การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 218 เริ่มการก่อสร้าง
บทที่ 218 เริ่มการก่อสร้าง
บทที่ 218 เริ่มการก่อสร้าง
พอได้ยินเฮ่อหลานตอบรับ ป้าหวงถึงกับตื่นเต้น
“อาหลานยอมให้ฉันไปทำอาหารแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”
เฮ่อหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ค่ะ ตอนที่ฉันคุยกับผู้ใหญ่บ้านเรื่องนี้ ฉันก็นึกถึงคุณป้าจริง ๆ และฉันก็ขอที่อยู่ของคุณป้าเอาไว้แล้วด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าคุณป้าจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง ความจริงแล้วฉันคิดว่าคุณป้าน่าจะให้ลูกสะใภ้คนโตหรือลูกสะใภ้คนเล็กมาทำแทนซะอีก”
ป้าหวงลูบหลังมือเฮ่อหลานด้วยความพอใจ “อาหลาน ขอบคุณที่ยังนึกถึงพวกเราเสมอนะ ขอบคุณมากจริง ๆ” สุดท้ายเธออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เดิมทีฉันก็อยากจะให้ลูกสะใภ้ทั้งสองมาลองทำงานด้วย แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ฉันไม่อยู่บ้าน ทั้งสองคนจะทะเลาะกันเสมอ เพราะอย่างนั้นในตอนทำงานฉันไม่ยอมให้เกิดเรื่องอย่างนี้เด็ดขาด” เมื่ออยู่ต่อหน้าเฮ่อหลาน เธอไม่มีอะไรต้องปิดบัง จึงบอกกล่าวไปตามตรง
เฮ่อหลานไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จึงรีบกล่าวปลอบ “คุณป้าคะ ฝีมือการทำอาหารของป้า ยอดเยี่ยมเสมอ ถ้าคุณป้าทำงานกับพวกเราจะต้องมีคนมากมายชอบอาหารของโรงงานเย็บปักแน่ค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ป้าหวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เวลานี้เธอกล่าวธุระของตนเองเสร็จสิ้น และเห็นว่าบ้านของเฮ่อหลานมีแขกมากมาย หญิงชราจึงรีบขอตัวกลับก่อน
ทว่าก็จากไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อซูจ้าวตี้ลูกสะใภ้คนโตและเหรินชุยฮวาลูกสะใภ้คนเล็กเห็นว่าป้าหวงกลับมาแล้ว ทั้งสองวิ่งไปด้านหน้าพร้อมเอ่ยถามว่า “คุณแม่คะ เป็นยังไงบ้าง? เฮ่อหลานรับพวกเราทำอาหารไหมคะ?”
ป้าหวงชำเลืองมองทั้งสองก่อนจะตอบสั้น ๆ “ใช่”
“ดีจังเลย ฉันรู้อยู่แล้วว่าเฮ่อหลานจะต้องเห็นด้วยแน่นอน ก่อนเธอจะแต่งงาน คุณแม่ดูแลเธอมาตลอด แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอจะไม่เห็นด้วยได้ยังไง”
หลังได้ยินคำพูดของซูจ้าวตี้ ใบหน้าของป้าหวงเคร่งเครียดทันที “หุบปากซะ แม้ว่าฉันจะดีกับเฮ่อหลาน แต่ก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น ระวังคำพูดของเธอด้วย”
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วซูจ้าวตี้และเหรินชุยฮวาเม้มปากอย่างรู้สึกผิด แม่สามีของพวกเธอเป็นคนซื่อ และเฮ่อหลานก็มีชีวิตที่ดี แม่เคยช่วยเหลือเฮ่อหลานในอดีต ดังนั้นนี่จึงเป็นเวลาที่ดีที่เฮ่อหลานจะต้องตอบแทน ซึ่งทั้งสองคิดตรงกันในเรื่องนี้ หากพวกเขาสามารถสร้างรายได้สามสิบหยวนต่อเดือนจากการทำอาหาร ทว่าในหนึ่งปีมันก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากนัก
แม้พวกเธอจะคิดอย่างนั้น แต่ซูจ้าวตี้และเหรินชุยฮวาก็รู้ว่าไม่ควรจะกล่าวเรื่องนี้อย่างเอาแต่ใจ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ยังคงถามถึงเรื่องการทำอาหารต่อไป “คุณแม่คะ แล้วเฮ่อหลานว่ายังไงบ้าง? คุณแม่ได้ขอตำแหน่งทำอาหารให้กับพวกเราสองคนไหมคะ?”
“อย่าได้เพ้อฝันไปมากนักเลย ไม่มีอะไรอย่างนั้นแน่นอน”
ป้าหวงทำความฝันของซูจ้าวตี้และเหรินชุยฮวาสลายไปในพริบตา
ซูจ้าวตี้และเหรินชุยฮวาตกตะลึงเมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของทั้งสองเผยความตื่นตระหนก “เป็นไปได้ยังไงคะ ทำไมเฮ่อหลานไม่จ้างพวกเรา? ตอนนี้เธอสุขสบายเลยลืมความเห็นอกเห็นใจที่เคยได้รับในเวลานั้นไปหมดแล้วสินะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ขุ่นเคืองของลูกสะใภ้ทั้งสอง ป้าหวงอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย “อาหลานจ้างฉันแค่คนเดียว จากวันนี้ไปฉันจะไปทำงานที่โรงงานเย็บปักแล้วทำอาหารให้กับพวกลูกจ้าง ส่วนพวกเธอ อยู่ที่บ้าน!” หลังพูดจบ ป้าหวงก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองทั้งสอง
“อ้าว… เดี๋ยวก่อนค่ะ… คุณแม่… แม่… เดี๋ยว…”
ยังไงเสียป้าหวงไม่หยุดฝีเท้า เธอเดินออกไปทันที
ซูจ้าวตี้และเหรินชุยฮวารู้สึกว่าพวกเธอทำอะไรไม่ถูก และเวลานี้ยิ่งนึกเสียใจ
อีกด้านหนึ่ง หลังจากป้าหวงจากไปแล้ว เฮ่อหลานและเกอชิงเหม่ยก็ตรงเข้าครัวไปเพื่อทำอาหาร และหลังจากอาหารพร้อมแล้ว ทุกคนก็นั่งลงเพื่อร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
“แม่คะ อาหารที่แม่กับป้าเกอทำอร่อยมากเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินถังเซวี่ยพูดอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วตอบว่า “ป้าเกอของลูกต่างหากที่ทำอาหารในวันนี้ เธอฝีมือดีจริง ๆ”
ถังเซวี่ยยิ้มกว้างก่อนจะชมเกอชิงเหม่ยอีกครั้ง
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ใบหน้าของเกอชิงเหม่ยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จู่ ๆ เธอก็นึกอิจฉาเฮ่อหลานที่มีลูกสาวที่ดีอย่างถังซวงและถังเซวี่ย ในอนาคตเด็กสองคนนี้ก็จะเป็นหลานของเธอเช่นกัน เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วเธอก็ลอบมีความสุขอยู่ในใจ
หลังทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว จิงเจ้อหรงมองเฮ่อหลานแล้วถามว่า “อาหลาน คุณบอกว่าผู้ใหญ่บ้านอนุมัติที่ดินให้ผืนหนึ่งแล้ว งั้นเราไปดูกันเถอะครับ”
เฮ่อหลานพยักหน้าอย่างรีบร้อนก่อนจะตอบว่า “ค่ะ ๆ เดี๋ยวเราไปที่นั่นตอนนี้เลย”
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงจะไปด้วย ถังซวงก็ไม่คิดจะตามไป
ยังไงจิงเจ้อหรงก็มาที่นี่เพื่อเตรียมการก่อสร้างโรงงานเย็บปักของเฮ่อหลาน เมื่อเขาเห็นที่ดินที่หลิวเหลียงไคอนุมัติให้นั้นไม่เล็ก และยังใหญ่มากพอที่จะสร้างโรงงานเย็บปักได้ เขาจึงพูดขึ้นว่า “อาหลาน เราควรจะเริ่มสร้างในอีกวันสองวันข้างหน้านะครับ”
“ดีเลยค่ะ”
เฮ่อหลานต้องการให้โรงงานเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เลยพยักหน้าตอบรับ
“ในเมื่อเราจะสร้างตึก คงต้องไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านดูสักหน่อย เราอาจจะให้ชาวบ้านมาช่วยงานตรงนี้ได้ จะได้มั่นใจว่าเขาจ่ายเงินให้กับชาวบ้านจริง ๆ น่ะครับ” จิงเจ้อหรงค่อนข้างรอบคอบ เพราะเฮ่อหลานกำลังจะสร้างโรงงานเย็บปักในหมู่บ้านเถาฮวา การที่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมด้วยเป็นเรื่องที่ดี พวกเขาจะได้รู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานเย็บปักนี้ในอนาคต
เฮ่อหลานพยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “ดีเลยค่ะ”
เฮ่อหลานเร่งรีบในขั้นตอนนี้มาก เธอพูดคุยกับหลิวเหลียงไคโดยตรงเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร และเขาได้ยินว่าเธอจะจัดจ้างคนในหมู่บ้านได้ ซึ่งการจ่ายค่าจ้างเป็นหน้าที่ของเฮ่อหลาน เขารีบตอบตกลงอย่างรวดเร็ว “ได้เลย เดี๋ยวฉันจะหาคนมาให้ ไม่ต้องห่วง ช่างก่อสร้างของเราทั้งหมดล้วนแต่มีฝีมือกันทั้งนั้น”
“ขอบคุณค่ะ ฉันเชื่อใจผู้ใหญ่บ้าน ต้องรบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่มีปัญหา เธอไม่ต้องกังวล”
เวลานี้หลิวเหลียงไคมีความสุขมาก ด้วยวิธีนี้จะทำให้หลายคนในหมู่บ้านสามารถใช้ทักษะแลกเงินได้ ไม่แปลกที่เขาจะมีความสุข
ไม่นานนักทั้งหมู่บ้านเถาฮวาก็ทราบข่าวว่าเฮ่อหลานจะสร้างอาคาร และขอจัดจ้างคนในหมู่บ้าน
เฮ่อจื่อกุยและลูกชายของเขาเคยเชิญชวนพวกตนมาก่อน และเวลานี้มีงานเข้ามาอีกครั้ง ชาวบ้านทุกคนล้วนแต่ยินดี ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รู้ว่าเฮ่อหลานคนนี้แตกต่างจากพวกเขาทั้งหมดไปเสียแล้ว
ไม่นานนัก โรงงานเย็บปักก็เริ่มก่อสร้างขึ้น เพราะมีคนงานจำนวนมากทุกคนจึงมีแต่ความกระตือรือร้น และอาคารก็เริ่มเป็นรูปร่างอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลานี้ เฮ่อหลาน ซูเหนียนอวิ๋นและเกอชิงเหม่ยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวา ส่วนจิงเจ้อหรงต้องกลับไปทำงานและจะมาที่นี่ในช่วงวันหยุดเท่านั้น ถังซวงและคนอื่น ๆ ไปโรงเรียนในทุกวัน แต่พวกเขากลับมาที่หมู่บ้านเถาฮวาหลังเลิกเรียน แม้เส้นทางจะไกลเล็กน้อย ทว่าเวลานี้พวกเขาทั้งหมดมีจักรยานส่วนตัว มันจึงค่อนข้างสะดวก
การก่อสร้างโรงงานเย็บปักใช้เวลาประมานสามเดือน จากนั้นทุกคนก็เริ่มวุ่นวายกับการตกแต่ง ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านเถาฮวาวุ่นกันจนหัวหมุน
เรื่องที่เกิดในหมู่บ้านเถาฮวานี้แพร่กระจายออกไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง เมื่อพวกเขาได้ทราบข่าว แววตาของทุกคนก็กลายเป็นเพลิงลุกไหม้ไปด้วยความอิจฉา เฮ่อหลานเพียงคนเดียวสามารถจ่ายเงินให้กับชาวบ้านทั้งหมดได้ และยังทำให้หลายครอบครัวสามารถลืมตาอ้าปากในระยะเวลาสั้น ๆ
เมื่อแม่เฒ่าถังทราบถึงเรื่องนี้เข้า เธอโกรธมากที่ตนเองไม่ได้รับโอกาสนี้ด้วย