การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 210 ทันเวลา
บทที่ 210 ทันเวลา
บทที่ 210 ทันเวลา
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว คนอื่น ๆ เปล่งเสียงออกมาพร้อมกันว่า “ครับ”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนที่กำลังหลบซ่อนอย่างระมัดระวังถึงกับกลั้นลมหายใจ เพราะกลัวว่าจะถูกพบ โชคดีที่ทั้งสองมีความชำนาญพอควร จึงซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียนจนไม่มีใครพบ
เมื่อทุกคนหายจากไปแล้ว ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเดินออกมาอย่างระวังตัว ใบหน้าของทั้งคู่ยิ่งเคร่งเครียด
“ดูเหมือนปัญหาภายในหมู่บ้านหลี่ซานนี้จะใหญ่กว่าที่เราคิด”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้ารับ “ใช่ ไม่รู้เลยว่าพวกเขาซ่อนความลับอะไรไว้”
ถังซวงมองหน้าเขาด้วยแววตาล้ำลึก แล้วกล่าวคำจริงจัง “ในเมื่อพวกเรามาถึงนี่แล้ว เราลองไปดูสักหน่อยดีกว่าค่ะ” ทว่าท้ายที่สุดเธอก็ยังกล่าวกับโม่เจ๋อหยวนว่า “แต่เราจะทำในสิ่งที่เราทำได้เท่านั้น ถ้าเกิดเรื่องที่ไม่สามารถรับมือได้ เราจะหนีทันที”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “ต้องเป็นอย่างนั้น”
ถ้าเพียงลำพังตัวเขาคนเดียว เขายังสามารถเสี่ยงอันตรายได้ ทว่าเวลานี้ซวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ เขาไม่มีวันปล่อยให้เธอต้องตกอยู่ในอันตรายแน่
ทั้งสองหลบเลี่ยงคนลาดตระเวนพร้อมกับเดินตรงไป มีถ้ำอยู่ข้างหน้า พวกเขาเข้าใจทันทีว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในถ้ำนั้นแน่ ๆ
ทว่าเวลานี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง มีใครบางคนกำลังออกจากถ้ำประปราย มีคนส่งเสบียงอาหารให้ และมีคนนั่งกินอาหารอยู่บนพื้นอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในถ้ำ
“พี่โม่รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ฉันจะเข้าไปดู”
โม่เจ๋อหยวนคว้าถังซวงไว้อย่างรวดเร็ว “ซวงเอ๋อร์ เธอควรอยู่ตรงนี้ ฉันจะเข้าไปดูเอง”
สุดท้ายทั้งคู่ต่างไม่มีใครยอมใคร พวกเขาจึงต้องเข้าไปด้วยกัน
ทันทีที่เธอมาถึงทางเข้าถ้ำ ถังซวงย่อตัวลงพร้อมใช้มือสัมผัสเศษดินบนพื้น เธอกำมือขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปหาโม่เจ๋อหยวน ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาภายในถ้ำพอดี
“พี่โม่คะ กลับกันก่อนเถอะค่ะ”
ถังซวงพอจะคาดเดาบางอย่างได้แล้ว เวลานี้เธอรีบพาโม่เจ๋อหยวนไปซ่อนตัว หลังจากผู้มาใหม่เดินผ่านไปแล้ว เธอรีบเอ่ยพูดต่อว่า “พี่โม่ คนพวกนี้มาที่นี่เพื่อขุดเหมืองลิเธียม เราต้องกลับกันก่อนค่ะ”
“อืม รีบกลับเถอะ”
โม่เจ๋อหยวนเชื่อในการตัดสินใจของถังซวง เขารีบออกไปโดยไม่พูดอะไรให้มากความ
หลังทั้งสองออกจากหมู่บ้านหลี่ซาน พวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าสีหน้าก็ยังไม่ผ่อนคลายนัก “ไม่รู้เลยว่าเหมืองลิเธียมในหมู่บ้านหลี่ซานถูกขุดตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมันถูกขุดมานานแค่ไหน ได้รับเงินไปจำนวนเท่าไร อีกอย่างเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแร่ลิเธียมเหลืออยู่เท่าไร”
“ซวงเอ๋อร์ ตอนนี้เราต้องกลับกันก่อน เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าเราจะแก้ไขได้ ต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น”
ถังซวงพยักหน้ารับทันที
เมื่อถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับเข้าเมือง มันก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว ท้องฟ้ามืดดำสนิท ลมหนาวพัดผ่าน ทั้งสองเหน็ดเหนื่อยและความหิวโหยยิ่งทวีคูณมากขึ้น
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวโม่ นั่นพวกลูกหรือ?”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนตกตะลึงหลังจากได้ยินเสียงทักทาย เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่ามีหลายคนกำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเขาโดยเปิดไฟฉายส่องสว่าง
เฮ่อหลานเป็นคนที่วิ่งนำหน้า เมื่อเห็นทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัย เธอร่ำไห้ออกมาอย่างยินดี “ในที่สุดก็กลับมาสักที ถ้าพวกเธอยังไม่กลับมา พวกเรากำลังจะไปที่หมู่บ้านลู่ฮวาเพื่อตามหาพวกเธออยู่พอดี”
ด้านหลังของเฮ่อหลานคือจิงเจ้อหรง หลี่จงอี้ และถังเซวี่ย ทั้งหมดรู้สึกโล่งอกด้วยเช่นกันเมื่อเห็นว่าทั้งสองกลับมาแล้ว จากนั้นหลี่จงอี้เอ่ยพูดขึ้นว่า “เอาเถอะ กลับบ้านกันเถอะ ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวโม่คงจะเหนื่อยมากแล้ว”
“ค่ะ กลับบ้านกัน”
เฮ่อหลานพยักหน้าพลางตอบกลับ ก่อนจะดึงถังซวงไป
เวลานี้ถังซวงจึงมีโอกาสได้พูดบ้าง
“แม่กับลุงจิงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? หนูคิดว่าน่าจะอีกหลายวันซะอีก”
“กลับมาแล้วจ้ะ พวกเราจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเลยรีบกลับมา ทว่าหลังจากมาถึงบ้านเราไม่เจอเสี่ยวโม่กับลูก เสี่ยวเซวี่ยจึงเล่าเรื่องราวให้แม่ฟังถึงได้รู้ว่าพวกลูกไปที่หมู่บ้านหลี่ซาน แต่หลังจากกินมื้อเย็นแล้วพวกเธอยังไม่กลับมา พวกเราเลยเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น”
หลังได้ยินแล้วถังซวงรีบกล่าวอธิบาย “แม่คะ เราบังเอิญเจอบางอย่างเข้า แต่ตอนนี้ดึกมาแล้ว รีบกลับบ้านกันก่อนเถอะค่ะ”
“อืม เรารีบกลับกันก่อนดีกว่า”
จิงเจ้อหรงที่เดินตามหลังพูดขึ้นก่อนจะพาทุกคนกลับบ้าน
หลังมาถึงบ้าน เฮ่อหลานก็มองเห็นใบหน้าที่เป็นกังวลของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน ก่อนจะบอกให้ทั้งสองรีบไปอาบน้ำ
ทว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรในตอนนี้ พวกเขาหันมองจิงเจ้อหรงก่อนจะพูดพร้อมกันว่า “ลุงจิง พวกเรามีบางอย่างต้องคุยกับลุงค่ะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกระวนกระวายเพียงใด จิงเจ้อหรงพลันพยักหน้ารับทันที “อืม งั้นเรามาคุยกันก่อน” เดิมทีเขาต้องการที่จะให้ทั้งสองพูดมันออกมาโดยตรง แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเด็กทั้งสองแล้ว เขาจึงเปลี่ยนสถานที่ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวแทน
จิงเจ้อหรงพาพวกเขาออกไปด้านนอก
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนบอกเล่าทุกอย่างที่ได้เห็นในหมู่บ้านหลี่ซาน และสุดท้ายกล่าวเสริมไว้ว่า “เราต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นขนย้ายสิ่งของของพวกเราออกไป เราต้องปกป้องสมบัติในประเทศของเรา”
หลังฟังถังซวงและโม่เจ๋อหยวนพูดแล้ว ใบหน้าของจิงเจ้อหรงกลายเป็นเคร่งขรึมทันที
“มันไม่สมควรเกิดเรื่องนี้ขึ้นด้วยซ้ำ”
ตอนท้ายจิงเจ้อหรงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันจะรีบไปจัดการเรื่องนี้ทันที เอาเถอะ พวกเธอควรจะไปอาบน้ำ กินมื้อเย็นกันให้เรียบร้อย” เวลานี้เขายังไม่ลืมที่จะกล่าวลากับเฮ่อหลาน “อาหลาน ผมมีเรื่องต้องทำเลยจะขอตัวกลับก่อนนะครับ พักผ่อนให้สบายครับ” หลังพูดจบเขาเดินออกไปอย่างรีบร้อน
เมื่อมองแผ่นหลังของจิงเจ้อหรงที่เร่งรีบ เฮ่อหลานก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น
“ทำไมอาเจ้อถึงต้องรีบร้อนอย่างนั้น? นี่ก็มืดมากแล้ว มีเรื่องด่วนอะไรกันนะ”
ถังซวงรีบเอ่ยขึ้นว่า “แม่คะ หนูหิวมากเลยค่ะ มีอะไรกินบ้างคะ”
หลังได้ยินอย่างนั้น แม้เฮ่อหลานจะกังวลเกี่ยวกับจิงเจ้อหรง แต่เธอก็หันกลับมาสนใจลูกสาวอย่างรวดเร็วแล้วตอบถังซวงว่า “อ้อ เดี๋ยวแม่ไปอุ่นอาหารให้นะ”
ไม่นานเฮ่อหลานก็ออกมาพร้อมกับอาหาร ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนรีบกินอาหารกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาแทบจะไม่วางตะเกียบจนกระทั่งหมดไปสามชามใหญ่
เมื่อเห็นทั้งสองคนกินอิ่มแล้ว ถังเซวี่ยจึงถือโอกาสเอ่ยถาม “พี่คะ วันนี้พี่กับพี่โม่ไปกับพี่ชุนหยาน แล้วเรื่องหมู่บ้านหลี่ซานเป็นยังไงบ้างคะ? เมิ่งก่วงจี๋คนนั้นเป็นคนยังไงหรือคะ?”
“เสี่ยวเซวี่ย อย่าพูดถึงหมู่บ้านหลี่ซานอีก”
“เอ๋?”
ถังเซวี่ยยังสับสนในคราวแรก แต่เมื่อเห็นใบหน้าจริงจังของพี่สาวและโม่เจ๋อหยวนแล้ว เธอจึงรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น “ทำไมหรือคะพี่ บอกฉันได้ไหม?”
“ความจริงแล้วฉันก็ไม่รู้ถึงสถานการณ์โดยละเอียดนัก เราจะไม่รู้เรื่องนี้จนกว่าลุงจิงจะจัดการเสร็จสิ้น แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านหลี่ซานเป็นเรื่องใหญ่”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว จะไม่ถามอีก”