋อร์ เธอเข้าใจความหมายที่สองคนนั้นพูดด้วยหรือ?”
“…” ถังซวงเงียบไปครู่หนึ่ง
ตอนนี้เธอรีบมากจนไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ สุดท้ายเธอยิ้มให้กับโม่เจ๋อหยวนแล้วตอบว่า “ฉันก็พอเข้าใจอยู่บ้าง ฉันศึกษามันจากหนังสือที่คุณยายทิ้งไว้ค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นโม่เจ๋อหยวนมองถังซวงด้วยความสงสัย แต่เขาก็ยิ้มและไม่ได้ถามอะไรต่อ “อืม งั้นเราไปที่นั่นกันเถอะ แต่เราต้องระมัดระวังไม่ให้ใครพบเจอเราเด็ดขาด”
“ค่ะ”
เมื่อทั้งสองมาถึงหมู่บ้านหลี่ซานอีกครั้ง เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน ทั้งสองตรงไปที่ภูเขาทันที แต่ก่อนที่จะไปถึงตีนเขา พวกเขาหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน ทั้งสองกลับมาที่นี่อีกครั้ง พวกเขาเห็นว่ามีคนมากมายกำลังคุ้มกันแน่นหนา มีทั้งคนหนุ่มสาวและผู้ใหญ่วัยกลางคนจากหมู่บ้านหลี่ซานหลายคน รวมไปถึงมีชาวฝูซางด้วย
เมื่อถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังจะก้าวเดินต่อไป ชายคนหนึ่งหน้าตาดุร้ายก็โผล่ออกมาพร้อมกับตะโกนใส่ฝูงชนว่า
“ทำงานให้มันมีเรี่ยวแรงหน่อย อย่าขี้เกียจ!”
*[1] ฝูซาง การเรียกชาวญี่ปุ่นในสมัยโบราณ